โยธาหาปมดับ5ศพ
เจอเครนสภาพเก่า
เรียกสอบ‘วิศวกร’
ประมาทโทษหนัก
กรมโยธาธิการฯ พร้อมผู้เชี่ยวชาญสภาวิศวกร ตรวจสอบที่เกิดเหตุเครนถล่มทับคนงานตาย 5 เจ็บ 5 เบื้องต้นพบเครนเก่า ไม่พร้อมใช้งาน จ่อเรียกสอบวิศวกรคุมงาน ถ้าพบประมาทเจอข้อหาหนัก โทษสูงสุดถอนใบอนุญาต ด้านผอ.เขตยานนาวาติดป้ายห้ามก่อสร้าง สั่งรื้อถอน
ความคืบหน้ากรณีเหตุเครนถล่มช่วงคนงานกำลังต่อเครน เพื่อก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง บนถนนพระราม 3 ซอย 45 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน เหตุเกิดช่วงบ่ายวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม นายเสถียร เจริญเหรียญ วิศวกรใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมือง กรุงเทพมหานคร นายชูเลิศ จิตเจือจุณ ผู้เชี่ยวชาญชำนาญการด้านโยธา และการก่อสร้าง สภาวิศวกร พร้อมทีมวิศวกร และนายสุทัศน์ รุจิณรงค์ ผู้อำนวยการเขตยานนาวา ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเครนถล่ม ย่านถนนพระราม 3 จนมีคนงานเสียชีวิต 5 ราย
โดยนายชูเลิศกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบ เครนมีสภาพเก่า ไม่สมบูรณ์ 100% และไม่พร้อมใช้งาน จึงสันนิษฐานได้ว่า เหตุเครนถล่มครั้งนี้ เกิดจากความบกพร่องในการทำหน้าที่ของวิศวกร ซึ่งการก่อสร้างอาคารสูงลักษณะเช่นนี้ ตามหลักการแล้วต้องมีวิศวกร 2 ส่วนประสานงานกัน คือ วิศวกรโยธา ผู้ควบคุมดูแลการก่อสร้าง กับ วิศวกรเครื่องกล ผู้ชำนาญการติดตั้งเครน ซึ่งต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนพิจารณาโทษ เพราะยังไม่สามารถระบุได้ว่า ขณะเกิดเหตุมีวิศวกรคุมงานหรือไม่ อยู่ระหว่างเรียกตัววิศวกรมาให้ข้อมูล คาดว่าจะใช้ระยะเวลาสอบสวนไม่เกิน 3 เดือน หากพบข้อผิดพลาด ที่เกิดขึ้นจากตัวบุคคล โทษสูงสุดคือ การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม และเบื้องต้นพบว่า ไม่มีผลกระทบกับตัวอาคาร มีเพียงรอยแตกร้าวเล็กน้อยบนพื้นที่ชั้น 12 ซึ่งต้องรื้อทำใหม่
ทั้งนี้ ทางสำนักงานเขตยานนาวา ได้ติดป้ายคำสั่งห้ามใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 30 วัน โดยวันนี้มีเพียงคนงานเฝ้าพื้นที่และไม่มีการก่อสร้างใดๆทั้งสิ้น
ด้านนายสุทัศน์ รุจิณรงค์ ผู้อำนวยการเขตยานนาวากล่าวว่า ประเด็นการติดตั้งเครนต้องขออนุญาตกับทางเขตหรือไม่นั้น ตามหนังสือหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง เมื่อปี 2549 เรื่องการติดตั้งเครนขนส่งวัสดุใช้ในการก่อสร้าง ผลสรุปเครนเป็นส่วนหนึ่งในอุปกรณ์ก่อสร้าง ไม่ใช่อาคาร จึงไม่มีกฎหมายบังคับให้ขออนุญาต แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่รับทราบ ซึ่งการติดตั้งเครนครั้งนี้ ไม่ได้แจ้งกับเขต ซึ่งขณะนี้ได้ออกคำสั่งระงับการก่อสร้าง โดยบริษัทผู้รับเหมา ต้องส่งแผนการรื้อถอน และมาตรการความปลอดภัยระหว่างรื้อถอน ให้เขตพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งหลังได้รับการอนุญาตแล้ว ต้องรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่ในย่านดังกล่าว
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.สมโภช สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางโพงพางเปิดเผยหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า ตำรวจสอบปากคำไปแล้ว 5 ปากคือ พยานผู้ตายและพยานแวดล้อม แต่ยังไม่มารถระบุได้ว่าสาเหตุเครนถล่ม มาจากสาเหตุใด ต้องรอผลตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน สภาวิศวกรมาประกอบเรื่องคดี ทั้งนี้ ทางนายจ้างต้องเยียวยาทั้งในส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต และได้ประสานญาติให้นำศพผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาตามภูมิลำเนา อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังไม่ส่งตัวแทนเข้าให้ปากคำกับตำรวจ จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าขณะเกิดเหตุมีวิศวกรควบคุมงานหรือไม่ ต้องรอสอบปากคำคนเจ็บโดยละเอียดอีกครั้ง จึงจะสรุปได้
พ.ต.อ.สมโภชกล่าวต่อว่า ในส่วนการแจ้งข้อหาเบื้องต้น จะเป็นข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต แต่ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อหาตัวคนทำผิด ยืนยันตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เวลา 14.00 น. ที่แผนกนิติเวชศาสตร์ รพ.จุฬาฯ ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ราย จากเหตุเครนถล่ม บริเวณโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียม ย่านพระราม 3 เดินทางมารับศพไปทำพิธีบำเพ็ญกุศลตามศาสนาที่บ้านเกิด จากการสอบถามเพื่อนกับกลุ่มผู้เสียชีวิตทั้ง 5 คนเผยว่า ทั้ง 5 คนนี้ เป็นช่างเทคนิคของบริษัทเครนก่อสร้างมานานกว่า 20 ปี ทั้งหมดอาศัยที่บ้านพักตามที่บริษัทจัดไว้ให้ย่านคลอง 8 จ.ปทุมธานี ทั้งหมดขยันทำงาน รักครอบครัว ทั้งนี้ ศพนายศิลป์ กาศกุล อายุ 40 ปี ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ ศพนายธนโชค บริคุต อายุ 25 ปี บำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งหนึ่งในจ.น่าน ศพนายวิชา กาวีอ้าย อายุ 35 ปี และศพนายยอดรัก ติณะมาศ อายุ 25 ปี นำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งหนึ่งที่ จ.กำแพงเพชร และนายเติมศักดิ์ จะถูกส่งไปบำเพ็ญกุศลที่วัดดอนใหญ่ จ.ปทุมธานี
ขณะที่พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือของกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.)จะจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ทายาทลูกจ้างที่เสียชีวิตจากการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 เป็นค่าทำศพ 40,000 บาท ค่าทดแทนร้อยละ 70 ของค่าจ้างเป็นเวลา 10 ปี และทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคม ส่วนลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บจะได้รับเงินทดแทน เป็นค่ารักษาพยาบาลวงเงิน 5 หมื่น- 1 ล้านบาท กรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ ค่าทดแทนกรณีหยุดงานร้อยละ 70 ของค่าจ้างโดยจ่ายตั้งแต่วันแรกที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้ไปจนตลอดระยะเวลาที่ไม่สามารถทำงานได้แต่ต้องไม่เกิน 1 ปี ค่าทดแทนกรณีสูญเสียไม่เกิน 10 ปี กรณีทุพพลภาพจะได้รับค่าทดแทนไม่น้อยกว่า 15 ปีและค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ ซึ่งแบ่งเป็นค่าฟื้นฟูด้านอาชีพ 24,000 บาท และค่าฟื้นฟูด้านการแพทย์ 24,000 บาท
นอกจากนี้ ยังสั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.)ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเอาผิดนายจ้างตามพ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 ตามมาตรา 14 กรณีนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในสภาพการทำงานหรือสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี