‘ครูตั้น’ประกาศ‘พิมพ์เขียว’ศธ.ปี63 ปรับโครงสร้างทุกระดับ เร่งทบทวนพ.ร.บ.การศึกษาฯ
27 สิงหาคม 2562 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้ลงนามในประกาศ ศธ. เรื่อง “นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ.2563” เพื่อให้การดำเนินการจัดการศึกษาและการบริหารจัดการการศึกษาของ ศธ. มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ วัตถุประสงค์ของแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน เรื่องการเตรียมคนสู่ศตวรรษที่ 21
ทั้งนี้ มีหลักการดังนี้ 1.ให้ความสำคัญกับประเด็นคุณภาพและประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการพลเรือน และผู้บริหารทุกระดับ ตลอดจนสถานศึกษาทุกระดับทุกประเภท และเป็นการศึกษาตลอดชีวิต 2.บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการหลัก องค์การมหาชนในกำกับของ รมว.ศธ.ให้มีความคล่องตัว รวมทั้งหน่วยงานสังกัด ศธ.ในพื้นที่ภูมิภาคให้สามารถปฏิบัติงานร่วมกันได้ เพื่อดำเนินการปฏิรูปการศึกษาร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตามนโยบายประชารัฐ
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า “ระดับก่อนอนุบาล” เน้นประสานงานกับส่วนราชการ และชุมชน ในการเตรียมความพร้อมผู้เรียน ในด้านสุขภาพและโภชนาการ และจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับระบบโรงเรียนปกติ “ระดับอนุบาล” เน้นสร้างความร่วมมือกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อออกแบบกิจกรรมการพัฒนาทักษะที่สำคัญด้านต่างๆ เช่น ทักษะทางสมอง ทักษะความคิดความจำ ทักษะการควบคุมอารมณ์ ทักษะการรู้จักและประเมินตนเอง
“ระดับประถมศึกษา” มุ่งคำนึงถึงพหุปัญญาของผู้เรียนรายบุคคลที่หลากหลายตามศักยภาพ ด้วยจุดเน้นดังนี้ 1.ปลูกฝังความมีระเบียบวินัย ทัศนคติที่ถูกต้อง โดยใช้กระบวนการลูกเสือ และยุวกาชาด 2.เรียนภาษาไทย เน้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้วิชาอื่น 3.เรียนภาษาอังกฤษและภาษาพื้นถิ่น หรือภาษาแม่ เน้นเพื่อการสื่อสาร 4.เรียนรู้ด้วยวิธีการ Active Learning เพื่อพัฒนากระบวนการคิด การเรียนรู้ จากประสบการณ์จริงหรือจากสถานการณ์จำลองผ่านการลงมือปฏิบัติ และเปิดโลกทัศน์มุมมองร่วมกัน ของผู้เรียนและครูด้วยการจัดการเรียนการสอนในเชิงแสดงความคิดเห็นให้มากขึ้น
5.สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ และใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ 6.จัดการเรียนการสอนเพื่อฝึกทักษะการคิดแบบมีเหตุผลและเป็นขั้นตอน (Coding) 7.พัฒนาครูให้มีความชำนาญในการสอนภาษาอังกฤษ และภาษาคอมพิวเตอร์(Coding) 8.จัดให้มีโครงการ 1 ตำบล 1 โรงเรียนคุณภาพ โดยเน้นปรับสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกบริเวณโรงเรียนให้เอื้อต่อการสร้างคุณธรรม จริยธรรม และจิตสาธารณะ
“ระดับมัธยมศึกษา” มุ่งต่อยอดระดับประถมศึกษา ด้วยจุดเน้นดังนี้ 1.จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม คณิตศาสตร์หรือสเต็มศึกษา และภาษาต่างประเทศ หรือภาษาที่สาม 2. จัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อสร้างทักษะพื้นฐานที่เชื่อมโยงสู่การสร้างอาชีพ และการมีงานทำ เช่น ทักษะด้านกีฬาที่สามารถพัฒนาไปสู่นักกีฬาอาชีพ ทักษาภาษาเพื่อเป็นมัคคุเทศก์
“ระดับอาชีวศึกษา” มุ่งจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำและสร้างนวัตกรรมตามความต้องการของพื้นที่ ชุมชน ภูมิภาคหรือประเทศ รวมทั้งการเป็นผู้ประกอบการ ด้วยจุดเน้นดังนี้ 1. จัดการศึกษาในระบบทวิภาคี ให้ผู้เรียนมีทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 2.เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มทักษะสำหรับใช้ประกอบอาชีพ 3.เรียนรู้การใช้ดิจิทัล เพื่อใช้เป็นเครื่องมือ ช่องทางในการสร้างอาชีพ 4.จัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาในภูมิภาค
“การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)” มุ่งสร้างโอกาสให้ประชาชนผู้เรียนที่สำเร็จหลักสูตร สามารถมีงานทำ ด้วยมีจุดเน้น เรียนรู้การใช้ดิจิทัล เพื่อเป็นเครื่องมือ ช่องทางในการสร้างอาชีพ จัดทำหลักสูตรพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เข้าสู่สังคมสูงวัย
นายณัฏฐพล กล่าวย้ำว่า การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัตินั้น ทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ.ต้องปรับปรุงแผนปฏิบัติราชการ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และวางแผนการใช้งบประมาณเป็นรายไตรมาส รวมทั้งใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง จัดทำฐานข้อมูลหรือบิ๊กดาต้าของศธ. ให้ครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานทั้งระบบเน้นการเรียนรู้และการบริหารจัดการ ปรับปรุงโครงสร้างของศธ.ให้เกิดความคล่องตัว
ทั้งนี้ หากติดขัดในเรื่องข้อกฎหมาย ให้ผู้บริหารระดับสูงร่วมหาแนวทางการแก้ไขร่วมกัน ให้หน่วยงานระดับกรมกำหนดแผนงานสนับสนุนทรัพยากร งบประมาณ อัตรากำลัง ตามความต้องการจำเป็น ให้แก่หน่วยงานในพื้นที่ภูมิภาค ใช้กลไกกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มาบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยจัดการศึกษา ขณะเดียวกันเร่งทบทวน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยปรับปรุงสาระสำคัญ ให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
ส่วนในระดับพื้นที่หากเกิดปัญหาข้อติดขัดการปฏิบัติงาน ต้องศึกษา ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่น จำนวนเด็กในพื้นที่น้อยลง ซึ่งจำเป็นต้องมีการควบรวมโรงเรียน ให้พิจารณาสื่อสารอธิบายทำความเข้าใจที่ชัดเจนกับชุมชน วางแผนการใช้อัตรากำลังครู โดยเฉพาะครูระดับอนุบาล และครูระดับอาชีวศึกษา ให้มีประสิทธิภาพ และจัดทำแผนการประเมินครูอย่างเป็นระบบ รวมทั้งจัดทำหลักสูตรการพัฒนาครูให้มี องค์ความรู้และทักษะในด้านพหุปัญญาของผู้เรียน ให้ศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)จัดทำแผนการจัดการศึกษาของแต่ละจังหวัด นำเสนอต่อคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)และขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ให้ผู้ตรวจราชการ ศธ. และศึกษาธิการภาคมีบทบาทหน้าที่ตรวจราชการ ติดตาม ประเมินผลในระดับนโยบาย และจัดทำรายงานเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ
รมว.ศธ. กล่าวด้วยว่า สำหรับภารกิจของส่วนราชการหลักและหน่วยงานปฏิบัติงานตามปกติ งานในเชิงยุทธศาสตร์ และงานในเชิงพื้นที่ ซึ่งดำเนินการอยู่ก่อนนั้น หากรัฐบาล หรือ ศธ.มีนโยบายสำคัญเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2563 นอกเหนือจากที่กำหนด หากมีความสอดคล้องกับหลักการในข้างต้น ให้ถือเป็นหน้าที่ของส่วนราชการหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งรัด กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ ให้การดำเนินการเกิดผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรมด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี