กมธ.ตำรวจ-บช.น.บุกรร.มัธยมวัดสิงห์ ดันชุมชนสีขาว-ต้านยาเสพติด ด้านผู้บริหารรร.ขอปัดฝุ่นโครงการ1โรงเรียน1ตำรวจ สกัดคนนอกพื้นที่แพร่ยาเสพติดเข้าชุมชน
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 ที่โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 5 จ.สุรินทร์ และรองประธาน กมธ.การตำรวจฯ นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ส.ส.เขต 4 นนทบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 พ.ต.อ.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.อ. นพ.สามารถ ม่วงศิริ หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลตำรวจ นายประเสริฐ สกุลเอี่ยมไพบูลย์ ประธาน กก.ตร สน.บางขุนเทียน และนายบุณยพงศ์ โพธิวัฒน์ธนัต ผอ.โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ พร้อมด้วยนักเรียนและประชาชน เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง "ตำรวจกับประชาชนและปัญหายาเสพติด" ชุมชนสีขาว ต้านยาเสพติด จัดโดยคณะ กมธ.การตำรวจ สภาฯ
นอกจากนี้ กมธ.การตำรวจ และคณะ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ณ ชุมชนวัดสิงห์ แขวงบางขุนเทียน เขตบางบอน เพื่อมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนและผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รพ.ตำรวจ มาให้บริการตรวจสุขภาพประชาชน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในชุมชน
น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า โครงการ "ชุมชนสีขาว ต้านยาเสพติด" จะมีการจัดฝึกอบรม เพิ่มทักษะและ ให้ความรู้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันภัยร้ายจากยาเสพติด เมื่อชุมชนเข็มแข็งปลอดจากปัญหายาเสพติด จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่เด็กและเยาวชนไทยได้พัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย กล่าวว่า ปัญหายาเสพติด เรามีการดำเนินการใน 3 มิติ คือ 1.การปราบปราม ทั้งเฮโรอีน ยาไอซ์ ยาบ้า ล่าสุดก็ได้จับกุมได้หลายล้านเม็ด ทั้งรายใหญ่และรายย่อย 2.การป้องกัน ไม่ให้เพิ่มจำนวนผู้เสพ และ 3.มิติการให้ความรู้ในชุมชนและโรงเรียน ยกตัวอย่างเช่น โครงการเสาธงหน้าโรงเรียน โครงการครูตำรวจ Dare ทั้งหมดนี้เพื่อจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้ได้ โดยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของบช.น. กมธ.การตำรวจ และตัวแทนชุมชน ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนในชุมชน
ด้าน นายครูมานิตย์ กล่าวว่า เห็นความตั้งใจของ ส.ส.จิตภัสร์ ที่ทำงานจิตอาสา พัฒนาสังคมลงพื้นที่มาโดยตลอด ถึงแม้เราจะอยู่กันคนละพรรค หรือมีแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่เห็นความมุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงานให้กับบ้านเมือง สังคม เพราะเป้าหมายที่สำคัญคือประชาชนได้ประโยชน์ ก็พร้อมสนับสนุน ในวันนี้ กมธ.ตำรวจ ทำหน้าที่ประสานกับตำรวจ เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ในปัญหายาเสพติด ซึ่งจำเป็นต้องร่วมใจร่วมแรงกัน เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลสำเร็จ
ด้าน นายธีรวัฒน์ บุญยรัตน์โต ประธานชุมชนซอยกำนันแม้น 13 กล่าวว่า ในเขตจอมทอง มี 26 ชุมชน ผลการจับกุมยาเสพติดที่ทาง สน.บางขุนเทียน มีจำนวนลดน้อยลง แต่ปัญหายาเสพติดส่วนใหญ่เกิดจากประชากรแฝง และแรงงานต่างด้าว มีการค้ายาและเสพยา ในอดีตมีผู้ป่วยติดยาเสพติดในชุมชน ได้กลับตัว กลับใจ ประกอบอาชีพรับจ้างที่สุจริต หารายได้เลี้ยงดูครอบครัว สุดท้ายอยากจะของบประมาณสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับตำรวจอาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ในการสอดส่องดูแลประชาชนในชุมชน
ขณะที่ นางลัดดาวัลย์ เสียงสังข์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ กล่าวว่า ทางโรงเรียนเป็นสถานศึกษาสีขาว มีการทำงานร่วมกับ สน.บางขุนเทียน ในอดีต คือ โครงการ 1 โรงเรียน 1 ตำรวจ ซึ่งอยากให้โครงการกลับคืนมา เพราะโรงเรียนนี้เป็นศูนย์กลางของชุมชน ในช่วงเย็นหรือเลิกเรียน โรงเรียนให้คนในชุมชนมาออกกำลังกาย แต่ยังมีบุคคลภายนอก เข้ามาสูบบุหรี่ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกัน อยากให้มีโครงการส่งเสริมให้นักเรียนห่างไกลยาเสพติด ทุกชุมชนต้องการความปลอดภัย และอยากให้ลูกหลานปลอดภัยด้วย เพราะยาเสพติดเป็นภัยต่อประเทศชาติ
การสัมมนาเรื่อง "ตำรวจกับประชาชนและปัญหายาเสพติด" ชุมชนสีขาว ต้านยาเสพติด จะจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.ที่ลานอเนกประสงค์ใต้แฟลตเฉลิมลาภ ซอยพหลโยธิน 6 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี