นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำฝายแม่ปิงเก่า(ฝายชลขันธ์พินิต) ณ ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยการบริหารจัดการโครงการดังกล่าว เป็นการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งในลุ่มน้ำปิงตอนบนพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน มีภารกิจจัดสรรน้ำอย่างเหมาะสมให้ภาคส่วนที่ใช้น้ำจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ประกอบด้วย ภาคอุปโภค-บริโภคที่ใช้น้ำผ่านการบริการของการประปาส่วนภูมิภาคเขต 9 (เชียงใหม่-ลำพูน) ภาคการเกษตรที่ใช้น้ำจากฝายและประตูระบายน้ำในแม่น้ำปิงสายหลัก จำนวน 10 แห่ง และภาคอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำผ่านการบริการน้ำประปาของการนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ
ทั้งนี้ โครงการฝายแม่ปิงเก่า (ฝายชลขันธ์พินิต) เป็นหนึ่งในโครงการฝายและประตูระบายน้ำในแม่น้ำปิงสายหลัก ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของโครงการชลประทานลำพูน สำนักงานชลประทานที่ 1 กรมชลประทานมีพื้นที่โครงการครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ประมาณ 45,546 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ 17,384 ไร่ และในเขตจ.ลำพูน 28,162 ไร่ มีการจัดสรรน้ำให้กับภาคส่วนต่างๆ ที่หลากหลายครบทั้งภาคการเกษตร ภาคอุปโภค-บริโภค และภาคอุตสาหกรรม โดยการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งต้องบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำของฝายและประตูระบายน้ำ จำนวน 10 แห่ง และสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าจำนวน 90 แห่ง ตลอดแนวแม่น้ำปิงสายหลักทั้งสองฝั่ง รวมถึงต้องจัดสรรน้ำให้กับภาคการอุปโภค-บริโภคที่สำคัญคือ การประปาลำพูน และภาคอุตสาหกรรมให้กับการนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องอาศัยแหล่งน้ำต้นทุนจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลที่อยู่ห่างออกไปทางต้นน้ำเป็นระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร จึงต้องมีการวางแผนการจัดสรรน้ำอย่างเหมาะสมทั้งปริมาณและเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำในฤดูแล้งของทั้งภาคอุปโภค-บริโภค ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม
สำหรับมาตรการในการบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูแล้งในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปิงตอนบน (จ.เชียงใหม่-ลำพูน) สำนักงานชลประทานที่ 1จำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพตลอดลำน้ำแม่ปิงโดยการใช้อาคารชลประทานไม่ว่าจะเป็นประตูระบายน้ำ หรือฝายทดน้ำ ในการควบคุมปริมาณน้ำและบริหารจัดการน้ำในลำน้ำแม่ปิง อีกทั้งประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุมคุณภาพของน้ำก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำต่างๆ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากเกษตรกรในพื้นที่หันมาเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง และลดการเลี้ยงปลากระชังในลำน้ำแม่ปิง เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศในลำน้ำ และขอให้เกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำดำเนินการสูบน้ำตามรอบเวรที่จัดไว้สำหรับส่งน้ำไปยังพื้นที่การเกษตรต่างๆ เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีอยู่อย่างจำกัด จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีน้ำเพียงพอสำหรับทุกกิจกรรมตลอดฤดูแล้งนี้
“วันนี้ประเทศไทยพ้นฤดูฝน จากนี้น้ำต้นทุนจะน้อยลง วิธีที่ดีที่สุดและเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนคือช่วยกันบริหารจัดการน้ำต้นทุนที่มีอยู่ให้ใช้ได้ถึงฤดูฝนหน้า นอกจากนี้ การเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ การบริหารน้ำต้นทุนยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุด ซึ่งส่วนราชการมีหน้าที่เพิ่มต้นทุนน้ำให้เกษตรกร แต่เกษตรกรเองควรมีแหล่งน้ำในพื้นที่ของตัวเองด้วย สำหรับการจัดการน้ำปีนี้ต้องทำเป็นระบบในแต่ละพื้นที่ ต้องใช้น้ำมีคุณค่ามากที่สุดตามลำดับความสำคัญ ทั้งอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศ ภาคเกษตร ภาคท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรม ส่วนราชการทุกภาคส่วนโดยเฉพาะส่วนภูมิภาคนอกจากบริหารจัดการน้ำเป็นระบบน้ำแล้ว ต้องบริหารจัดการผู้ใช้น้ำด้วย โดยรณรงค์ใช้น้ำตลอดทั้งปี ต้องปลูกจิตสำนึกเพื่อประโยชน์ของคนไทยและภาคส่วนอื่น วันนี้ขอเป็นตัวแทนความห่วงใยจากรัฐบาล ถึงข้าราชการที่เป็นส่วนสำคัญและถือเป็นตัวแทนของภาครัฐ ในการเข้าถึงประชาชน และดูแลช่วยเหลือประชาชนเต็มความสามารถ ซึ่งต้องขับเคลื่อนทุกภาคส่วนไปพร้อมกัน บูรณาการทำงาน เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายเฉลิมชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี