ความเดือดร้อนรำคาญรวมถึงความเสียหายที่เกิดการจากการก่อสร้างอาคารนั้น เป็นหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย
เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นมีทั้งเรื่องฝุ่น เรื่องเสียง รวมถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการก่อสร้าง และอาจมีความเดือดร้อนรำคาญอื่นๆ เช่น การถูกรบกวนจากคนงาน
โดยในปัญหาดังกล่าวผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้ 2 ทาง คือ 1.คดีปกครอง 2.คดีแพ่ง
โดยในทางคดีปกครองนั้นสามารถเริ่มต้นด้วยการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่และมีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้แก้ไขเยียวยาและปฏิบัติตามกฎหมายและไม่ให้เกิดปัญหาความเดือดร้อนหากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องผู้เสียหายมีสิทธิ์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อเป็นมาตรการบังคับ
ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
ในคดีแพ่ง ผู้ที่เสียหายสามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายจากการเดือดร้อนรำคาญรวมถึงความเสียหายที่เกิดจากผลกระทบในการก่อสร้าง เช่น ตอกเสาเข็มจนเป็นเหตุให้บ้านร้าวหรือทรุด รวมถึงความเสียหายอื่น
โดยมีคดีตัวอย่างที่เคยวินิจฉัยเกี่ยวกับการก่อสร้างที่ไม่ถูกต้องและก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญดังนี้ คดีนี้โจทก์ คือ เจ้าของบ้านข้างเคียงโครงการก่อสร้าง ส่วนจำเลยที่ 1 คือ เจ้าของโครงการอาคารที่ก่อสร้าง และจำเลยที่ 2 คือ ผู้รับเหมาก่อสร้างเสาเข็ม โดยข้อเท็จจริงในคดีคือ จำเลยที่ 1 จ้างจำเลยที่ 2 ตอกเสาเข็มแล้วบ้านข้างเคียงได้รับความเสียหาย โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ให้ชดใช้ค่าเสียหาย ประเด็นสำคัญอาจแบ่งได้เป็น3 ประเด็น
1.ผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องรับผิดเพราะการตอกเสาเข็มของผู้รับเหมาทำให้บ้านข้างเคียงได้รับความเสียหาย ผู้รับเหมาจึงเป็นผู้ประมาทเลินเล่อ ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บ้านข้างเคียงหรือไม่
2.แม้ผู้ว่าจ้าง ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ก่อสร้างอาคารได้ แต่การตอกเสาเข็มของผู้รับเหมา ทำให้บ้านข้างเคียงเสียหายจะแก้ตัวให้พ้นผิด โดยอ้างว่าทำตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างซึ่งได้รับอนุญาตก่อสร้างจากทางราชการแล้วไม่ได้
3.ผู้ว่าจ้างต้องร่วมรับผิดกับผู้รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428
กล่าวโดยสรุปคือแม้ผู้ก่อสร้างจะดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนระเบียบราชการแล้ว ยังต้องระมัดระวังผลกระทบที่เกิดจากการก่อสร้างไม่ให้เกิดปัญหาแก่บ้านหลังข้างเคียงมิฉะนั้นอาจจะต้องถูกดำเนินคดีแพ่งและต้องรับผิดอย่างเช่นแนวทางในคดีที่กล่าวข้างต้น สามารถอ่านเพิ่มได้จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2539
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี