วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ภัยร้าย...สารไร้สี! แพทย์ มข.ไขปม'ไซยาไนด์'คืออะไร?

ภัยร้าย...สารไร้สี! แพทย์ มข.ไขปม'ไซยาไนด์'คืออะไร?

วันอาทิตย์ ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 14.57 น.
Tag : ไซยาไนด์ ภัยร้าย มหาวิทยาลัยขอนแก่น สารเคมี สารพิษ สารไร้สี
  •  

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 รศ.พญ.สุดา วรรณประสาท สาขาวิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ไซยาไนด์เป็นสารชนิดหนึ่งที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายอย่าง และมีหลายรูปแบบ ทั้งไซยาไนด์ในรูปแก๊ส เช่น ไฮโดรเจนไซยาไนด์ ที่มีการใช้เป็นอาวุธในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนไซยาไนด์รูปแบบเกลือ เช่น โพแทสเซียมไซยาไนด์ และโซเดียมไซยาไนด์ จะพบในน้ำประสานทอง หรือน้ำยาล้างเครื่องเงินเครื่องทอง นอกจากนี้ ยังพบในพืช เช่น มันสำปะหลังดิบ ก็มีสาร Linamarin ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ ได้โดยใช้เวลา 3 - 24 ชั่วโมง


นอกจากนี้ ยาบางชนิดก็สามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ได้ เช่น ยา Sodium nitroprusside หรือยาลดความดัน ที่ใช้เฉพาะกับผู้ป่วยความดันสูงฉุกเฉินที่ต้องการลดความดันอย่างรวดเร็ว แต่ร่างกายของมนุษย์จะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า Rhodanese ซึ่งสามารถกำจัดไซยาไนด์ได้ ขณะเดียวกัน แพทย์จะสั่งจ่ายยาให้ในปริมาณที่น้อยมาก ทำให้การใช้ยาตัวไม่เกิดพิษกับร่างกายของคนไข้

"ร่างกายคนเราสามารถกำจัดไซยาไนด์ปริมาณน้อยได้ ดังนั้น คนไข้ที่ได้รับพิษจากไซยาไนด์แสดงว่าได้รับปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายจะกำจัดได้จนนำไปสู่อาการป่วยและเสียชีวิต"

รศ.พญ.สุดา ระบุว่า ไซยาไนด์สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้หลักๆ 2 ทาง คือ การสูดดม และรับประทาน โดยหากรับประทานโพแทสเซียมไซยาไนด์เข้าไปเพียง 200 มก.หรือดมแก๊สไซยาไนด์เพียง 270 ppm ก็อาจถึงชีวิตได้ทันที โดยระยะเวลาในการเกิดอาการนั้นรวดเร็วมาก หากเป็นแก๊สเกิดขึ้นภายในเป็นวินาที ส่วนกลุ่มโพแทสเซียมไซยาไนด์จะเกิดขึ้นภายในเป็นนาที หลังจากที่เข้าสู่ร่างกายแล้ว กลไกการออกฤทธิ์ของไซยาไนด์จะไม่ได้ทำให้คนไข้ตัวเขียว เนื่องจากไม่ได้ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน แต่ไซยาไนด์จะเข้าไปยับยั้งขบวนการสร้างพลังงานในระดับเซลล์ ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างพลังงานได้ ทำให้เซลล์ที่ต้องการออกซิเจนหรือพลังงานมากเช่นสมองและหัวใจได้รับผลกระทบก่อน

สำหรับอาการจะเริ่มจากสมองก่อน คือ มีอาการวิงเวียน ไม่รู้สึกตัว ชัก และหมดสติ ลามไปสู่อาการเกี่ยวกับหัวใจทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันเพิ่มขึ้นในช่วงแรก และหัวใจหยุดเต้นในที่สุด ระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ไปจนถึงอาการทางระบบหายใจ คือ หายใจช้า และหยุดหายใจในที่สุด ส่วนอาการตัวเขียวนั้นจะเกิดในช่วงสุดท้ายที่มีระบบทางเดินหายใจและหัวใจล้มเหลวแล้ว และสามารถเกิดได้ในคนไข้ที่เกิดจากโรคอื่นเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ รศ.พญ.สุดา ยอมรับว่า วิธีสังเกตไซยาไนด์นั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากกลุ่มโพแทสเซียมไซยาไนด์ หรือโซเดียมไซยาไนด์ไม่มีสี ส่วนกลิ่นคล้ายถั่วไหม้ (Bitter Almond) ในแก๊สไซยาไนด์ หรือในผู้ป่วยที่ได้รับพิษนั้นสังเกตยาก มีรายงานคนไข้ได้กลิ่นนี้เพียง 40% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกมากเกินไป เพราะกรณีที่จะเกิดในปัจจุบันเป็นกรณีพิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นปกติ เบื้องต้น ทุกคนป้องกันตนเองได้ด้วยการเลี่ยงดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารจากคนที่ไม่สนิท ไม่น่าไว้ใจ หรือไม่รู้จัก และหากมีอาการต้องสงสัยให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อจะได้รับยาต้านพิษได้ทันเวลา เพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้ ทั้งนี้ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยวินิจฉัยจากทั้งประวัติคนไข้ อาการต่างๆ เช่น สีของหลอดเลือด หรือความเป็นกรดในร่างกาย โดยแผนกฉุกเฉินมียาต้านพิษทั้ง Sodium nitrite และ Sodium thiosulfate ซึ่งสนับสนุนโดยโครงการต้านพิษ สปสช.และผลิตโดยสภากาชาดไทยเตรียมพร้อมไว้เพื่อรักษาคนไข้ที่ได้รับพิษจากไซยาไนด์ด้วย

"ไซยาไนด์เป็นสารควบคุมการใช้งานทั้งในห้องปฏิบัติการและในโรงงานอุตสาหกรรม โดยต้องมีบันทึกการสั่งซื้อและใช้งานโดยละเอียดอยู่แล้ว ดังนั้น กรณีนี้เป็นกรณีพิเศษที่ให้เราได้เรียนรู้ร่วมกัน และนำไปสู่บทเรียนว่าจะมีการป้องกันและควบคุมการซื้อขายไซยาไนด์ได้อย่างไร"

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ชาวเชียงรายนัดรวมตัวอีกรอบ ซัดแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก-สายไม่คืบ ชาวเชียงรายนัดรวมตัวอีกรอบ ซัดแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก-สายไม่คืบ
  • ชาวลุ่มน้ำกกผวาหน้าฝน หวั่นซ้ำรอยโคลนถล่ม เผยรบ.ไม่เคยซ้อมรับมือ ชาวลุ่มน้ำกกผวาหน้าฝน หวั่นซ้ำรอยโคลนถล่ม เผยรบ.ไม่เคยซ้อมรับมือ
  • ถกปมแม่น้ำข้ามแดนนัดแรก ตั้งคณะทำงาน 4 ชุดแก้ปัญาสารโลหะหนักปนเปื้อน ถกปมแม่น้ำข้ามแดนนัดแรก ตั้งคณะทำงาน 4 ชุดแก้ปัญาสารโลหะหนักปนเปื้อน
  • เปิดผลตรวจสอบ \'คดีไซยาไนด์\' ตร.ไม่แจ้งสิทธิการมีทนายความ-สื่อละเมิดสิทธิมนุษยชน เปิดผลตรวจสอบ 'คดีไซยาไนด์' ตร.ไม่แจ้งสิทธิการมีทนายความ-สื่อละเมิดสิทธิมนุษยชน
  • \'เหมืองแร่\'ฝั่งพม่ามักง่ายชะล้างลงแม่น้ำทำแม่น้ำสายขาวขุ่น ชาวบ้านหวั่นสารพิษ 'เหมืองแร่'ฝั่งพม่ามักง่ายชะล้างลงแม่น้ำทำแม่น้ำสายขาวขุ่น ชาวบ้านหวั่นสารพิษ
  •  

Breaking News

'ผู้พันเบิร์ด'เผยสถานการณ์ไฟไทย-กัมพูชา พบตัดแค่ 3 จุด-ยังจ่ายอยู่ 6 จุด หลังประกาศ 17 มิ.ย. 68

'ฮุน มาเนต'ซัดไทยรุกราน! เปรียบ'กัมพูชา'เป็นเหมือน'งู'อยู่นิ่งๆแต่พร้อมกัดให้ตาย

'ปิยบุตร' เสนอ 3 หลักการ 7 ข้อเสนอ เมื่อนายกฯไม่ยุบสภา ไม่ลาออก

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่องการโอนกิจการ ของสำนักงานพระคลังข้างที่

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved