วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่กำลังจะถึงนี้ เป็นวันเลือกตั้ง ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องไปใช้สิทธิ์ตามเขตพื้นที่ของตน (ตามทะเบียนบ้าน)
นอกเหนือจากการใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเลือกพรรคการเมืองรวมถึงบุคคลเข้ามาบริหารประเทศตามความต้องการหรือความชื่นของตนเองแล้ว สิ่งที่จะต้องระมัดระวังอีกประการหนึ่งคือ ข้อห้ามตามกฎหมายเลือกตั้งปัจจุบันนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้พลั้งเผลอหรือผิดพลาด กระทำการอันผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลให้มีโอกาสที่จะถูกดำเนินคดีได้ โดยมีข้อระมัดระวังตามกฎหมายเลือกตั้งดังนี้
ห้ามโฆษณาหาเสียง ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป สิ่งที่ประชาชนควรระมัดระวังคือการโพสต์หาเสียงให้พรรคการเมือง การใส่เครื่องแต่งกาย เครื่องหมาย เครื่องประดับที่มีโลโก้ของพรรคการเมืองเข้าคูหาเลือกตั้ง และอาจระมัดระวังไปถึงสโลแกนหรือสัญลักษณ์ที่สื่อถึงพรรคการเมืองด้วย โทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามจำหน่ายหรือแจกสุราในเขตเลือกตั้ง 1 วันก่อนมีวันเลือกตั้งหรือวันเลือกตั้งล่วงหน้า มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามพนันขันต่อผลการเลือกตั้ง โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้เล่นมีกำหนด 10 ปีและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้จัดให้มีการเล่น
ห้ามเปิดเผยโพลล์ช่วง 7 วันก่อนเลือกตั้ง เนื่องจากอาจเข้าข่ายลักษณะชี้นำ โทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามซื้อเสียง หรือกระทำการในลักษณะซื้อสิทธิ์ขายเสียง รวมถึงรับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่น โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ห้ามรับหรือจัดเกณฑ์คนไปเลือกตั้ง โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ห้ามผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้งนำบัตรประชาชนของคนอื่นหรือปลอมแปลงบัตรประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โทษจำคุก
ตั้งแต่หนึ่งปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ห้ามใช้บัตรอื่นที่ไม่ใช่บัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และ ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ห้ามนำบัตรเลือกตั้งออกจากหน่วยเลือกตั้ง โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
ห้ามทำเครื่องหมายอันเป็นจุดสังเกตหรือสัญลักษณ์ในบัตรเลือกตั้ง โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
ห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามโชว์บัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามขัดขวางไม่ให้คนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น 10 ปี
ห้ามนายจ้างขัดขวางไม่ให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โทษถึงจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
จะเห็นได้ว่าโทษที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งนั้นมีโทษค่อนข้างจะสูงอีกทั้งการอ้างว่าไม่ทราบหรือไม่รู้กฎหมายนั้นไม่สามารถยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ตนเองพ้นผิดตามกฎหมายอาญาได้
วันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้ทุกท่านออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้งลงคะแนน เลือกคนและพรรคที่ชื่นชอบเข้ามาบริหารประเทศด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้ผิดกฎหมายเลือกตั้งกันนะครับ