สาเหตุ ที่มา เจตนารมณ์ ที่ได้บัญญัติความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้เป็นหนึ่งในความผิดมูลฐานในกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงินนั้น เนื่องจากการกระทำความผิด หรือ ทำลายทรัพยากรธรรมชาตินั้น เป็นความเสียหายในภาพรวมที่กระทบต่อประชาชนทั้งในทางตรง และทางอ้อมเป็นวงกว้าง
โดยลักษณะข้อหาที่พบบ่อยมักจะเป็นกรณี บุกรุกแผ้วถางป่า ครอบครองออกโฉนดที่ดินในพื่นที่อนุรักษ์ เป็นต้นซึ่งข้อหาตามตัวอย่างข้างต้นจะมีความผิดทางอาญาอยู่ด้วย และมักจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งกรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องนั้นจะต้องดำเนินคดีอาญาในศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยผ่านสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หรือหน่วยงานอื่นที่มีอำนาจเสมอ
รูปแบบการดำเนินคดีที่คู่ขนานกันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคดีฟอกเงินซึ่งเป็นมาตรการทางแพ่งที่มุ่งเน้นยึด หรืออายัดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด กับคดีอาญา ซึ่งมุ่งเน้นลงโทษกับเนื้อตัวร่างกาย เช่นโทษจำคุกนั้น แม้จะคู่ขนานกันแต่ไม่แน่นอนเสมอไปว่าคดีไหนศาลจะมีคำพิพากษาก่อน และเป็นประเภทคดีที่ข้อหาทางแพ่ง (ฟอกเงิน) ไม่จำเป็นต้องรอผลคำพิพากษาในคดีอาญาแต่อย่างใด
สาเหตุที่ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติมีโทษทางอาญาและยังเป็นความผิดมูลฐานในข้อหาฟอกเงินเนื่องจากเป็นการกระทำที่
ส่งผลต่อทรัพยากรธรรมชาติซึ่งกระทบต่อประเทศและสังคมโดยภาพรวม ผมขอนำตัวอย่างประเภทคดีดังกล่าวมาเขียนในตอนต่อไป