ในคดีเมาแล้วขับนั้น ข้อสังเกตประการแรกก็คือประเภทของใบขับขี่ รวมถึงรถยนต์ที่ขับขี่ หากเป็นรถยนต์สาธารณะหรือรถขนส่งแล้ว ศาลจะมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกและยึดใบขับขี่เสมอ เนื่องจากผู้ที่ขับขี่รถสาธารณะหรือรถขนส่งนั้นมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบผู้โดยสารจึงจะต้องระมัดระวังมากกว่าบุคคลโดยทั่วไป ส่วนจะลงโทษจำคุกเป็นระยะเวลาเท่าไรขึ้นอยู่กับปริมาณของแอลกอฮอล์ที่เป่าได้ในขณะนั้น
ส่วนกรณีที่ไม่ใช่ผู้ขับขี่รถขนส่งสาธารณะ ก็จะมีแบ่งแยกเป็นรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งในส่วนของอัตราค่าปรับ ของรถยนต์จะมีราคาสูงกว่ารถจักรยานยนต์เล็กน้อย โดยในส่วนของค่าปรับของผู้ขับขี่รถยนต์นั้น จะขึ้นอยู่กับปริมาณของแอลกอฮอล์ที่เป่าได้เช่นเดียวกันแต่ทั้งนี้หากผู้ขับขี่ มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์แล้ว ศาลมักจะมีคำพิพากษา ลงโทษจำคุกเช่นเดียวกับผู้ขับขี่รถสาธารณะเนื่องจากเป็นกรณีที่มีปริมาณแอลกอฮอล์มากในเกณฑ์ที่เป็นอันตรายแก่การขับขี่
ในส่วนของวงเงินประกันตัวนั้นหากพนักงานสอบสวนไม่ได้ทำการฟ้องในเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ขับขี่จะต้องเตรียมหลักทรัพย์ประกันตัว 20,000 บาท โดยประมาณ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบและเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบด้วย)
ค่าปรับในชั้นศาล สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์นั้น ยกตัวอย่าง 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก็จะอยู่ที่ประมาณหมื่นกว่าบาทและเพิ่มขึ้นตามจำนวนของปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบ หากน้อยกว่านั้นจำนวนค่าปรับก็ลดลงมาตามลำดับเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลด้วยโดยประกอบกับประวัติของผู้ขับขี่เช่นเดียวกัน
เป่าแอลกอฮอล์เท่าไร ถึงมีโทษเมาแล้วขับ ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก สำหรับกรณีมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ใน 4 กรณี ดังต่อไปนี้ ถือว่าเมาแล้วขับแล้ว คือ
1.ผู้ขับขี่ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
2.ผู้ขับขี่ซึ่งได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เช่น มือใหม่ใบอนุญาตขับขี่ยังไม่ถึง 2 ปี
3.ผู้ขับขี่ซึ่งมีใบอนุญาตขับขี่สำหรับรถประเภทอื่นที่ใช้แทนกันไม่ได้
4.ผู้ขับขี่ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หรืออยู่ระหว่างถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ในกรณีที่บุคคลที่มีใบขับขี่ตลอดชีพหรือใบขับขี่ 5 ปี และมีอายุเกิน 20 ปี ถือว่าเมาแล้วขับ
โดยสรุปภาพรวมผู้ที่ขับขี่แล้วถูกดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับ จะมีอยู่3 กลุ่มใหญ่ๆ ที่ศาลจะไม่พิพากษารอการลงโทษคือ
1.ผู้ขับขี่รถสาธารณะ
2.ผู้ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
3.ผู้ที่เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีเมาแล้วขับแล้วก็ทำความผิดซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ขับขี่ ที่อยู่ในกลุ่มที่ศาลไม่ได้รอการลงโทษแล้วก็ยังมีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลต่อไปโดยควรเตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวโดยใช้วงเงินประกันตัวประมาณ 11,000 บาท(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนอัตราโทษที่ศาลได้พิพากษาลงโทษด้วย) โดยศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษารอการลงโทษหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประวัติและสถานะส่วนตัวของแต่ละคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี