ปัญหาความเดือดร้อนรำคาญเป็นปัญหาที่ถูกสอบถามเข้ามาในอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียง เรื่องกลิ่น เรื่องแรงสั่นสะเทือน
หลายครั้งที่ผู้ได้รับความเดือดร้อนได้ไปติดต่อร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน
นอกจากสาเหตุที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย รวมถึงในบางกรณีที่อาจมีความเกรงอกเกรงใจผู้ประกอบการ และยังรวมไปถึงกรณีที่ผู้ใช้บังคับกฎหมาย มิได้มีความเชี่ยวชาญในระเบียบข้อบังคับกฎหมายดังกล่าวจึงไม่สามารถหาทางออกให้กับผู้เสียหายได้
ทางออกสุดท้ายของผู้ได้รับผลกระทบคงเป็นกรณีการใช้สิทธิ์ทางศาลซึ่งอาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายทำให้ยากต่อการเข้าถึงกระบวนการอยู่บ้างแต่อย่างไรก็ตามในหลายคดีที่มีการใช้สิทธิ์ทางศาลมักจะได้รับความเป็นธรรมดังเช่นตัวอย่างในคดีนี้ ซึ่งอาจจะเป็นแนวคำวินิจฉัยในคดีที่เก่าสักหน่อยแต่เป็นหลักที่ยังใช้ได้มาจนถึงปัจจุบัน
คำพิพากษาฎีกาที่ 1081/2467 โจทก์ฟ้องจำเลยว่าโจทก์ตั้งบ้านเรือนอยู่มากกว่า 30 ปี ต่อมาประมาณ 10 ปีก่อนเกิดเหตุพิพาท จำเลยปลูกโรงเลื่อยมือขึ้นโรง 1 และอีก 5 ปีต่อไปจำเลยเปลี่ยนเป็นโรงเลื่อยจักรใช้แรงไฟฟ้า โรงเลื่อยของจำเลยเปิดทำงานทุกวันและบางครั้งทำงานในเวลากลางคืนด้วย การทำงานของโรงเลื่อยของจำเลยก่อให้เกิดเสียงแหลม พื้นเรือนสะเทือน น้ำในแก้วกระเบื้องกระเพื่อม ต้นไม้ในกระถางใบสั่นอยู่เสมอ ทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญ จนกระทั่งป่วยเป็นโรคเส้นประสาท ขอให้จำเลยระงับการก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญดังกล่าว จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ตั้งบ้านเรือนอยู่ในทำเลที่มีโรงงาน และปล่อยให้จำเลยกระทำดังกล่าวมา 5-6 ปีแล้วโดยไม่คัดค้าน ถึงอ้างว่าจำเลยก่อความเดือดร้อนรำคาญมิได้ นอกจากนี้โรงเลื่อยเป็นกิจการค้าขายที่สำคัญต่อเมืองไทยจึงไม่ควรห้ามจำเลยดำเนินกิจการดังกล่าว
กรรมการศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ไม่ได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ในทำเลโรงเลื่อยจักรเพราะในบริเวณนั้นมีโรงเลื่อยทั้งหมด 10 โรงมีเพียง 2 โรงเท่านั้นที่เป็นโรงเลื่อยจักรส่วนที่เหลือเป็นโรงเลื่อยมือ การที่จำเลยเปลี่ยนโรงเลื่อยจักรมาเพียง 5-6 ปีนั้น ยังไม่นานพอที่จะทำให้มีสิทธิ์ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่โจทก์ได้ และจำเลยก็ไม่อาจอ้างความสำคัญของกิจการค้าขายของตนเพื่อก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้อื่นได้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
ในเนื้อหาใจความของคำวินิจฉัยในคำพิพากษาดังกล่าวข้างต้นนั้นจะมีข้อสังเกตสำคัญอยู่หลักๆ 2 ประการที่ยังสามารถใช้ในปัจจุบัน และสามารถใช้เทียบเคียงในกิจการอื่นที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญได้เช่นกัน คือ 1.ที่ผู้ประกอบการอ้างว่าประกอบกิจการมาเป็นเวลานานแล้วไม่โต้แย้งคัดค้านนั้นเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นและไม่ก่อให้เกิดสิทธิ์ในการสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อโจทก์หรือผู้เสียหาย 2.ความสำคัญของกิจการและเศรษฐกิจไม่สามารถอ้างเพื่อสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้อื่นได้
นอกจากนี้สภาพข้อเท็จจริงที่โจทก์ได้นำสืบไว้ในคดีไม่ว่าจะเป็นลักษณะแรงสั่นสะเทือน ลักษณะของเสียง รวมถึง อาการป่วยหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น จากความเดือดร้อนรำคาญดังกล่าวก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องบรรยายและอธิบายไว้ในคดีโดยละเอียด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี