วันเสาร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
คลินิกสิ่งแวดล้อม : ถอดประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตามคำพิพากษาฎีกาเลขที่ 5160/2566   กรณีเจ้าหน้าที่รัฐวิสามัญชาวกะเหรี่ยงหาของป่าในพื้นที่อุทยาน (ตอนที่ 1)

คลินิกสิ่งแวดล้อม : ถอดประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตามคำพิพากษาฎีกาเลขที่ 5160/2566 กรณีเจ้าหน้าที่รัฐวิสามัญชาวกะเหรี่ยงหาของป่าในพื้นที่อุทยาน (ตอนที่ 1)

วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567, 06.00 น.
Tag : คลินิกสิ่งแวดล้อม
  •  

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนั้นควบคู่กับคดีอุ้มหายบิลลี่ที่แก่งกระจาน คงไม่พ้นกรณีเจ้าหน้าที่รัฐวิสามัญชาวกะเหรี่ยง ที่เข้าไปหาเห็ด หาของป่าในพื้นที่อุทยานห้วยขาแข้งซึ่งผู้ตายเป็นชาวกะเหรี่ยง อาศัยอยู่ที่ตำบลเขาโจด อำเภอศรีสวัสดิ์  จังหวัดกาญจนบุรี วันเกิดเหตุ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งเป็นฤดูที่เห็ดโคนเริ่มออก และมีประชาชนทั้งชาวกะเหรี่ยงคนพื้นที่ใกล้เคียง เข้าไปหาเก็บเห็ดโคนตามวิถีชีวิตที่เคยปฏิบัติเรื่อยมาเนื่องจากเป็นเห็ดที่มีราคาสูง โดยในวันดังกล่าวผู้ตายกับเพื่อน เดินทางเข้าไปหาเห็ดโคน ในบริเวณระหว่างเขตรอยต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งจังหวัดอุทัยธานี และอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ประมาณเวลา 23.00 นาฬิกากลุ่มผู้ตายกับพวก เดินทางกลับออกจากบ้าน โดยผู้ตายเดินทางหน้ากลุ่มเพื่อนไปประมาณ 10 เมตร ไปทางเรือที่จอดไว้ที่ท่าเรือ โดยผู้ตาย ถือถังใส่เห็ดอยู่ประมาณครึ่งกิโลกรัม ส่วนเพื่อนซึ่งเดินตามมาทีหลังมีพกอาวุธปืนลูกซองไว้ แล้วพบเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ฯ 4 นาย ออกมาลาดตระเวน ได้มีเจ้าหน้าที่ยิงปืนไปสู้ตายกระสุนเข้าด้านหลังถูกศีรษะ เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ  ส่วนเพื่อนผู้ตายถูกจับพร้อมอาวุธปืนลูกซอง หลังเสียชีวิต ศพผู้ตายถูกนำออกมาที่โรงพยาบาลสถานพระบารมี อำเภอหนองปรือ จากนั้นถูกส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ในใบชันสูตร ระบุว่า เจ้าหน้าที่อ้างเหตุว่ายิงเพื่อป้องกันตัว 

โดยในช่วงเวลาดังกล่าวญาติผู้ตายได้ร้องเรียนสื่อในขณะนั้นหลายช่องเนื่องจากไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและเกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรรมโดยในขณะนั้นสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม โดย อาจารย์สมชายอามีน ทนายธนู เอกโชติ สมชาย อามีน ธนู เอกโชติ ได้ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ญาติผู้ตาย และได้มอบหมายให้ผม (ทนายภูดิท โทณผลิน) ดำเนินคดีทั้งคดีอาญาคือการเข้าไต่สวนการตายที่ศาลจังหวัดอุทัยธานี และดำเนินการยื่นฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คดีนี้ใช้เวลาในกระบวนการยุติธรรม กว่า 7 ปีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาในที่สุดศาลฎีกาก็มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขที่ 5160/2566ซึ่งมีทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและประเด็นข้อกฎหมายในเรื่องละเมิดที่น่าสนใจหลายประเด็นครับ


คดีนี้โจทก์ที่ 1 เป็นมารดาของผู้ตาย โจทก์ที่ 2 เป็นภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ส่วนโจทก์ที่ 3 เป็นบุตรของผู้ตาย

จำเลยที่ 1 เป็นหน่วยงานรัฐในสังกัดของจำเลยที่ 2 และเป็นผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่รัฐผู้ก่อเหตุ

โจทก์ทั้ง 3 ยื่นฟ้องว่าโจทก์เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน2559 เวลากลางคืน ผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยทั้งสองร่วมการใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย โดยในศาลชั้นต้นโจทก์ทั้ง 3 ได้ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลตามขอ

จำเลยทั้งสองให้การและแก้คำให้การว่า 

จำเลยที่ 1 ให้การว่า เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้ง 3 และให้การต่อสู้ว่าค่าเสียหายสูงเกินไป

จำเลยที่ 2 ให้การว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 มิใช่เป็นผู้บังคับบัญชา โจทก์ทั้ง 3 จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ให้การต่อไปว่าให้การว่า เจ้าที่รัฐซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้ง 3 และให้การต่อสู้ว่าค่าเสียหายสูงเกินไป เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1

เกี่ยวกับการตายของผู้ตายพนักงานอัยการจังหวัดอุทัยธานีได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนผู้ตาย เป็นคดีหมายเลขช.2/2560 ของศาลจังหวัดอุทัยธานี 

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้ง 3 ยื่นอุทธรณ์และขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ 

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ทั้ง 3 ยื่นฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลและได้รับอนุญาตให้ฎีกาจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมได้มีคำพิพากษาทั้งประเด็นปัญหาข้อเท็จจริงและประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญโดยสรุปดังนี้

1. การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ในสังกัดของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ตายหรือไม่ ประเด็นนี้ศาลเห็นว่า

1.1 สภาพศพของผู้ตายนอนคว่ำหน้าศีรษะชี้ไปทางป่า ส่วนขาชี้ลงลำน้ำ ประกอบกับลักษณะกระสุนปืนHK 33 ซึ่งเป็นปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงอาจผลักให้คนที่ถูกยิงล้มไปในทิศทางตรงข้ามกับวิถีกระสุนโดยไม่ต้องมีแหล่งอื่นมากระทำ โดยเมื่อพิจารณาจากบาดแผลกระสุนซึ่งมีรูเดียว จึงเชื่อว่าเป็นลักษณะกระสุนปืนถากจากซ้ายไปขวา ลักษณะบาดแผลจึง เชื่อว่าผู้ตายไม่ได้ยิงต่อสู้ขณะหันไปทางเจ้าหน้าที่

1.2 นอกจากนี้หากผู้ตายยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จริง อานุภาพของกระสุนปืนเมื่อถูกร่างของผู้ตาย แรงผลักของกระสุนปืน ย่อมทำให้ร่างของผู้ตายหงายหลังลงกับพื้นสภาพศพต้องนอนหงายไม่ใช่นอนคว่ำ และต้องมีบาดแผลทางเข้าของกระสุนปืนจากด้านหน้าไปด้านหลังแต่ปรากฏว่ากระสุนปืนถากหัวคิ้วด้านซ้ายของผู้ตายผ่านหน้าผากบ่งชี้ว่าเป็นการยิงในลักษณะที่ผู้ตายหันข้างให้เจ้าหน้าที่ ไม่ได้ยิงถูกในขณะที่ผู้ตายหันหน้าเล็งปืนไปทางเจ้าหน้าที่ 

1.3 ความสัมพันธ์ระหว่าง DNA ของผู้ตายกับปืนที่พบในที่เกิดเหตุผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนลูกซองยาวดังกล่าวผลการตรวจพิสูจน์ไม่พบ DNA ของผู้ตายที่โกร่งไกปืนและนกปืนซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ตายต้องสัมผัส หากใช้อาวุธปืนเล็งยิง การที่ผู้ตรวจพิสูจน์ ให้การว่าโกร่งไกปืนและนกปืนมีพื้นที่ผิวเล็กมีโอกาสทั้งตรวจพบและไม่พบDNA ก็ตาม การไม่พบ DNAในส่วนอื่นของกระบอกปืนจึงน่าเชื่อว่าขณะเกิดเหตุผู้ตายไม่ได้ถืออาวุธปืนและใช้อาวุธปืนเล็งมาทางเจ้าหน้าที่

1.4 ระยะจากจุดพบศพไปยังจุดที่เรือเจ้าหน้าที่จอดอยู่เป็นระยะ 20 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่ไม่ใกล้ชิดมากและเป็นการยิงจากเรือที่จอดอยู่ในลำน้ำขึ้นไปบนตลิ่ง ในข้อเท็จจริงดังกล่าวผู้ตายซึ่งอยู่บนตลิ่ง ชายป่าย่อมสามารถที่จะวิ่งหลบหนีไม่ให้ถูกเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเรือจับกุมได้โดยง่ายกว่าการยิงต่อสู้ และยังสามารถหลบหนีได้ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตะโกนบอกให้หยุดและแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งยิงปืนขึ้นฟ้า 

1.5 ผู้ตายเคยทำงานอยู่หน่วยพิทักษ์ป่าย่อมทราบดีว่าเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าที่ทำงานและลาดตระเวนจะต้องมีอาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงติดตัวมา จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้ตายจะใช้อาวุธปืนลูกซองยาวซึ่งมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงเพียง 1 นัด เล็งยิงและต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งใช้อาวุธปืนที่มีอนุภาพร้ายแรงกว่า

1.6 พยานซึ่งเป็นเจ้าที่รัฐซึ่งอยู่ในกลุ่มขณะเกิดเหตุ ไม่ได้เบิกความยืนยันว่าเห็นผู้ตายใช้อาวุธปืนเล็งยิงมาทางเจ้าหน้าที่ แล้วยังเบิกความต่อว่าไม่ได้ยินเสียงพูดให้กลุ่มคนที่อยู่บนตลิ่งวางอาวุธปืนลง ซึ่งภายหลังได้เบิกความตอบคำถามติงของพนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายความจำเลยว่าได้ยินเสียงตะโกนให้วางอาวุธปืน ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวนอกจากขัดกับพยานปากอื่นแล้ว แล้วยังขัดกันเองกลับไปกลับมาไม่อยู่กับร่องกับรอยจึงไม่น่าเชื่อถือ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คลินิกสิ่งแวดล้อม : กลุ่มกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ภัยพิบัติ คลินิกสิ่งแวดล้อม : กลุ่มกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ภัยพิบัติ
  • คลินิกสิ่งแวดล้อม : คานถล่มบนถนนพระราม 2 กับปัญหาทางกฎหมาย คลินิกสิ่งแวดล้อม : คานถล่มบนถนนพระราม 2 กับปัญหาทางกฎหมาย
  • คลินิกสิ่งแวดล้อม : ระเบียบใหม่ ป.ป.ช.ในการยื่น  บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคู่สมรส คลินิกสิ่งแวดล้อม : ระเบียบใหม่ ป.ป.ช.ในการยื่น บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคู่สมรส
  • คลินิกสิ่งแวดล้อม : กฎหมายว่าด้วยโรงแรม กับกรณีปล่อยเช่าคอนโดฯ คลินิกสิ่งแวดล้อม : กฎหมายว่าด้วยโรงแรม กับกรณีปล่อยเช่าคอนโดฯ
  • คลินิกสิ่งแวดล้อม : การทิ้งขยะมูลฝอยในที่ดินของตัวเอง คลินิกสิ่งแวดล้อม : การทิ้งขยะมูลฝอยในที่ดินของตัวเอง
  • คลินิกสิ่งแวดล้อม : ปัญหาการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม คลินิกสิ่งแวดล้อม : ปัญหาการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
  •  

Breaking News

เริ่มแล้ว!!! การแข่งขันเรือใบ Trat Regatta 2025 ระดับนานาชาติครั้งแรกในจังหวัดตราด

'โฆษก​ มท.'แจงแล้ว! ​ปมเรียก​สรรพนาม'คุณลูกค้า'แทน'คุณลุง​-​คุณป้า'

ด่วน!เปิดชื่อ 55 สว. เรียกรับทราบข้อหาปม'คดีฮั้ว' แบ่งเป็น 3 ลอต

ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved