กองปราบตามรวบ “เจ๊ปุ้ย” ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังหลอกเหยื่อทั้งไทย-เวียดนามไปทำงานที่บ่อนคาสิโนประเทศเพื่อนบ้าน โดนข้อหาหนักอั้งยี่-เอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

​เมื่อวันที่ 15 ส.ค. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., สั่งการ พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป.พ.ต.ต.จอมพฤทธิ์ แก้วเรือง สว.กก.6 บก.ป.จับกุม น.ส.บุญญิสา ลิ้มดี อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “สมคบค้ามนุษย์จากการบังคับใช้แรงงาน, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขื่นใจผู้อื่น, ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อพาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร” และ หมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ข้อหา “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” โดยจับกุมตัวได้ในซอยนวลจันทร์ 20 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องจากเมื่อปี 2565 ได้มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ หลังถูกหลอกไปทำงานที่บ่อนคาสิโนประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้เป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินผู้คน 

หลังรับเรื่องจึงมีการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนทราบว่า มีการทำกันเป็นขบวนการ โดยมีชาวต่างชาติเป็นหัวหน้าคอยควบคุมสั่งการ ซึ่งในระหว่างที่ทำงานเหยื่อจะไร้ซึ่งอิสรภาพและถูกบังคับให้ทำงาน ทั้งนี้ทราบว่าเหยื่อส่วนใหญ่จะมีทั้งชาวไทยและชาวเวียดนาม หากใครไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย ก็จะถูกให้อดอาหาร ไปจนถึงทำร้ายร่างกาย อีกทั้งหากใครต้องการจะเดินทางกลับประเทศก็จะต้องหาเงินมาจ่ายค่าตัวถึงจะสามารถเดินทางกลับประเทศได้

นอกจากนี้เหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานเหล่านี้ยังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่อีกว่า ในส่วนของการหลอกลวงเงินผู้คน แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้จะมีการทำกันเป็นขบวนการ โดยเริ่มจากการฝึกสอนพนักงานให้รู้วิธีหลอกลวงเหยื่อ โดยมีฝ่ายไอทีทำระบบหลอกลวง ฝ่ายคอยควบคุมดูแลพนักงานคอลเซ็นเตอร์ และมีพนักงานคอลเซ็นเตอร์ชาวไทยส่วนหนึ่งที่สมัครใจไปทำงาน

เมื่อได้หลักฐานเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้แน่ชัดเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า น.ส.บุญญิสา หรือ เจ๊ปุ้ย ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของขบวนการ และ เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้เดินทางกลับเข้ามาภายในประเทศ จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สอบสวน น.ส.บุญญิสา ให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป