เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 จากกรณีพนักงานสอบสวนตำรวจ บช.ก.และ บช.สอท.นำตัว 3 ผู้ต้องหา ได้แก่ นายแย้ม หรือ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม , นายเอกพจน์ หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ พระลูกวัดคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ น.ส.อรัญญาวรรณ โบรกเกอร์เว็บพนันออนไลน์ ยื่นคำร้องขอฝากขังศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 - 28 พฤษภาคม
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้พิจารณากรณี น.ส.อรัญญาวรรณ แล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากหากได้ประกันตัวอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือหลบหนี ศาลยกคำร้อง ส่งตัวเข้าฝากขังทัณฑสถานหญิงกลาง
ขณะที่ นายแย้ม หรือ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลอาญาทุจริตฯ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วน นายเอกพจน์ หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ พระลูกวัดคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน จึงยกคำร้องไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวนายเอกพจน์ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นั้น (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : คุกคืนแรก!ก๊วนยักยอกเงินวัดไร่ขิง ‘สมีแย้ม’เครียด-‘สาวคนสนิท’ร่วมมือดี)
ล่าสุด พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้าคดีการยักยอกเงินวัดไร่ขิง ว่า ทางพนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิงจำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม ซึ่งจากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่างนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ น.ส.อรัญญาวรรณ โบรกเกอร์เว็บพนันออนไลน์ หลายช่องทาง ในช่วงปี 2563 ถึงปี 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท
โดยแยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของนายแย้ม โอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท , ใช้บัญชีของนายเอกพจน์ หรือ อดีตพระเอกพจน์ โอนเงินและตระเวนนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่างๆ ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายรายการ รวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท และพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอีก 1 บัญชี โอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ อีก 60 ล้านบาท
ส่วนการตรวจสอบบัญชีภายในวัดไร่ขิง พบว่ามีมากกว่า 20 บัญชี ซึ่งเป็นรูปแบบของการเปิดบัญชีเฉพาะกิจ เช่น เปิดโอนเงินสำหรับเช่าบูชาพระเครื่อง และกิจกรรมต่างๆ ของวัด และบัญชีของมูลนิธิภายในวัดไร่ขิง 3 บัญชี ในจำนวนที่กล่าวมาเบื้องต้นมี 7 บัญชี ที่พนักงานสอบสวนใช้กล่าวหานายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ในการยักยอกเงินวัด และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกหลายบัญชี ส่วนกรณีการสอบปากคำลูกศิษย์คนสนิทของนายแย้ม ซึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ที่นายแย้มใช้ขณะเป็นเจ้าอาวาสจำนวนหลายคัน ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเงินที่นำมาซื้อรถยนต์ เป็นเงินจากส่วนไหน ถ้าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินคดีในส่วนนี้ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยง
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยักยอกเงินวัด ว่า หลังจากขยายผลได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 10 คน รวมทั้ง น.ส.เตย เจ้าของร้านกาแฟที่อดีตเจ้าอาวาสลงทุนเปิดร้านให้ และแฟนหนุ่มที่เป็นทหาร มีชื่อเป็นเจ้าของรถทุกคันในวัด จากการสอบปากคำ น.ส.เตย และแฟนหนุ่ม เบื้องต้นยังไม่ให้การอะไรมาก แต่คาดว่าทั้ง 2 คนนี้น่าจะกุมความลับเรื่องเงินทั้งหมดของวัดไว้
ส่วนเส้นทางการเงินอีก 7 บัญชีที่พบเพิ่ม ซึ่งคาดว่าเป็นบัญชีที่ใช้กระทำความผิด ที่พบความเชื่อมโยงไปถึง น.ส.เตย และแฟนหนุ่ม ด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นนี้ เพราะเส้นทางการเงินมีหลายเส้น ซึ่งวันที่ 19 พฤษภาคม ชุดสืบสวนสอบสวนและคณะทำงานจะเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่วัดไร่ขิงอีกครั้ง เพื่อหาความเชื่อมโยงในประเด็นดังกล่าวให้ชัดเจน ส่วน น.ส.เตย และแฟนหนุ่ม หลังจากนี้อาจต้องเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการเข้าตรวจค้นวัดไร่ขิง และสถานที่ต่างๆ รวมถึงเชิญตัวพระลูกวัดและบุคคลใกล้ชิดต่างๆ ของอดีตเจ้าอาวาสมาสอบปากคำในฐานะพยาน เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า พยานบางรายยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือ หรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่มากนัก จะยอมตอบคำถามก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่นำหลักฐานข้อเท็จจริงมากางให้ดูต่อหน้า จนไม่อาจเลี่ยงตอบได้
นอกจากนี้ ระหว่างซักถามข้อเท็จจริงพยานบางรายก็จะยอมรับว่าอดีตเจ้าอาวาสเคยใช้ให้ไปเบิกถอนเงินของวัดออกมาเป็นเงินสดแล้วนำไปฝากตู้อัตโนมัติ ก่อนโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.อรัญญาวรรณ เพื่อเล่นพนันจริง แต่สุดท้ายเมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำที่จะมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ พยานบุคคลบางรายกลับเปลี่ยนคำให้การ โดยอ้างว่าอดีตเจ้าอาวาสไม่ได้เล่นพนันออนไลน์แต่อย่างใด เงินที่โอนไปให้ น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นเพียงการกู้ยืมเงินเท่านั้น
ตำรวจสอบปากคำคนใกล้ชิดนายแย้ม กว่า 10 คน คาด 2 คน กุมความลับเงินวัด เจ้าหน้าที่ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า วัตถุพยานหลักฐานบางส่วนมีลักษณะคล้ายกับถูกจัดวางหรือจัดเตรียมไว้เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจยึด โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเอกสารสัญญาการกู้ยืมเงินของ น.ส.อรัญญาวรรณ กับมูลนิธิวัด รวมถึงเอกสารหลักฐานสลิปโอนเงินบางส่วน คล้ายต้องการเบี่ยงเบนแนวโน้มทิศทางคดีให้มุ่งไปในทำนองว่าเงินที่ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นการกู้ยืม ไม่ใช่นำไปเล่นพนันออนไลน์ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสองรายที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนหน้านี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการพยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากเล่นพนันออนไลน์ไปเป็นการกู้ยืมเงินจะไม่ช่วยทำให้ทั้งคู่พ้นจากความผิดในทางคดี เพราะสุดท้ายการนำเงินวัดออกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือใช้ส่วนตัวก็ยังถือเป็นความผิด แต่การเบี่ยงเบนทิศทางคดีให้เป็นไปในแนวทางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีมองว่าเป็นการปูทางเพื่อตั้งหลักวางแนวทางต่อสู้คดีให้ง่ายขึ้นในภายหลัง
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับข้อมูลการสืบสวนที่พบว่า ขณะ น.ส.อรัญญาวรรณ ถูกตำรวจ บช.สอท.จับกุมดำเนินคดีพัวพันรับผลประโยชน์จากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ LAGALAXY911 เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาก็พยายามต่อสู้คดีด้วยการอ้างว่าเป็นเพียงลูกค้าหรือผู้เล่นพนันเท่านั้น ไม่ใช่นายหน้าหรือโบรกเกอร์รับแทงพนันแต่อย่างใด ส่วนเงินจำนวนมากที่มีคนโอนเข้ามาอ้างว่าเป็นเงินที่กู้ยืมมาลงทุนธุรกิจ ทำให้มองว่าการกระทำดังกล่าวก็เพื่อต้องการเปลี่ยนข้อหา จากผู้จัดให้มีการเล่นพนัน ไปเป็นผู้ร่วมเล่นพนันแทน เพื่อให้ได้รับโทษน้อยลง รวมถึงเพื่อจะได้รับทรัพย์สินต่างๆ มูลค่ารวมหลายสิบล้านบาทที่ถูกอายัดไปกลับคืนมาด้วย
มีรายงานด้วยว่า ช่วงเวลาเดียวกันที่นายแย้มทราบข่าวว่า น.ส.อรัญญาวรรณ ถูกตำรวจ บช.สอท.จับกุมก็รีบสั่งการให้ นายเอกพจน์ หรือ อดีตพระเอกพจน์ พระลูกวัดคนสนิท ลาสิกขาจากความเป็นพระ แล้วหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.สุโขทัย ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสืบสาวตรวจสอบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินถึงตนเอง เนื่องจากนายแย้มเคยสั่งให้นำเงินโอนไปเล่นพนันผ่าน น.ส.อรัญญาวรรณ มาแล้วหลายครั้ง
สำหรับการพยายามเบี่ยงเบนคดีทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียักยอกเงินวัดของ บชก.ก็ไม่ได้หนักใจ หรือเป็นกังวล เพราะเชื่อว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นกับการเล่นพนันออนไลน์ของ น.ส.อรัญญาวรรณ อย่างแน่นอน เพียงแต่เจ้าตัวไม่ได้เป็นคนแทงพนันด้วยตัวเอง เนื่องจากมีพยานหลักฐานเส้นทางการเงินเป็นข้อมูลสเตทเมนต์ธนาคารที่ระบุยอดเงิน ช่วงเวลาที่โอนเงิน ตั้งแต่เริ่มโอนเงินจากบัญขีธนาคารวัดเข้าสู่บัญชีธนาคารส่วนตัวของนายแย้ม แล้วโอนไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.อรัญญาวรรณ ก่อนจะโอนต่อไปยังบัญชีเครือข่ายเว็บพนัน ทั้งเวลาและจำนวนเงินสอดคล้องกันถึง 11 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 15 ล้านบาท เมื่อพิจารณากับวัตถุพยานอื่นๆ จำพวกคลิปเสียงที่มีการบันทึกการสนทนาพูดคุยในลักษณะทวงถามเงินติดค้างค่าแทงพนัน และคำให้การของพยานบุคคลบางรายที่ยอมรับว่าเคยได้ยินอดีตเจ้าอาวาสรายนี้พูดคุยเรื่องผลได้-เสียจากการแทงพนัน ทำให้เชื่อว่านายแย้มน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีก็ไม่ได้มองว่าการติดพนันจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นายแย้มยักยอกเงินวัดจำนวนมหาศาลดังกล่าว หากแต่ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของ นายแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หลังแนวทางสืบสวนพบว่าทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมาตั้งแต่ปี 2563 และไม่ได้มีการพูดคุยกันเฉพาะเพียงแค่เรื่องแทงพนันเท่านั้น หากแต่ยังมีการพูดคุยกันในลักษณะเชิงลามกอนาจาร หรือเซ็กซ์โฟนผ่านวิดีโอคอลอยู่บ่อยครั้ง
กระทั่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีรายงานด้วยว่า เมื่อ น.ส.อรัญญาวรรณ โทรศัพท์มาขอเงินจำนวนมากจากนายแย้ม อ้างว่าจะนำไปใช้หนี้จากการลงทุนเปิดร้านที่ตลาดแห่งหนึ่งเป็นการด่วน เพราะโทรศัพท์มือถือถูกเจ้าหนี้ยึดไว้ หากไม่รีบนำเงินไปจ่ายเจ้าหนี้เพื่อไถ่ถอนโทรศัพท์กลับคืน เสี่ยงต่อการที่ข้อมูลความลับเรื่องคลิปฉาวที่เคยแอบบันทึกไว้ในเครื่องจะถูกพบโดยบุคคลภายนอก ทำให้นายแย้มเกิดความโมโหและเป็นกังวล รีบนำเรื่องไปปรึกษาลูกศิษย์และพระลูกวัดคนสนิท ก่อนเรียกตัว น.ส.อรัญญาวรรณ มาสอบถาม จนทราบข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้มีการติดหนี้เจ้าของตลาดจนถูกยึดโทรศัพท์มือถือแต่อย่างใด ที่ทำไปเพียงเพราะต้องการเงินเท่านั้น แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ นำเรื่องคลิปฉาวมาข่มขู่เรียกเงินจากนายแย้ม และกลุ่มลูกศิษย์คนสนิท จึงให้ น.ส.อรัญญาวรรณ นำโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวมาทุบทำลายทิ้งต่อหน้า และขอให้ยุติเรื่องราวความสัมพันธ์ทั้งหมดลงอีกด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี