"เสมา 1"ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการฟื้นฟูทำความสะอาดโรงเรียนน้ำท่วม จ.พะเยา เตรียมจับมือ"กรมชลฯ-ก.เกษตร"แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย นายบุญสิงห์ วริทรรักษ์ ที่ปรึกษา รมว.ศธ., นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ., ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และคณะผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนวิภา และติดตามการดำเนินงานตามนโยบายค้านการศึกษา จังหวัดพะเยา
โดย ศ.ดร.นฤมล พร้อมคณะผู้บริหาร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้บริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครองที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 46 (ดอกคำใต้) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) พะเยา เขต 1 และโรงเรียนดอกคำใต้วิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) พะเยา อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา เพื่อตรวจเยี่ยมการฟื้นฟูทำความสะอาดโรงเรียน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือและถุงยังชีพให้กับครูและนักเรียนที่ประสบภัยน้ำท่วมพร้อมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนของนักเรียนและครู
จากนั้น รมว.ศธ.พร้อมคณะผู้บริหาร เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านทุ่งหลวง ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มาตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (FIX IT CENTER) พร้อมระดมอาจารย์และนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคพะเยา, วิทยาลัยเทคนิคดอกคำใต้, วิทยาลัยเทคนิคเชียงคำ มาช่วยซ่อมรถมอร์เตอร์ไซต์ เครื่องตัดหญ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่เสียหายจากการถูกน้ำท่วม พร้อมแจกต้นกล้าพันธุ์ไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้ชาวบ้านนำไปปลูกด้วย
ศ.ดร.นฤมล กล่าวถึงการเดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงเรียน ว่า จ.พะเยา ซึ่งเป็นพื้นที่ทางน้ำผ่าน และเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ เวลาฝนตกจึงเป็นพื้นที่รับน้ำมาโดยตลอดทำให้โรงเรียนหลายแห่งถูกน้ำท่วม แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปีนี้น้ำจะท่วมน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ตนก็ไม่อยากให้น้ำท่วมโรงเรียนนอีกในปีถัดๆ ไป จึงจะร่วมกันวางแผนในระยะยาว อาจจะต้องสร้างครรภ์กันน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ในช่วงที่มีพายุเข้าหรือช่วงที่มีน้ำขึ้นสูง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมโรงเรียนได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ช่วยสร้างนวัตกรรมป้องกันน้ำท่วมว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง และตนจะประสานกับกรมชลประทาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากมีเครื่องมือต่างๆ โดยจะมาวางแผนร่วมกันในการป้องกันน้ำท่วม
ศ.ดร.นฤมล ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้านโยบายการขับเคลื่อนด้านการศึกษา 4 ข้อ ของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า การแยกวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือน ตอนนี้ สพฐ.กำลังปรับปรุงเนื้อหาการเรียนการสอนในหนังสือเรียน ควบคู่ไปกับการวัดและประเมินผล ซึ่งองมนตรีก็ได้ติดตามในเรื่องนี้อยู่ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ครูและนักเรียนให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ ว่าไม่ได้อยู่แค่ในหลักสูตรในตำราเรียนเท่านั้น แต่อยู่ในจิตสำนึกของทุกคน ส่วนเรื่องการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ สำนักงานคณะกรรมการข้าราขการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ซึ่งตนอยากให้ทุกคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ไม่อยากให้เป็นนโยบายจากรัฐมนตรีลงไปเพียงฝ่ายเดียว ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ตนพึ่งได้หารือกับอธิบดีและว่าที่อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์แล้ว ว่าจะมาแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันกับ ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการ สกสค. ที่จะนำหนี้สหกรณ์มารวมกัน และตั้งเป็นสหกรณ์กลาง สกสค.ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้วภายใน 3 เดือนนี้ครูก็จะลงทะเบียนแก้หนี้ได้ และเรื่องการลดภาระครู ก็มีความคืบหน้าไปมากเช่นกัน
รมว.ศธ.กล่าวถึงโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา Anywhere Anytime จะสามารถดำเนินการได้ทันภายในเดือนกันยายนนี้หรือไม่นั้น ขณะนี้ สพฐ.กำลังดำเนินการให้เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 118 เขต ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างอยู่
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวว่า ถ้าโครงการ Anywhere Anytime ถ้าทำไม่ทันจริงๆ สพฐ.ก็จะกันงบแบบไม่มีหนี้ ไว้เบิกเหลื่อมปี ในระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS)
ขณะที่ ดร.ธนู ขวัญเดช เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุม ก.ค.ศ.เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบในหลักการตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 621 ตำแหน่งมากำหนดเป็นตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค(2) ในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย 18 แห่ง เพื่อแก้ปัญหา ขาดแคลนอัตรากำลังบุคลากรสายสนับสนุนของโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยนั้น ถือเป็นความสำเร็จแรกในการดำเนินการแก้ปัญหาขาดแคลนอัตรากำลังบุคลากรสายสนับสนุน และในปลายเดือนสิงหาคมนี้ จะได้อีกประมาณเกือบ 2,000 ตำแหน่งที่จะนำมากำหนดเป็นตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค(2) ในโรงเรียนที่ขาดแคลนต่อไป โดยจะนำเข้าที่ประชุม ก.ค.ศ.ในรอบการประชุมถัดไป ส่วนปีงบประมาณหน้า เมื่อได้อัตราเกษียณคืนมาและเป็นอัตราที่เกินเกณฑ์ก็จะดำเนินการในรูปแบบเดียวกันไปเรื่อยๆ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี