ปปง.มีมติมอบหมาย“คณะกรรมการธุรกรรม”ตรวจสอบรายการทรัพย์สิน“เครือข่ายก๊ก อาน”มูลค่าพันล้านบาท พร้อมเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ร่องรอยการโยกย้ายทรัพย์สิน เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจชาวไทยหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการคณะทำงานสนธิกำลังเปิดยุทธการปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนเขมร ปูพรมค้นพื้นที่เป้าหมาย 19 จุด 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรีและสมุทรปราการ ทลายเครือข่าย “ก๊กอาน” เจ้าพ่อ Crown Casino และยังมีบทบาทเป็นเจ้าของตึก 25 ชั้น ตึก 18 ชั้น ซึ่งเป็นฐานทัพของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ยังได้มีการยึดทรัพย์สินเกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งรถหรูและเงินสด รวมทั้งพบมีการครอบครองทรัพย์สินในราชอาณาจักรไทย มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งรายการทรัพย์สินต่าง ๆ ของนายก๊กอาน ให้ ปปง. พิจารณาอายัดทรัพย์สินต่าง ๆ ที่มีแล้ว ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 รายงานข่าวภายในสำนักงาน ปปง.เปิดเผยถึงการสืบรายการทรัพย์สินและกระบวนการยึดและอายัดทรัพย์สินของเครือข่าย ก๊กอาน ว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)หรือตำรวจไซเบอร์ ได้มีการส่งรายการทรัพย์สินที่ยึดอายัดเบื้องต้นมาให้สำนักงาน ปปง.ดำเนินการตามกฎหมายนั้น
ล่าสุด สำนักงาน ปปง.ได้มีมติมอบหมายให้คณะกรรมการธุรกรรม ดำเนินการตรวจสอบรายการทรัพย์สิน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ปปง. จึงอยู่ระหว่างตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่ายังมีรายการทรัพย์สินอื่นใดถูกนำไปไว้ที่อื่นหรือไม่ หรือใครกำลังครอบครองทรัพย์สินเหล่านั้นอยู่บ้าง เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำโดยเร่งด่วน แต่ก็ต้องรอบคอบอย่างยิ่ง และ ปปง. มีการประสานงานกับ บช.สอท. อย่างใกล้ชิด
รายงานข่าวภายในสำนักงาน ปปง.เผยอีกว่าเจ้าหน้าที่ ปปง. มีหน้าที่ตรวจสอบทั้งหมดว่ารายการทรัพย์สินของเครือข่ายก๊กอาน มีการกระจายส่งต่อไปที่ไหนอีกบ้างหรือไม่ ย้ำว่าต้องดูให้ครบวงจร ส่วนกรณีว่าหากพบทรัพย์สินของก๊กอาน ที่มาจากการกระทำความผิดในคดีมูลฐาน ไปเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจชาวไทย หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจนั้น กฎหมายของ ปปง. คือ การติดตามเส้นทางของทรัพย์สิน กฎหมายไม่ให้ความสำคัญว่าทรัพย์สินนั้นจะอยู่กับใคร แต่ถ้าทรัพย์สินนั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ท้ายสุดก็ต้องถูกดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือกฎหมายฟอกเงิน
อย่างไรก็ตาม ปปง.ขอยกตัวอย่างให้ประชาชนเข้าใจง่ายๆอาทินายเอ (นามสมมุติ) ได้เงินมาจากการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด และนำเงินที่ได้นั้น ไปฝากกับนางบี(นามสมมุติ) ซึ่งนางบีอาจไม่รู้ว่าเงินที่นายเอ มาฝากนั้นเป็นเงินที่มาจากยาเสพติด แต่เมื่อปปง.จะติดตามยึดและอายัดทรัพย์ในคดียาเสพติด เจ้าหน้าที่ ปปง.ก็ต้องตามดูเส้นทางการเงินของนายเอว่ามันถูกจำหน่าย จ่าย โอน ไปที่บุคคลที่สามใดบ้าง จึงมาเจอว่าอยู่กับนางบีดังนั้น ปปง. ก็ต้องยึดทรัพย์ส่วนนี้มา แต่ขณะเดียวกัน การที่นางบีถูกยึดทรัพย์ดังกล่าวก็ไม่ได้หมายความว่านางบีจะมีความผิดฐานฟอกเงิน เนื่องจากเมื่อเข้าสู่กระบวนการชี้แจงการได้มาซึ่งทรัพย์สิน นางบีสามารถชี้แจงได้ชัดเจนว่าได้เงินจำนวนนั้น จากนายเอมาโดยไม่รู้จริงๆว่าเป็นเงินจากยาเสพติด ฉะนั้น เรื่องการดำเนินคดีฐานฟอกเงินแก่บุคคลใด จึงเป็นเรื่องที่ ปปง. ต้องพินิจพิจารณาจากพยานหลักฐานหลายส่วนประกอบกัน เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบสิทธิประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี