‘อดีตอธิการบดี ม.ดัง’โดนแก๊งคอลฯหลอก‘เทรดหุ้น’ผ่านโซเชียลเกือบ 40 ล้าน
12 กันยายน 2568 จากกรณีโซเชียลเผยแพร่ ว่ากรณีอดีตอธิการบดี วัย 85 ปี ถูกหลอกลงทุนสูญเงิน 45 ล้านบาท จากการตกเป็นเหยื่อโบรกเกอร์เถื่อนนั้น
ล่าสุดวันนี้ (12 ก.ย.68) ผู้เสียหาย เป็นอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ได้นำเอกสารเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ โดยขอความร่วมมือจากผู้สื่อข่าวว่า “ไม่ให้สัมภาษณ์” ก่อนจะขึ้นไปให้ข้อมูลที่ชั้น 2 ของโรงพัก โดยมี พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น.ในฐานะรักษาราชการแทน ผบก.น.2 เดินทางมาสอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมกับ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น.และ พ.ต.อ.สนอง แสมมณี ผกก.สน.บางซื่อ
ด้าน พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ให้ข้อมูลว่า ในกรณีของอดีตอธิการบดีรายนี้ ถูกหลอกในลักษณะให้ร่วมลงทุนจากเพจๆ หนึ่ง อ้างว่าได้ผลตอบแทนสูง มีมูลค่าความเสียหายเกือบ 40 ล้านบาท วอร์รูมของศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) ที่ได้ร่วมกับพนักงานสถาบันการเงิน ได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหว
ทั้งนี้ พบว่าเส้นเงินจากบัญชีของผู้เสียหายวิ่งเข้าไปยังบัญชีอื่นอย่างผิดปกติ จึงได้ดำเนินการอายัดไว้ได้ทัน โดยผู้เสียหายไม่รู้ว่าถูกหลอก เจ้าหน้าที่ติดต่อไปที่ผู้เสียหาย เพื่อแจ้งให้ทราบว่ากำลังถูกมิจฉาชีพหลอกอยู่ ส่วนจำนวนเงินที่อายัดเงินไว้อยู่ระหว่างตรวจสอบ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เงินส่วนใหญ่ถูกโอนไปยังบัญชีม้า ก่อนจะมีการไปแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล และกดเป็นเงินสด
ด้าน พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า ตำรวจพบว่าผู้เสียหายได้ไปเจอเพจให้ร่วมเทรดหุ้นเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มิจฉาชีพอ้างตัวเป็นโบรกเกอร์ให้ร่วมเทรดหุ้น ก่อนที่ผู้เสียหายถูกดึงเข้าไปในกลุ่มไลน์ โดยเทรดไปแล้วหลายครั้ง มิจฉาชีพจะสร้างพอร์ตปลอมขึ้นมาเสมือนว่าเทรดได้เงินจริงๆ จากนั้นชักชวนให้ผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ที่มีสมาชิกเป็นร้อยคน เพื่อร่วมเทรดหุ้นแบบบิ๊กลอต ซื้อในราคาถูก และได้กำไรเยอะ เป็นการร่วมลงทุนหลายคนจำนวนหลาย 10 ล้านบาท ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและมีการโอนเงินไป 10 กว่าครั้ง สูญเงินทั้งสิ้น 38 ล้านบาท
เมื่อวานนี้ (11 ก.ย.68) ผู้เสียหายต้องการจะถอนเงิน 1.9 ล้านบาท จากธนาคารก่อนที่จะโอนเข้าสู่บัญชี 3 บัญชี ทางธนาคารพบความผิดปกติจึงโทรศัพท์ไปเตือน และรีบเข้าไปหาผู้เสียหาย จึงทำให้สามารถอายัดเงินได้ 3 ล้านบาทตำรวจขยายผลเพิ่มเติมพบว่า เงินมีการเคลื่อนไหวไปกว่า 22 บัญชี มิจฉาชีพใช้เป็นบัญชีบริษัทเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และพบว่าไปกดเงินตามตู้ในต่างจังหวัด ส่วนสมาชิกในกลุ่มไลน์จะตรวจสอบก่อนว่า มีใครเป็นหน้าม้า หรือใครเป็นผู้เสียหายบ้าง
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจได้เข้าไปหาผู้เสียหายเมื่อวานนี้ และแจ้งว่าถูกมิจฉาชีพหลอก ตอนแรกผู้เสียหายยังไม่เชื่อ ยังเข้าใจว่าตนเองเทรดหุ้นได้จริง ตำรวจจึงติดต่อไปทางธนาคารว่า ไม่มีบัญชีของผู้เสียหายที่นำไปเทรดหุ้นอยู่ ผู้เสียหายค่อยๆ ยอมรับ แต่ยังมีความหวังว่าจะได้เงินคืน และยังดีตำรวจเข้าไปถึงตัวได้ทัน ไม่อย่างนั้นอาจจะโอนเงินเพิ่มอีก 40 ล้านบาทให้มิจฉาชีพ
จากข้อมูลพบว่ามิจฉาชีพใช้บัญชีบริษัทเป็นบัญชีปลายทางในการรับโอน เพราะมีความน่าเชื่อถือและไม่ต้องสแกนหน้าเพื่อยืนยันตัวตน บริษัทเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อฟอกเงินโดยเฉพาะ
ขณะเดียวกันในท้องที่ สน.หัวหมาก มีผู้เสียหายอีก 1 ราย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน 6 ล้านบาท เป็นการหลอกในลักษณะเดียวกัน โดยพบว่าเส้นเงินบางส่วนปลายทางไปยังธนาคารต่างประเทศ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี