‘อดีตอธิการบดี ม.ดัง’โดนแก๊งคอลฯหลอก‘เทรดหุ้น’ผ่านโซเชียลเกือบ 40 ล้าน

‘อดีตอธิการบดี ม.ดัง’โดนแก๊งคอลฯหลอก‘เทรดหุ้น’ผ่านโซเชียลเกือบ 40 ล้าน

วันศุกร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568, 18.42 น.

‘อดีตอธิการบดี ม.ดัง’โดนแก๊งคอลฯหลอก‘เทรดหุ้น’ผ่านโซเชียลเกือบ 40 ล้าน

12 กันยายน 2568 จากกรณีโซเชียลเผยแพร่ ว่ากรณีอดีตอธิการบดี วัย 85 ปี ถูกหลอกลงทุนสูญเงิน 45 ล้านบาท จากการตกเป็นเหยื่อโบรกเกอร์เถื่อนนั้น


ล่าสุดวันนี้ (12 ก.ย.68) ผู้เสียหาย เป็นอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ได้นำเอกสารเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ โดยขอความร่วมมือจากผู้สื่อข่าวว่า “ไม่ให้สัมภาษณ์” ก่อนจะขึ้นไปให้ข้อมูลที่ชั้น 2 ของโรงพัก โดยมี พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น.ในฐานะรักษาราชการแทน ผบก.น.2 เดินทางมาสอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมกับ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น.และ พ.ต.อ.สนอง แสมมณี ผกก.สน.บางซื่อ

ด้าน พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ให้ข้อมูลว่า ในกรณีของอดีตอธิการบดีรายนี้ ถูกหลอกในลักษณะให้ร่วมลงทุนจากเพจๆ หนึ่ง อ้างว่าได้ผลตอบแทนสูง มีมูลค่าความเสียหายเกือบ 40 ล้านบาท วอร์รูมของศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) ที่ได้ร่วมกับพนักงานสถาบันการเงิน ได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหว

ทั้งนี้ พบว่าเส้นเงินจากบัญชีของผู้เสียหายวิ่งเข้าไปยังบัญชีอื่นอย่างผิดปกติ จึงได้ดำเนินการอายัดไว้ได้ทัน โดยผู้เสียหายไม่รู้ว่าถูกหลอก เจ้าหน้าที่ติดต่อไปที่ผู้เสียหาย เพื่อแจ้งให้ทราบว่ากำลังถูกมิจฉาชีพหลอกอยู่ ส่วนจำนวนเงินที่อายัดเงินไว้อยู่ระหว่างตรวจสอบ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เงินส่วนใหญ่ถูกโอนไปยังบัญชีม้า ก่อนจะมีการไปแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล และกดเป็นเงินสด

ด้าน พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า ตำรวจพบว่าผู้เสียหายได้ไปเจอเพจให้ร่วมเทรดหุ้นเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มิจฉาชีพอ้างตัวเป็นโบรกเกอร์ให้ร่วมเทรดหุ้น ก่อนที่ผู้เสียหายถูกดึงเข้าไปในกลุ่มไลน์ โดยเทรดไปแล้วหลายครั้ง มิจฉาชีพจะสร้างพอร์ตปลอมขึ้นมาเสมือนว่าเทรดได้เงินจริงๆ จากนั้นชักชวนให้ผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ที่มีสมาชิกเป็นร้อยคน เพื่อร่วมเทรดหุ้นแบบบิ๊กลอต ซื้อในราคาถูก และได้กำไรเยอะ เป็นการร่วมลงทุนหลายคนจำนวนหลาย 10 ล้านบาท ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและมีการโอนเงินไป 10 กว่าครั้ง สูญเงินทั้งสิ้น 38 ล้านบาท

เมื่อวานนี้ (11 ก.ย.68) ผู้เสียหายต้องการจะถอนเงิน 1.9 ล้านบาท จากธนาคารก่อนที่จะโอนเข้าสู่บัญชี 3 บัญชี ทางธนาคารพบความผิดปกติจึงโทรศัพท์ไปเตือน และรีบเข้าไปหาผู้เสียหาย จึงทำให้สามารถอายัดเงินได้ 3 ล้านบาทตำรวจขยายผลเพิ่มเติมพบว่า เงินมีการเคลื่อนไหวไปกว่า 22 บัญชี มิจฉาชีพใช้เป็นบัญชีบริษัทเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และพบว่าไปกดเงินตามตู้ในต่างจังหวัด ส่วนสมาชิกในกลุ่มไลน์จะตรวจสอบก่อนว่า มีใครเป็นหน้าม้า หรือใครเป็นผู้เสียหายบ้าง

พล.ต.ต.โชติวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจได้เข้าไปหาผู้เสียหายเมื่อวานนี้ และแจ้งว่าถูกมิจฉาชีพหลอก ตอนแรกผู้เสียหายยังไม่เชื่อ ยังเข้าใจว่าตนเองเทรดหุ้นได้จริง ตำรวจจึงติดต่อไปทางธนาคารว่า ไม่มีบัญชีของผู้เสียหายที่นำไปเทรดหุ้นอยู่ ผู้เสียหายค่อยๆ ยอมรับ แต่ยังมีความหวังว่าจะได้เงินคืน และยังดีตำรวจเข้าไปถึงตัวได้ทัน ไม่อย่างนั้นอาจจะโอนเงินเพิ่มอีก 40 ล้านบาทให้มิจฉาชีพ

จากข้อมูลพบว่ามิจฉาชีพใช้บัญชีบริษัทเป็นบัญชีปลายทางในการรับโอน เพราะมีความน่าเชื่อถือและไม่ต้องสแกนหน้าเพื่อยืนยันตัวตน บริษัทเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อฟอกเงินโดยเฉพาะ

ขณะเดียวกันในท้องที่ สน.หัวหมาก มีผู้เสียหายอีก 1 ราย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน 6 ล้านบาท เป็นการหลอกในลักษณะเดียวกัน โดยพบว่าเส้นเงินบางส่วนปลายทางไปยังธนาคารต่างประเทศ

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top