ปภ.เผยน้ำท่วม 15 จังหวัด ดับแล้ว 10 ราย กระทบ 16,318 ครัวเรือน ส่วนกรุงเก่าท่วม12อำเภอ ตร.บางปะอิน ใช้เรือรับแจ้งความจากชาวบ้าน ขณะที่’แม่ฮ่องสอน’พายุฝนทำเสาไฟโค่น ไฟดับวงกว้าง-ถนนขาด

เมื่อวันที่ 14ตุลาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือประชาชน พบว่ายังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม อุบลราชธานี อุดรธานี และฉะเชิงเทรา รวม 76 อำเภอ 505 ตำบล 2,956 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 116,318 ครัวเรือน 388,566 คน มีผู้เสียชีวิต 10 ราย (พิษณุโลก 1 ราย พิจิตร 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 8 ราย) โดย จ.นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม อุบลราชธานี และอุดรธานี พบว่าระดับน้ำทรงตัว และ จ.พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร อุทัยธานี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา พบว่าระดับลดลง

ทั้งนี้ ปภ.ยังคงติดตามผลกระทบและการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยในการช่วยเหลือ ทั้งการดำรงชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค การขนย้ายผู้ประสบภัย การกำจัดสิ่งกีดขวาง รวมถึงการระบายน้ำและการฟื้นฟูพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำท่วมจากที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท คงการระบายน้ำในอัตรา 2,300 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที เป็นวันที่ 6 ส่งผลให้ยังมีมวลน้ำไหลเข้าพื้นที่ ทำให้แม่น้ำน้อย คลองสาขาต่างๆ และหลายชุมชนที่อยู่ติดแม่น้ำลำคลอง มีน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ระดับน้ำทรงตัว ทั้งนี้สำนักงานป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม 12 อำเภอ 147 ตำบล 889หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 50,026ครัวเรือน

ที่ชุมชนวัดบางกระทิง ต.บ้านกระทุม อ.เสนา ซึ่งติดกับแม่น้ำน้อยพบว่าระดับน้ำทรงตัว น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนบริเวณโดยรอบวัด สูงประมาณ 2-3 เมตร ถนนทางเข้าชุมชนถูกน้ำท่วมชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจรเข้าออก ส่วนทุ่งนามีน้ำเข้าเต็มทุ่ง

ส่วนที่ชุมชนเกาะพระ ต.บ้านโพ อ.บางปะอิน ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา มีชาวบ้านอาศัยอยู่ 200 ครัวเรือน สภาพบ้านเรือนถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 1-2 เมตร มีกระแสน้ำไหลแรง

พ.ต.อ.อดิเรก โปธิปัน ผกก.สภ.บางปะอิน พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน และผู้ใหญ่บ้าน นำเรือไปให้บริการรับแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันเพื่อใช้เป็นหลักฐาน โดยให้บริการ 2 รอบ ช่วงเช้าและเย็น โดยชาวบ้านจะประสานผู้ใหญ่บ้าน หากต้องการแจ้งความหรือลงบันทึกวันเรื่องอะไร พร้อมกับนำข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ น้ำดื่ม ไปแจกจ่ายให้เป็นกำลังใจ

ขณะที่ชุมชนในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอาศัยอยู่ริมคลองคูเมืองทั้ง 2 ฝั่ง รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก มีน้ำไหลแรง บ้านเรือนถูกน้ำท่วมมาแล้วประมาณ 1 เดือน ระดับน้ำลดลงเล็กน้อย ชาวบ้านได้ใช้น้ำล้างเอาโคลนที่สะสมออกก่อนจะล้างออกยากหากรอน้ำลดลงแต่ยังต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ฝนที่ตกและน้ำทะเลหนุน

วันเดียวกัน ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พายุฝนกระหน่ำ ได้ทำให้เสาไฟฟ้าโค่น จนไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และ อ.แม่สะเรียง น้ำยังหลากอีกระลอก โดยช่าวงเช้าระบบไฟฟ้าในตัวจังหวัดเกิดขัดข้อง สาเหตุเกิดจากต้นไม้ใหญ่ล้มทับสายส่งแรงสูง ทั้งสองเส้นทาง คือ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่-อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และสายส่ง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่-อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแม่ฮ่องสอน ได้สับเปลี่ยนมาใช้สายส่งแรงสูง จอมทอง–ขุนยวม แทน ก่อนจะเกิดปัญหา และต้องเชื่อมระบบไฟฟ้าสายส่งแรงสูงจาก อ.แม่สะเรียงมาทดแทน นอกจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจะถูกต้นไม้หักโค่นทับสายส่งแรงต่ำในพื้นที่ต่างๆ ก็ถูกพายุพัดหักโค่นลงมาเช่นกัน ทำให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ต้องทำงานอย่างหนักในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้การจ่ายกระแสไฟล่าช้า โดยช่วงเย็นวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา เกิดขึ้นที่ทางหลวง หมายเลข 1095 หน้าสวนอิ่มใจ ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน มีต้นไม้ทับเสาไฟฟ้าหลายต้น ขวางเส้นทางสัญจร จนรถไม่สามารถผ่านไปได้ ซึ่งหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งแก้ไขสถานการณ์

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ใช้เส้นทางบ้านกุงไม้สัก หมอกจำแป่ ถ้ำปลา ห้วยผา เพื่อเลี่ยงจุดต้นไม้ล้มขวางทางดังกล่าว สำหรับพื้นที่ อ.แม่สะเรียง นั้น นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียงได้รับรายงานว่ามีเหตุฝนตกหนักน้ำท่วมทำให้ถนนหลายแห่งขาดรถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ โดยทางอบต.กำลังเข้าแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนแล้ว