‘เทือก’ประกาศหนุนคสช.

ชูปฏิรูปก่อน

สปช.ชงต่ออายุบิ๊กตู่2ปี

พ่วงคำถามไปทำประชามติ

ดันเข้าที่ประชุมสัปดาห์หน้า

พท.โวยกำนันเล่นการเมือง

เหวงชี้สัญญาณลั่นกลองรบ

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ราชประสงค์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เป็นประธานกรรมการมูลนิธิ ร่วมกับแกนนำ กปปส. จำนวน 11 คน แถลงข่าวเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ หลังจากลาสิกขาบทเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคมที่ผ่านมา

คสช.เกาะติดสถานการณ์ทุกช็อต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าวมีเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายข่าวกองทัพบกจากคณะรักษาความสงบเรีบร้อยแห่งชาติ(คสช.) เดินทางเข้ามาสังเกตการณ์บรรยากาศพร้อมนำกล้องบันทึกภาพมาติดตั้งเพื่อทำการบันทึกภาพด้วย ขณะเดียวกัน มีตำรวจนอกเครื่องแบบได้เฝ้าสังเกตการณ์ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักเนื่องจากมีกองทัพสื่อมวลชนแขนงต่างๆทั้งไทย และต่างประเทศไปติดตามรายงานข่าวเป็นจำนวนมาก

สำหรับแกนนำกปป.ที่ร่วมเป็นกรรมการมูลนิธิฯที่มาร่วมงานครั้งนี้ อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายถาวร เสนเนียม นายจุมพล จุลใส นายวิทยา แก้วภราาดัย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือ น้องตั๊น นอกจากนี้ยังมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู มาร่วมดื่มกาแฟกับนายสุเทพด้วย

ทหารเตือน’สุเทพ’ล้ำเส้นจับแน่

ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำกปปส.เข้าพูดคุยกับตัวแทนของเจ้าหน้าที่ทหาร นำโดยพ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายเสนาธิการประจำ ผู้บังคับบัญชา ช่วยราชการ กองพลทหารม้าที่2 รักษาพระองค์ และพ.ท.ภาสกร กุลวิวรรณ ผู้บังคับการกองพัน ม.พัน1 พล.ม.2 เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจถึงขอบเขตการแถลงข่าว

โดยพ.อ.บุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการพูดคุยเพื่อตกลงถึงขั้นตอนและการดำเนินงาน ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่ ยืนยันว่าการแถลงข่าวหากมีประเด็นที่ผิดไปจากระเบียบหรือมาตรฐานที่เคยปฏิบัติไว้ คือ มีประเด็นทางการเมือง จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

แจงจุดประสงค์ตั้งมูลนิธิฯ

เวลา 10.00 น. นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิฯ ชี้แจงวัตถุประสงค์ของมูลนิธิว่า 1. สนับสนุนการศึกษาวิจัย สัมนา หรือการประชุม รวบรวมความรู้ ความคิดเห็น ในรูปแบบต่างเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม 2. ติดตามศึกษารวบรวมและวิเคราะห์รายงานข้อมูลและสถานะของประเทศเป็นระยะ 3. ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ และ 4. ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ด้วยความเป็นกลาง

เทือกประกาศภาระกิจเพื่อชาติ

จากนั้นนายสุเทพ กล่าวว่า การมาแถลงข่าวในวันนี้เป็นการแถลงเรื่องที่เกี่ยวกับมูลนิธิฯเท่านั้น ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับการเมืองหรือเรื่องที่จะเป็นปัญหาทางการเมือง และขอยืนยันว่าตนได้ขออนุญาต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เรียบร้อย ได้แจ้งวัตถุประสงค์ของการแถลงข่าว พร้อมเชิญให้เจ้าหน้าที่ของคสช.มาเฝ้าสังเกตการณ์ด้วย

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า นับจากนี้การเคลื่อนไหว การทำงาน การทำกิจกรรมต่างของมูลนิธิฯ จะเป็นไปเพื่อเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อประโยชน์ของประเทศและคนไทย รวมทั้งมูลนิธิฯจะรวบรวมกำลังผู้คนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน คือรักชาติ รักแผ่นดิน มาทำงานในมูลนิธิฯ นอกจากนี้ เราจะยืนหยัดยึดมั่นแนวทางการปฏิรูปประเทศตามเจตนาของมวลมหาประชาชนที่ได้แสดงออกในทุกด้าน

พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งคสช.

อย่างไรก็ตามมูลนิธิฯเป็นมูลนิธิที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ได้ขออนุญาตต่อนายทะเบียน กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบคุณสมบัติคณะกรรมการ และวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งมูลนิธิแล้ว ดังนั้นเราจึงเป็นองค์กรที่ชอบธรรมโดยกฎหมาย และจะปฏิบัติตากฎหมายทุกประการ รวมทั้งจะร่วมมือกับคสช.เพื่อนำประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อย และเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าของประเทศและของประชาชน

ประเดิมงานแรกดูแลผู้ชุมนุม

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับงานแรกของมูลนิธิฯคือ ดูแลเยียวยาผู้ชุมนุมที่เสียเลือดเนื้อ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และลูกกำพร้าทุกรายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและความเป็นอยู่ และงานสองคือ รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าวัฒนธรรมอันดีงานของชาติไทย คือ การบวช เราจึงได้โครงการอุปสมบทหมู่รวม 9 รุ่น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 689 รูป จาก 58 จังหวัดทั่วประเทศไทย และเราจะทำโครงการนี้ต่อไป

เชิญชวนปชช.เข้าร่วมมูลนิธิฯ

“สิ่งที่มูลนิธิฯจะดำเนินการต่อจากนี้ไป คือการเชิญชวนประชาชนผู้ที่มีอุดมการณ์มีความคิดอย่างเดียวกับมูลนิธิฯมาร่วมกันเป็นเจ้าของ โดยมูลนิธิของเราจะดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง คณะกรรมการชุดนี้คือชุดเริ่มต้นซึ่งต่อไปมีประชาชนเข้าร่วมเป็นเจ้าของมูลนิธิภายใน 1 ปี เราจะจัดเลือกตั้งคณะกรรมการมูลนิธิกันใหม่ โดยช่องที่การสมัครร่วมเป็นเจ้าของมูลนิธินั้นสามารถสมัครผ่านเวบไซค์ อีเมล์ของมูลนิธิซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์อีกครั้ง” นายสุเทพ กล่าว

เตรียมขยายตั้งสาขาทั่วประเทศ

และว่าเจ้าของมูลนิธิฯทุกคนจะต้องรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายให้เพียงพอกับมูลนิธิ ที่สำคัญต้องสามารถเปิดเผยได้ว่าตัวเองประกอบอาชีพอะไร มีรายได้เท่าไหร่ และพร้อมบริจาคทุนเท่ากับรายรับ 1 วันใน 1ปี ซึ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ทุกคนมีเสียงเท่ากันในการตัดสินชี้ขาด หากจังหวัดใดมีสมาชิกมากอย่างมีนัยสำคัญ เราจะตั้งสาขาสำนักงานในอำเภอนั้นจังหวัดนั้น อย่างไรก็ตาม ที่ต้องพูดแบบนี้ก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนและป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับเงินทุนว่า ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง และยืนยันว่าเรารับเงินคนไทยเท่านั้น

ลั่นพร้อมเคลื่อนไหวเพื่อชาติ

นายสุเทพ กล่าวว่า เราจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน หากจำเป็นเคลื่อนไหวเพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและคนไทย เราจะทำ เช่นกรณีองค์กรทั้งหลายหรือประเทศทั้งหลายไม่เข้าใจคนไทย ไม่เข้าใจสภาพของประเทศไทย เราพร้อมไปชี้แจง ถ้ามีรัฐบาลหรือกลุ่มประเทศมีความเข้าใจผิดและตัดสินใจมีมาตรการที่ส่งผลกระทบประเทศไทย เราจะส่งตัวแทนไปชี้แจง

เดินหน้าผลักดันแนวทางปฏิรูป

นายสุเทพ กล่าวถึงภารกิจของมูลนิธิต่อว่า มูลนิธิจะเป็นศูนย์รวบรวมข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ในการปฏิรูปประเทศผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคส์ เพราะคิดว่าการปฏิรูปที่สำคัญที่สุด คือการ

ปฏิรูปพรรคการเมืองให้เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของครอบครัวหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งผลักดดันการปฏิรูปการศึกษาจึงจะจัดตั้ง“วิทยาอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ” ที่เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี สอนวิชาชีพกับอบรมธรรมะ และผลักดันเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริ

ย้ำต้องปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ

เมื่อถามถึงแนวทางการปฏิรูปของรัฐบาลที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ ไม่ตรงกับเจตนารมณ์มูลนิธิฯ จะมีมาตรการดำเนินกรอย่างไร นายสุเทพ ชี้แจงว่า เราสืบทอดเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน เราต้องการเห็นรัฐบาลทำการปฏิรูประเทศให้สำเร็จ ไม่ว่าจะต้องเวลาเท่าไหร่ก่อนมีการเลือกตั้ง เราหวังว่าท่านทั้งหลายที่มีหน้าที่อยู่ขณะนี้จะตระหนักถึงประชาชนว่าคาดหวังอย่างไร ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างไร

ไม่ชุมชุมแต่จะยื่นหนังสือแทน

“แต่ถ้าเห็นว่าการทำหน้าที่ไม่ได้ผลักดันการปฏิรูปไปในทิศทางไม่ถูกต้อง ขอแสดงความคิดเห็นเสนอไป โดยเราจะทำอย่างเรียบร้อย เช่น ยื่นหนังสือไปกับท่าน และจะบอกกับสาธารณชนว่าสิ่งที่ท่านคิดกับเราแตกต่างปันอย่างไร เราจะไม่มีการชุมนุม ไม่ประท้วง ไม่บุกสำนักงาน หน้าที่ทำงานเป็นของท่าน หน้าที่แสดงความคิดเห็นเป็นของเรา จะทำถูกหรือทำผิด ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง”นายสุเทพ กล่าว

ไม่กลับไปเล่นการเมืองแล้ว

เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวของมูลนิธิยังเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ และขอประกาศย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า “ผมไม่กลับไปเป็นนักการเมืองอย่างนั้นอีกแล้ว ไม่กลับไปเลือกตั้ง ผมลาออกจากส.ส. ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และจะไม่กลับไปพรรคประชาธิปัตย์อีก หลังจากนี้ความคิดอาจ และทิศทางของมูลนิธิอาจจะไม่ตรงกับพรรค เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อใครแต่เพื่อประเทศไทย และคนไทย”

ดึง”กษิต”หน.ทีมฝ่ายตปท.

เมื่อถามต่อว่าที่ระบุว่าจะทำหน้าที่ชี้แจงกับองค์กรระหว่างประเทศที่อาจจะเข้าใจประเทศไทยผิด ขณะนี้วางตัวแทนไว้หรือยังว่าเป็นใครและประเด็นใดที่จำเป็นต้องเร่งชี้แจง ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า จะเชิญ นายกษิต ภิรมย์ เป็นหัวหน้าทีมฝ่ายต่างประเทศขอมูลนิธิฯ โดยหากมีองค์กรใด หรือประเทศใด เข้าใจผิด หรือตัดสินใจทำอะไรที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบ นายกษิตและคณะ พร้อมไปชี้แจง

ลั่นต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า หากกรอบเวลาการปฏิรูปของรัฐบาลจะสำเร็จลุล่วงนั้นต้องใช้ระยะยาวนาน มูลนิธิฯจะให้เวลา รัฐบาลแบบไม่มีกรอบเลยใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เจตนารมณ์การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญ แต่เราไม่ได้กำหนดกรอบเวลา แต่เราคิดถึงผลสำเร็จ เพราะถ้าปฏิรูปไม่เสร็จแล้วมีการเลือกตั้ง มีนักการเมือง พรรคการเมืองแบบเก่า ประเทศก็ยับเยินเป็นแบบเก่า ประชาชนขาดทุน ประเทศเสียหาย

‘กษิต’รับสุเทพทาบทามทำงาน

ด้าน นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นายสุเทพ ทาบทามให้ตนเข้าร่วมขับเคลื่อนงานของมูลนิธิฯ ในด้านการต่างประเทศ ส่วนภารกิจแรกตนยังให้รายละเอียดไม่ได้ชัดเจน เนื่องจากต้องหารือกับคณะทำงานก่อน แต่มีกรอบการทำงานคือ จะนำเสนอประเด็นปฏิรูป หรือแผนพัฒนาประเด็นต่างๆ เช่น แรงงานไทย, แรงงานต่างด้าว เป็นต้น แต่จะไม่เข้าแทรกแซงงานของข้าราชการ หรือทำใต้อาณัติของรัฐบาล คสช.

สปช.ลุยชงถามต่ออายุรบ.2ปี

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิก สปช. ออกมากล่าวสนับสนุนข้อเรียกร้องของนายสุเทพที่ต้องการให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งเพราะเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับตนเสนอ ซึ่งสอดคล้องกับผลโพลล์หลายสำนักที่ออกมาก่อนหน้านี้โดยเรื่องนี้ถือเป็นงานหลักของ สปช.ตนในฐานะที่เป็น สปช.กำลังศึกษาข้อมูล เพื่อเสนอเป็นคำถาม เพื่อนำไปทำประชามติ โดยจะถามประชาชนว่า ควรจะให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศต่ออายุรัฐบาลอีก 2 ปีก่อนมีการเลือกตั้งหรือไม่ เข้าสู่ที่ประชุมสปช.พิจารณาในสัปดาห์หน้า

เช่นเดียวกับนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช.กล่าวถึงการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ว่า ตนยืนยันหลักการนี้มาตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดความแตกแยกเหมือนเดิมอีก

พท.ซัดเทือกปฎิรูปการเมืองชัดๆ

มีความเห็นจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงการเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯมุ่งปฏิรูปก่อนเลือกตั้งว่า สังคมไทยสับสน หาหลักยึดไม่ได้ กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนความสับสนสังคมไทย อยากถามคสช.ว่ากปปส.จะทำอะไรก็ได้ใช่หรือไม่เพราะที่แถลงเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องการปฏิรูป ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือไง ดังนั้นจากนี้ไปทุกฝ่ายคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คงมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นอีกมากมายเกินกว่าจะคาดเดาและจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลงหรือไม่

‘เหวง’ชี้ลั่นกลองรบเริ่มแล้ว

ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.กล่าวว่า การแถลงเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯไม่ต่างอะไรกับการกระหน่ำรัวตีกลองศึกว่า ต่อไปนี้มวลมหาประชาชน กปปส.จะขับเคลื่อนทัพการเมืองรุดไปข้างหน้าเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย“ปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง”ให้ได้ ทุกฝ่ายต้องเตรียมตัวรับมือการเคลื่อนไหวอัน “ซ่อนเร้นอำพราง”ของ กปปส.ภายใต้การอำนวยการของ นายสุเทพ ที่บอกว่า ไม่สร้างความขัดแย้งทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องหลงละเมอเพ้อพกอย่างแท้จริง

ปูดแม้วดัน’เจ๊หน่อย’คุมพท.

แหล่งข่าวจากพรรคพท.เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตฯมาทำบุญครบรอบวันเกิดที่สิบสองปันนา โดยได้พูดคุยกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ให้มาช่วยพรรคในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นช่วงปี59 แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากคดีจนำข้าว โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ยังเชื่อว่า คณุหญิงสุดารัตน์ สามารถต่อสายพูดคุยกับนายทหารในคสช.ได้ อีกทั้งนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ พ.ต.ทักษิณ ก็ไม่ตอบรับที่มานำพรรคต่อไป