สน.ปทุมวันส่งสำนวนถึงอัยการ เห็นควรสั่งฟ้อง‘ปิยบุตร-ช่อ-ทิม’ร่วม‘ทอน’คดีแฟลชม็อบ
7 เมษายน 2563 ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ส่งตัวนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ , น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มาพร้อมส่งสำนวนสอบสวนและความเห็นควรสั่งฟ้องต่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) ในคดีจัดแฟลชม็อบบริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวภายหลังทั้ง 3 คน เข้ารายงานตัวต่ออัยการเสร็จสิ้นแล้ว ว่า มีการตั้งข้อหาเดิม 5 ข้อหา ทางอัยการนัดผู้ต้องหาทั้งสามมาฟังว่าสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในวันที่ 15 เมษายน นี้ เวลา 10.00 น. แต่ตนปรึกษากับทั้งสามแล้ว เราคงจะต้องยื่นขอความเป็นธรรม เพราะการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ยังไม่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา ประกอบกับคดีนี้เป็นคดีเดียวกับที่นักศึกษา ประชาชน กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกกล่าวหาด้วย ขณะนี้อัยการยังไม่สั่งฟ้อง อยู่ระหว่างการสอบพยานเพิ่มเติม
ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า เราตั้งใจต่อสู้คดีตามกฎหมาย เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมทั้งในชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ กระทั่งชั้นศาล พวกเราที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาอย่างน้อยที่สุดจะได้เป็นกรณีศึกษา ว่าการใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ซึ่งออกมาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งโดย คสช. นั้น ถึงเวลาใช้ในทางปฏิบัติมีปัญหาจริงๆ ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ทำไปทำมา วัตถุประสงค์ที่ตั้งใจทำให้เสรีภาพในการชุมนุมเกิดขึ้นได้ แต่ในท้ายที่สุดอาจจะเกิดขึ้นไม่ได้จากการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ การที่เราถูกตั้งข้อหาเป็นจุดเริ่มต้นของการพิจารณาทบทวนเสนอแก้ไขปรับปรุง หรือยกเลิกแล้วเขียนใหม่ ให้กฎหมายการชุมนุมสาธารณะบังคับการให้เสรีภาพการชุมนุมซึ่งรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญให้เกิดขึ้น ใช้ได้จริง
เมื่อถามมองว่าการใช้กฎหมายครั้งนี้เป็นการใช้เฉพาะกลุ่ม กลั่นแกล้งหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่อยากจะคิดไปขนาดนั้น ตนมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ หวังว่าประเทศไทยจะดำรงอยู่ต่อไปได้ ไม่ใช่ว่าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง กลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่ง สลับกันเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านเพียงเท่านั้น
“ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ความเห็นแตกต่างทางการเมืองสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสันติ ต้องมีกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่มี 2 มาตรฐาน วิธีทางเดียวที่จะทำให้ความเห็นต่างในทางการเมืองสามารถอยู่ร่วมกันได้” นายปิยบุตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีแฟลชม็อบ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้ส่งตัวพร้อมสำนวนและความเห็นควรสั่งฟ้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ , นายไพรัฎฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 นครปฐม , นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักกิจกรรมทางการเมือง , นายธนวัฒน์ วงค์ไชย แกนนำวิ่งไล่ลุง และ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ใน 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง 2.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ
3.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ 4.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 5.ชุมนุมในรัศมีใกล้เขตพระราชฐาน 150 เมตร
ทั้งนี้ คดีในส่วนของผู้ต้องหา 5 คนแรก อยู่ระหว่างการสอบพยานเพิ่มเติม โดยอัยการนัดสั่งคดีชุดแรกในวันที่ 23 เมษายน 2563 เวลา 10.00 น. ส่วนที่มีการส่งสำนวนในส่วนของนายปิยบุตร , น.ส.พรรณิการ์ และนายพิธา ภายหลังนั้น เนื่องจากเป็น ส.ส. มีเอกสิทธิ์ในสมัยประชุมสภาก่อนหน้านี้
# แฟ้มภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี