รบ.อ้างพัฒนาระบบ/ไม่ทัน1ก.พ.
เลื่อนแจก1หมืน
ไตรมาสแรกปี’67แจกแน่
แบงก์ชาติย้ำจำเป็นน้อย
เหตุศก.ไทยกำลังฟื้นตัว
‘รสนา’ร้องสตง.ลุยสอบ
“จุลพันธ์” รมช.คลัง เผยเลื่อนประชุมอนุฯเงินดิจิทัล 1 หมื่น จ่อเลื่อนแจกไม่ทัน1 กุมภาพันธ์ อ้างรายละเอียดยังไม่ชัด ต้องพัฒนาระบบให้ปลอดภัย-แหล่งเงินยังหาข้อสรุปไม่ได้ พร้อมแจงนายกฯ ให้เข้าใจ ลั่นแจกแน่ ไตรมาสแรกต้นปีหน้า มั่นใจไม่ซ้ำรอยจำนำข้าวขณะที่’แบงก์ชาติ’แจงกมธ.เศรษฐกิจย้ำดิจิทัลวอลเล็ตจำเป็นน้อยกระตุ้นศก.เหตุบริโภคเอกชน-แรงงานกำลังฟื้นตัว ’จุรินทร์’ติงไร้ชัดเจนนโยบายแจกเงินดิจิทัลเตือนอย่าขวางปชช.เจ้าของภาษีตัวจริงตรวจสอบลั่นไม่มีสิทธิ์ทำบ้านเมืองเสียหายด้าน‘รสนา’อดีตสว.ร้องสตง.สอบแจกเงินดิจิทัล 1หมื่น ส่อขัดรธน.-พรบ.การเงินการคลังจี้สตง.เรียกประชุมกกต.-ป.ป.ช.สั่งระงับโครงการ ชี้ถ้าผิดจะเป็นทางลงให้กับรัฐบาล พร้อม ยื่นข้อมูลกกต.หวังเป็น1เสียงระงับโครงการ
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566ช่วงบ่ายที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ตเปิดเผยว่าวันนี้ได้เลื่อนประชุมอนุกรรมการออกไปก่อน เนื่องจากคณะอนุกรรมการลงความเห็นว่ายังมีรายละเอียดบางส่วนที่ยังได้ข้อสรุป จึงยังไม่มีความพร้อมที่จะนำเสนอทำให้เลื่อนประชุมคณะอนุกรรมการออกไปเป็นวันที่24ตุลาคมนี้แทนเมื่อได้ข้อสรุปแล้วเราจะรีบเสนอไปยังคณะกรรมการชุดใหญ่ทันที
แจกเงินดิจิทัลไม่ทัน1ก.พ.
ส่วนการเลื่อนประชุมเนื่องจากไม่ได้ข้อสรุปจะมีผลให้โครงการเริ่มไม่ทันวันที่1 กุมภาพันธ์หรือไม่นั้น นายจุลพันธุ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าอาจทำให้การทำงานของคณะกรรมการเงินดิจิทัล ตรึงตัวแน่นอน แต่ยืนยันว่า เราจะดำเนินการให้แล้วเสร็จและเริ่มแจกเงินได้ทันภายในไตรมาสแรกของปี2567
“ท่านนายกรัฐมนตรีมอบโจทย์ไว้ว่า เราจะแจกเงินภายในวันที่ 1 ก.พ.67 แต่ผมก็พร้อมที่จะไปบอกว่าไม่ทันด้วยเหตุผลที่ให้คือถ้าเราต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาระบบ เพื่อทำให้เกิดความเสถียร ปลอดภัย เราก็ต้องทำ ฉะนั้น เราจะเอาเรื่องของระบบมาแลกกับเวลาไม่ได้เลย”รมช.คลัง ย้ำ
แหล่งเงินวุ่นยังสรุปไม่ได้
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนรายละเอียดที่ยังไม่ชัดเจน อาทิแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ในโครงการซึ่งยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากมีหลายทางเลือกที่ให้คณะอนุกรรมการได้พิจารณาแต่ยืนยันว่าแหล่งเงินที่จะใช้ในโครงการนั้น จะเลือกช่องทางที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มากที่สุด อีกเรื่องคือเงื่อนไขกลุ่มเป้าหมายนั้น รัฐบาลยังคงมองว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจึงไม่มีแนวคิดที่จะแจกเงินในเฉพาะกลุ่มหากเลือกแจกเฉพาะกลุ่มคนจนจะทำให้กลายโครงการสงค์เคราะห์แทน โดยมีกรอบวงเงินสูงสุดที่5.48แสนล้านบาท ตามจำนวนประชากรอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ที่มี 54.8 ล้านคน
ยันกระตุ้นศก.ไม่สงเคราะห์
“ข้อเสนอที่หลายฝ่ายให้มานั้นทางเราก็รับฟังแต่รัฐบาลมองว่าเงินดิจิทัลเป็นโครงการการกระตุ้น ไม่ใช้โครงการสงค์เคราะห์ ถ้าถามกลับไปว่าจะกำหนดว่าใครเป็นคนรวย จะตัดเส้นรายได้ที่ตรงไหนที่จะเหมาะสม ก็ยังไม่ตอบได้ เพราะเราใจคนชนชั้นกลางก็ต้องการการกระตุ้น ดังนั้นเงินดิจิทัลก็อาจทำให้หลายคนไปต่อยอด ไปลงทุนและใช้จ่ายได้ และรัฐบาลก็ยังคงคิดที่จะแจกเงินทั้งก้อน1หมื่นบาทรวดเดียวเนื่องจากต้องการให้เกิดอิมแพคทางเศรษฐกิจ”นายจุลพันธ์ ย้ำ
ปรับรัศมีเป็นตำบล/อำเภอ/จว.
นายจุลพันธ์ กล่าวว่าสำหรับ เรื่องที่ชัดเจนแล้วคือ เรื่องรัศมีการใช้จ่ายนั้นจะขยายเกิน4กิโลเมตรจากทะเบียนบ้านแน่นอน โดยมีทางเลือกเป็นตำบล อำเภอและจังหวัด ตามทะเบียนบ้าน
ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่อง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจนั้น รัฐบาล กระทรวงการคลัง ก็รับฟัง รัฐบาลยังยึดมั่นที่เสถียรภาพ แต่ตั้งเป้าให้มีประสิทธิภาพด้วย คาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ เศรษฐกิจไทยปี2567 เติบโตได้สูงขึ้นใกล้เคียง 5% ต่อปี และอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการเงินดิจิทัลบ้าง แม้บ่างเรื่องจะขัดกับที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง แต่ตอนนี้รัฐบาลเป็นรัฐบาลแบบผสม นโยบายบ้างอย่างก็ต้องมีเปลี่ยนร่วมกับพรรคร่วมเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
มั่นใจไม่ซ้ำรอยจำนำข้าว
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงที่มีหลายฝ่ายเป็นห่วงโครงกรแจกเงินดิจิทัลจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวนั้นว่าทางรัฐบาลไม่มีความกังวล มั่นใจว่าไม่มีการทุจริต คณะกรรมการทุกส่วนงานได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ รวมทั้ง ยังมีคณะทานติดตามตรวจสอบโครงการด้วย ดังนั้นเชื่อว่าไม่มีการผิดพลาดแน่นอน
ยันซุปเปอร์แอปไม่ถึงพันล.
ส่วนเรื่องการทำระบบนั้นได้มอบหมายให้สมาคมแบงก์รัฐที่อยู่ภายใต้กำกับกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแล ดังนั้นค่าพัฒนาแอพพลิเคชันใหม่นั้นไม่ถึงหลักพันล้าน หรือหมื่นล้านตามที่เป็นข่าวแน่นอนและอนาคต โดยโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของซุปเปอร์แอพพลิเคชันและในอนาคตรัฐบาลจะต่อยอด ให้เป็นแอพพ์ของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป
ขั้นตอนลงทะเบียนปชช.-ร้านค้า
นายจุลพันธ์ กล่าวว่าสำหรับการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการนั้น เบื้องต้น รัฐบาลมีข้อมูล40ล้านคนที่ทำการการยืนยันและพิสูจน์ตัวตนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์(E-KYC)เพื่อเข้าร่วมโครงการรัฐก่อนหน้านี้ไปแล้ว ซึ่งกลุ่มนี้ถ้าประสงค์จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็จะออกแบบให้กดเพียงปุ่มเดียวก็เข้าร่วมได้เลย ส่วนอีกกว่า 10 ล้านคนที่เป็นหน้าใหม่อาจจะต้องทำการยืนยันE-KYCก่อนเข้าร่วมโครงการ
ขณะที่กลุ่มที่เข้าไม่ถึงสมาร์ทโฟนก็ต้องยืนยันตัวตนกับสาขาธนาคารและอาจจะมีการทำระบบให้ใช้จ่ายผ่านบัตรประชาชนได้ หรือกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงก็จะต้องมีการออกระเบียบให้มีผู้แทนทำธุรกรรมแทนได้เช่นกัน
ทั้งนี้ก็ลงทะเบียนทั้งประชาชนและร้านค้าจะกำหนดให้ดำเนินการก่อนที่จะเริ่มโครงการ เพื่อให้เริ่มโครงการก็สามารถใช้จ่ายได้ทันที
กมธ.พัฒนาศก.ถกแจกดิจจิทัล
ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร มีนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลประธานกมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นประธานซึ่งมีวาระพิจารณานโยบายของรัฐบาลว่าด้วยดิจิทัลวอลเล็ต โดยมีน.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.)สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน พร้อมตัวแทนจากกระทรวงการคลังและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ชี้แจงให้ข้อมูล
‘แบงก์ชาติ’ชี้ดิจิทัลจำเป็นน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโดยช่วงต้นในการพิจารณาน.ส.ดารณีย้ำว่าโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณ 5.6แสนล้านบาทโดยผู้ที่มีสิทธิ์จะต้องมีอายุ 16ปีขึ้นไปจะได้รับเงินจำนวน1หมื่นบาท ซึ่งรัฐบาลต้องการกระตุ้นอุปโภคบริโภคของประชาชนแต่มุมมองของธปท.เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกที่เกี่ยวกับการบริโภคภาคเอกชนมองว่าความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมผ่านโครงการนี้ยังมีไม่มาก เนื่องจากภาพรวมการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้สูงและตลาดแรงงานก็ฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังนั้นผลของโครงการต่อเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
กมธ.ยังรอความชัดเจนก.คลัง
ด้านนายสิทธิพล กล่าวภายหลังการประชุมว่ายังรอความชัดเจนของนโยบายซึ่งผู้แทนกระทรวงการคลังยังไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจนแต่ยังให้โอกาสรัฐบาลในการทำนโยบาย เชื่อว่ารัฐบาลพยายามฟังเสียงรอบด้าน ทั้งข้อเสนอแนะและข้อทักท้วงจะเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้รัฐบาลออกแบบนโยบายได้ดีและไม่ทำให้เกิดผลเสียหรือเกิดผลเสียให้น้อยที่สุดอยากให้รัฐบาลคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน ข้อดีข้อเสียของนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแหล่งที่มาของงบประมาณ การนำไปใช้ วิธีการ ผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวซึ่งกระทรวงการคลังชี้แจงว่ายังอยู่ในระหว่างการหารือการตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานในเรื่องต่างๆซึ่งเร่งทำอยู่
คลังยังอุบปมยืมเงินรัฐวิสาหกิจ
“วันนี้ทางกระทรวงการคลังไม่ได้ชี้แจงเรื่องแหล่งที่มาของเงิน บอกแต่เพียงว่ากรอบงบประมาณที่ใช้จะคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง โดยไม่ได้บอกว่าจะมีการนำแหล่งเงินจากการยืมจากรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ซึ่งกมธ.จะมีการติดตามความคืบหน้าของโครงการการนี้ต่อไป”นายสิทธิพล ย้ำ
เมื่อถามว่าโครงการนี้จะเกิดประโยชน์ได้จริงหรือมีผลเสียมากกว่าผลดีหรือไม่นายสิทธิพลตอบว่าเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาล เรารอความชัดเจนของนโยบายถึงจะได้ประเมินได้ครบถ้วน เพราะขณะนี้ประเมินจากข้อคิดเห็นและการนำเสนอผ่านสื่อเท่านั้น หากพูดในฐานะส.ส.คนหนึ่งก็อยากให้โครงการนี้คุ้มค่ากับงบประมาณ
‘จุรินทร์’ซัดไร้ชัดเจนแจกเงินดิจิทัล
นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงการที่กรรมาธิการฯได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้แทนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มาให้ข้อมูลนโยบายแจกเงินดิจิทัล10,000บาทว่าเป็นสิทธิ์ของหลายฝ่ายที่จะตั้งคำถาม ขณะเดียวกันก็เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลที่จะดำเนินนโยบายที่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบหากเกิดความเสียหาย ต่อประเทศและส่วนรวม โดยกมธ.ตั้งประเด็นสอบถาม2เรื่องว่าจะมีการดำเนินนโยบายอย่างไร และจะนำงบประมาณมาจากที่ไหน หากไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินและไม่ใช่การกู้เงิน เชื่อว่าทุกคนต้องการคำตอบ เนื่องจากขณะนี้ทุกอย่างยังคลุมเครือไม่มีความชัดเจน จากผู้ที่มีหน้าที่กำหนดนโยบายและลงปฏิบัติจริง วันนี้จึงหวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน และสามารถแจ้งให้ประชาชนเจ้าของเงินภาษีได้รับทราบ เพราะสุดท้ายก็เชื่อว่าจะเป็นการนำเงินภาษีของคนไทยมาแจกโดยไม่ได้เอาเงินส่วนตัวมาแจก
ไม่มีสิทธิ์ทำบ้านเมืองเสียหาย
เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการฟอกเงินครั้งใหญ่ในระบบดิจิทัล นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์แต่เป็นสิทธิ์ของคนไทยที่จะตั้งข้อสังเกตและติดตามได้ รัฐบาลก็ต้องรับฟัง ยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องความไม่ชัดเจนของการดำเนินการนโยบายตั้งแต่ต้น แต่เราพยายามที่จะให้โอกาสรัฐบาลและให้ความเป็นธรรม เราไม่เคยออกมาคัดค้านให้ยกเลิกเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลที่จะมีนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่จะนำเงินภาษีของคนทั้งประเทศทำในสิ่งที่อาจเกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองและเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น
ข้องใจยังมืดๆดำๆคลุมเครือ
“สุดท้ายแล้วทำไมมีมืดๆดำๆ คลุมๆเครือๆไม่มีความชัดเจนจนวันนี้ เป็นไปได้ยังไงเมื่อเป็นนโยบายหาเสียง หากเป็นนโยบายหาเสียงต้องมีความชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่าจะทำอย่างไร แต่นี่มาเริ่มต้นนับหนึ่งในช่วงเป็นรัฐบาล จนขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มนับ1.1คือยังไม่มีความชัดเจนใดๆเกิดขึ้น งหวังว่าวันหนึ่งจะมีความชัดเจนสักวัน แต่ว่าระหว่างทางอย่าไปตำหนิคนที่ตั้งคำถาม อย่าไปตำหนิคนที่ตั้งข้อสังเกตะอย่าไปตำหนิประชาชนที่มีสิทธิ์รับรู้ เพราะเอาเงินเขามาใช้เอาเงินเขามาจากเจ้าของเงินย่อมมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ได้”นายจุรินทร์กล่าว
ชี้แจกโทเคน/เงินสดเป็นภาระปท.
เมื่อถามว่าเหตุใดในการดำเนินนโยบาย ไม่แจกเป็นเงินสด หรือแจกเงินผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังค์ นายจุรินทร์ กล่าวว่าส่วนตัวยังไม่ได้สอบถามประเด็นนี้ ยังไม่รู้ว่ารายละเอียดการดำเนินนโยบายจะเป็นอย่างไร การจะแจกเป็นโทเค่นหรือจะแจกเป็นเงินสดตามที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องก็จะเป็นภาระของคนทั้งประเทศที่จะมาใช้หนี้ต่อไปในอนาคต ตนในฐานะกรรมาธิการฯหลังจากนี้ก็จะติดตามแทนประชาชนในฐานะฝ่ายตรวจสอบฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่
‘รสนา’ร้องสตง.สอบแจกเงินดิจิทัล
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรุงเทพมหานครยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินผ่านน.ส.น้อมจิตร์ สังข์ด่านจากที่ปรึกษาการตรวจเงินแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบกรณีแจกเงินดิจิทัล10,000 บาทของรัฐบาล เนื่องจากมีปัญหาไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐ โดยเห็นว่าเป็นอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะดำเนินการระงับยับยั้งหากก่อให้เกิดความเสียหายต่อการเงินการคลังของรัฐและขาดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อ้าง6เหตุผลส่อทำระบบการเงิน
น.ส.รสนาได้อ้างเหตุผล 6 ประการที่เห็นโครงการจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของรัฐและอยากให้สตง.ตรวจสอบ คือ 1.ผลได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งนักวิชาการและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมาแสดงความคิดเห็น เพราะเวลานี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลถึง 5.6แสนล้านมาแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะการบริโภค แต่ควรนำไปทำนโยบายที่ยั่งยืนและเกิดผลระยะยาวมากกว่า 2.น่าขัดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา เนื่องจากการแจกเงินดิจิตอลโทเคน ยังเกิดความสับสนว่าเป็นเงินตราสกุลใหม่ หรือเป็นสิทธิการใช้เงินแบบดิจิทัล จึงอาจเกิดปัญหาการสำแดงไม่จริงคือสำแดงว่าเป็นเงินดิจิทัล แต่จริงๆเป็นระบบเงินใหม่
3.เพิ่มความสิ้นเปลืองแก่ประเทศโดยไม่จำเป็น โดยเห็นว่าการสร้างระบบใหม่อย่างบล็อกเชน เป็นการใช้เงินมหาศาล หากทำโครงการนี้แล้วไม่ทำอะไรต่อเนื่องเป็นการเสียเงินเปล่า ทั้งที่ดิจิทัลวอลเล็ตมีอยู่แล้ว และการจะนำเงินภาษีมาใช้เพื่อทำบล็อกเชนก็เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ4.โครงการนี้ถือเป็นการใช้เงินของแผ่นดินซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา140 ระบุว่าจำเป็นต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมาณโดยให้รัฐสภายอมรับ แต่รัฐบาลบอกว่าจะแจกเงิน1หมื่นบาท ตั้งแต่เมษายน 67 เท่ากับว่าจะไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมาณของแผ่นดิน ซึ่งน่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ขัดรธน.-พ.ร.บ.การเงินการคลัง
5.ซุกหนี้สาธารณะ ดูจากรัฐบาลประกาศจะใช้ธนาคารออมสินกู้เงินแทน แล้วนำเงินมาใช้ เท่ากับจะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและซุกหนี้สาธารณะ และเชื่อว่าธนาคารออมสินก็ไม่น่าจะมีหลักการในลักษณะดังกล่าว และ6.ขัดกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา 9 วรรค 3 ที่กำหนดว่า รัฐบาลจะต้องไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินไปใช้ในการหาเสียง ซึ่งการแจกเงินให้เด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป คิดว่าเป็นการหาเสียงทางการเมือง เปรียบเสมือนกับการตกเขียว เด็กอายุ 16 ปี อีก 4 ปีข้างหน้าก็อายุ 20 ปี และการแจกเงินให้คนทั้งหมดโดยไม่เลือกน่าจะขัดต่อระเบียบและกฎหมาย
“จากเหตุผล6ข้อดังกล่าวส่งผลให้โครงการฯน่าจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้งพ.ร.บ.เงินตรา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจและการเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง”น.ส.รสนา ย้ำ
จี้สตง.เรียกถกกกต.-ป.ป.ช.เพื่อระงับ
น.ส.รสนาเรียกร้องว่าอยากให้ผู้ตรวจเงินแผ่นดินสั่งการให้ตรวจสอบเป็นการเร่งด่วนและขอให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน จัดประชุมร่วมกับกกต.และป.ป.ช.เพื่อระงับหรือยับยั้งการดำเนินการดังกล่าวตามมาตรา8ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน เพราะที่ผ่านมาเราเห็นประชาชนและนักวิชาการ ออกมาคัดค้านแต่รัฐบาลไม่ฟัง ฉะนั้นจึงต้องดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่เพราะถ้าเกิดความเสียหายจริงและขัดกฎหมาย เราควรจะล้อมคอกก่อนวัวหาย ไม่ใช่วัวหายแล้วค่อยไปจับคนมาติดคุก อย่างเรื่องจำนำข้าวจะเห็นว่ารัฐมนตรีติดคุกถึง 48 ปี จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเงินเราก็สูญสลายไปหมดแล้วในฐานะประชาชนเจ้าของภาษี รัฐบาลต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
พร้อมเห็นว่าการดำเนินโครงการนี้เมื่อรัฐบาลพยายามที่จะหลีกเลี่ยงนำเข้าสู่กระบวนการงบประมาณเพราะระบุว่าจะเริ่มแจกเงินในเดือนเมษายน67 ดังนั้นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบน่าจะตรวจสอบได้ ถ้าพบว่าไม่ปกติหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็มีอำนาจในการที่จะสั่งการในเรื่องนี้ต่อไป
ชี้ถ้าผิดเชื่อจะเป็นทางลงให้รัฐบาล
นอกจากนี้ น.ส.รสนาได้ขึ้นไปหารือกับผู้แทนสตง.พร้อมเปิดเผยว่าสตง.แจ้งว่าจะต้องรอให้รัฐบาลมีมติ ครม.ก่อนเพราะขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าจะดำเนินโครงการอย่างไรจะนำเงินส่วนไหนมาใช้จ่าย หากมีรายละเอียดก็จะเข้าสู่การตรวจสอบซึ่งสตง.ก็มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาแล้ว ในการดูโครงการนี้
พร้อมยืนยันว่าการมาร้องเพื่อให้สตง.ทำตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งกรณีนี้ก็อาจจะเป็นทางลงให้กับรัฐบาลได้เพราะหาเสียงมา หากไม่ทำหรือถอยก็จะเสีย แต่หากการตรวจสอบออกมาแล้วไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการถกเถียงด้วยข้อกฎหมาย ไม่ใช่ด้วยอารมณ์
‘รสนา’ยื่นกกต.ให้ข้อมูลเงินดิจิทัล
จากนั้น น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม.เข้ายื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เพื่อให้ข้อมูลและให้ดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล หลังจากช่วงเช้าได้ไปปยื่นหนังสือต่อประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งมีอำนาจตามมาตรา 8 พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน2561มาตรา8ที่กำหนดว่าหากเห็นว่านโยบายของรัฐบาล อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านงบประมาณและวินัยการเงินการคลัง สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้ หากพบว่าผิดก็สามารถที่จะเชิญประธานกกต.และประธานป.ป.ช.มาประชุมเพื่อพิจารณาและทำรายงานเสนอให้รัฐบาลล้มเลิกโครงการนี้
หวังให้ร่วมลงมติยับยั้งโครงการ
“การเสนอเรื่องนี้เพื่อให้สื่อและประชาชนทราบว่าขณะนี้มีกฎหมายใหม่เรียกว่าเป็นดาบก็ได้ที่จะสามารถหยุดยั้งกระบวนการที่ไม่ชอบและเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องร่วมกันล้อมคอกก่อนวัวหายเพราะที่ผ่านมาเรามักจะล้อมคอกเมื่อวัวหายไปแล้วฉะนั้น การที่ได้ยื่นต่อประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อให้ท่านเป็นเจ้าภาพเรื่องนี้ ถ้าพบว่าข้อเท็จจริงที่จะสามารถพิจารณายับยั้งได้ก็ขอให้เรียนเชิญประธานกกต.และประธาน ป.ป.ช.มาประชุมร่วมกันเพื่อลงมติว่าควรจะยับยั้งเรื่องนี้หรือไม่” น.ส.รสนา กล่าว
สส.เพื่อไทยซัดกลุ่มค้านคนหน้าเดิม
ทางด้านน.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวว่าจากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนพบคนในพื้นที่ตื่นตัวมากส่วนใหญ่สอบถามมากว่าเมื่อไหร่จะได้ใช้เงิน10,000บาท ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตซึ่งเงิน1หมื่นบาทต่อครอบครัวมีค่ามากเพราะนำไปใช้จ่ายในครัวเรือนได้ ในพื้นที่อุบลที่เพิ่งผ่านน้ำท่วม เงินจำนวนนี้สามารถพลิกชีวิตเขาได้ปัจจุบันประชาชนกังวลใจว่าจะได้รับสิทธิ์หรือไม่ ยิ่งมีกลุ่มคนออกมาโจมตีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสร้างความตื่นตระหนกในสังคม แต่ตนยังคงมั่นใจว่านายกฯเศราฐา ทวีสินจะไม่หวั่นไหวกับกระแสการต่อต้านซึ่งประชาชนต่างให้กำลังใจรัฐบาลอย่าได้กังวลกับกระแสการโจมตีที่เกิดขึ้นเพราะประชาชนรอความหวังจาก โครงการดิจิทัลวอลเล็ตทั่วประเทศ
“ส่วนกลุ่มคนที่ออกมาโจมตี ล้วนเป็นคนหน้าเดิมๆ ที่ออกมาสร้างกระแสค้าน ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการจำนำข้าว มาจนถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดา ในสมัยรัฐบาลทหารคนเหล่านี้เงียบกริบไม่ออกมาโจมตี โครงการแจกเงินที่ผ่านมา ต่างจากรัฐบาลพลเรือนที่ให้สิทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเต็มที่ จึงไม่พลาดที่หาโอกาสโจมตีรัฐบาลเป็นธรรมดา ทั้งนี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเดินหน้าอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน” น.ส.กิตติ์ธัญญา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี