ปิดฉากประชุม‘เจบีซี’ไทย-เขมร
ทำหลักเขต800กม.
ลดความตึงเครียดชายแดน
‘ฮุน.มาเนต’หักไทยยื่นศาลโลก
‘มท.1’ลั่นไม่มีใครบังคับได้
ชี้ไทยไม่รับอำนาจศาลโลก
ปิดฉากถก “เจบีซี” ไทย-กัมพูชา กระทรวงต่างประเทศแถลงผ่านเพจระบุ เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-เขมร ความยาว 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดชายแดน เดินหน้าหารือต่อ โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปกันยายนนี้ ด้าน “ประศาสน์”หัวหน้าทีมเจรจาปิดปากปมเขมรยื่นฟ้องศาลโลก 4 พื้นที่พิพาท ด้านมท.1โนคอมเมนต์เขมรฟ้องศาลโลก ลั่นจุดยืนไทยไม่รับอำนาจศาลโลก ไม่มีใครมายังคับได้ ยันเตรียมพร้อมรับมือเข้มแนวหลังสั่ง ‘ผู้ว่าฯชายแดน’ สำรวจแก้ไข-เพิ่มหลุมหลบภัย-โรงพยาบาลสนาม ขณะที่สมช.เรียกถก 16 มิย.หลัง “ฮุน มาเนต” ประกาศหยุดรับซื้อไฟ-เน็ตจากไทย
เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 15 มิถุนายน พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุกHun Manetโชว์ภาพหนังสืออย่างเป็นทางการ ถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อช่วยหาทางแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และบริเวณมุมไบ หรือช่องบก-สามเหลี่ยมมรกต เป็นภาษากัมพูชาและภาษาอังกฤษ หัวข้อเรื่อง “กัมพูชาเลือกกฎหมายระหว่างประเทศและสันติภาพ”
เขมรฟ้องศาลโลกแล้วปม4พื้นที่พิพาท
เนื้อหาในหนังสือดังกล่าวระบุว่า วันนี้ 15 มิถุนายน 2025 รัฐบาลกัมพูชาได้ส่งหนังสือทางการไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อช่วยหาทางออกปัญหาพัฒนาชายแดนในปราสาทตาเมืองธม ปราสาทตาเมืองโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมไบแล้ว
ทั้งนี้ ย้อนไปในวันที่ 15 มิถุนายน 1962เป็นวันประวัติศาสตร์เมื่อศาลโลกตัดสินว่ากัมพูชาชนะประเด็นเขาพระวิหารแม้ว่าทั้งสองเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นห่างกัน 63 ปี แต่เป็นความจริงที่จิตวิญญาณและวัตถุประสงค์เดียวกัน กัมพูชาเลือกที่จะตั้งถิ่นฐานอย่างสงบสุขบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศผ่านกลไกศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
อ้างกลไกทวิภาคีแก้ขัดแย้งไม่ได้ทั้งหมด
สําหรับการแก้ปัญหาชายแดนในพื้นที่ที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ของความขัดแย้งติดอาวุธ ซึ่งกลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด เช่นเดียวกับในเขตวัดพระวิหาร เมื่อ 60 ปีก่อน และบริเวณบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และบริเวณมุมไบ วันนี้ กัมพูชาต้องการความยุติธรรม ยุติธรรม ชัดเจนเท่านั้น ที่จะกําหนดแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ประสบปัญหาด้วยกันไม่สิ้นสุด
ขอความกรุณา เพื่อนร่วมชาติทุกท่าน เชื่อมั่นในรัฐบาลในการทํางานนี้ด้วยความเต็มใจและรับผิดชอบอย่างยิ่ง เพื่อปกป้องความมั่นคงของแผ่นดิน และประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนชาวกัมพูชา ขอให้เพื่อนร่วมชาติของเราเชื่อมั่นในรัฐบาลกัมพูชาในความพยายามที่จะทํางานนี้ด้วยความตั้งใจและความรับผิดชอบอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องความซื่อสัตย์ในดินแดนของเราและเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนกัมพูชา
เขมรลุยฟ้องศาลโลกหยามกันชัดๆ
มีความเห็นจากนายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กKamnoonSidhisamarnระบุ63 ปีวันแห่งชัยของกัมพูชาผู้แทนไทยจะทำหน้าอย่างไรใน JBCภายใต้บรรยากาศเฉลิมฉลองกัมพูชาส่งหนังสือไปศาลโลก เรียบร้อยตามฤกษ์ครบรอบ 63 ปีคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร 15 มิถุนายน ค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505) ที่ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของชาติไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการจงใจเลือกวันนี้ ทั้งนี้จากการบอกเล่าของสมเด็จฮุนมาเนต ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนออกศึกอีกครั้งในสมรภูมิที่เคยได้ชัยมาแล้ว
สื่อกัมพูชาจัดทำแคมเปญเฉลิมฉลองวันประวัติศาสตร์นี้ด้วยโดยภาพรวมในโซเชียลมีเดียของกัมพูชา มีการปั่นกระแสชัยชนะในคดีปราสาทพระวิหารอย่างคึกคัก มีหนำซ้ำในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 สหภาพเยาวชนกัมพูชายังจะจัดเดินรณรงค์สนับสนุนกัมพูชาที่ทำหน้าที่อยู่ชายแดนไทยด้วย งานนี้อยู่ภายใต้การดูแลของฮุนมานี ลูกสาวของสมเด็จฮุนเซน
“แล้ววันนี้ผู้แทนไทยจะคุยอะไรกันใน JBCและผู้แทนไทยใน JBC จะทำหน้าอย่างไรในบรรยากาศเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือเราของประเทศเขาไม่อยากคิดว่าเขาจงใจจัด JBC บนแผ่นดินเขาทั้งที่รู้ว่าจะไม่คุยเรื่อง 4 พื้นที่ และจะไม่เปลี่ยนใจเรื่อง ICJ ก็เพื่อให้ผู้แทนไทยเราตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ไม่อยากจะคิดว่าเป็นการจงใจหยามกันชัดๆไม่อยากจะคิดจริงๆนายกฯแพทองธาร ชินวัตรคิดอย่างไรช่วยบอกคนไทยทั้งประเทศหน่อย” นายคำนูณระบุ
แฉกลลวง‘เขมร’บนโต๊ะเจรจาJBC
ขณะที่ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กWassanaNanuamในประเด็น เปิด เล่ห์เขมร!! บนโต๊ะเจรจา JBC กัมพูชา แจ้งในที่ประชุมว่า กัมพูชาจะเสนอ อ้างสิทธิ์ 3 ปราสาท1 พื้นที่ ต่อศาลโลก และจะให้ลงบันทึกการประชุมแต่ฝ่ายไทยคัดค้าน เขมรต่อรองให้พูดในการกล่าว Remarks (ไทย อย่ายอม!! เพราะจะเป็นหลักฐานว่า ไทยรับทราบ ต้องประท้วง แย้ง ทุกครั้ง เมื่อเขมรพูด เพื่อยืนยันว่า ไทยไม่รับทราบ ไม่เห็นด้วย”
ทั้งนี้มีรายงานว่าฝ่ายไทยตั้งข้อสังเกตว่าการประชุมครั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยดี สะท้อนว่า คณะฝ่าย กัมพูชาก็มีเจตนาให้จัดประชุมตามกรอบ JBC เกิดความราบรื่น แต่ เล็งเห็นถึงเจตนาแฝงของฝ่ายกัมพูชา เพราะแม้ฝ่ายไทยจะยืนยันว่าจะไม่คุยเรื่องที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลโลก อ้างสิทธิ์เหนือ 3 ปราสาท 1พื้นที่ ในเขตดินแดนของประเทศไทยก็ตาม แต่ระหว่างการหารือที่เป็นเรื่องทางเทคนิคในการสำรวจฯ เมื่อประธานJBC แต่ละฝ่ายได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญที่ต้องการพูด
ฝ่ายกัมพูชา แจ้งว่า กัมพูชาได้เสนอเรื่องต่อศาลโลกแล้ว และจะขอให้มีในบันทึกการประชุม หวังใช้ เป็นหลักฐานว่าฝ่ายไทยรับรู้ แต่ฝ่ายไทย ไม่ยอมรับให้บรรจุในวาระที่เห็นร่วมกัน แต่กัมพูชา เสนอขอไว้ในห้วงการกล่าว Remarks ได้แก่ ฝ่าย กัมพูชา- จะยื่น ICJ ในประเด็น 4 พื้นที่ ฝ่ายไทย -การขอให้ กัมพูชาปฏิบัติตาม MoU43 ข้อ 5 และแก้ปัญหาในกรอบทวิภาคี
“นี่คือ กลลวง ของเขมร ที่จะให้ประเด็นเรื่อง 4 พื้นที่ปรากฏอยู่ในการประชุม JBC นี้ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ฝ่ายไทยอย่าหลงกล เพราะเขมรแค่บอกว่า ยอมทำตาม MoU43 แต่ให้ย้อนดูอดีตว่า เขมรละเมิดข้อตกลงนี้ มากกว่า 600 ครั้งแล้ว ที่ฝ่ายไทยได้แต่ประท้วง จนฝ่ายเขมร สร้างถนน สร้างหมู่บ้าน สร้างคาสิโน ละเมิดข้อตกลง จนเสร็จมาหลายปีแล้ว”วาสนากล่าว
4ประเด็นที่ตกลงไม่ได้-ไทยอย่าพลาดอีก
และว่า มีรายงานว่า ในการหารือมี 4 ประเด็น แต่ยังตกลงกันไม่ได้ ซึ่งล้วนเป็นประเด็นเทคนิคเกี่ยวกับการสำรวจจัดทำหลักเขตแดนของคณะทางเทคนิค -รับรองผลประชุม JTSC ครั้งที่ 4 -ยอมรับการใช้เทคโนโลยี LiDARในการทำแผนที่ภาพถ่ายในขั้นตอนที่ 2 ของ TOR -การสำรวจหลักเขตแดนที่ตกลงกันได้แล้ว ให้ทำตามขั้นตอนแบบต่อเนื่องกันตามที่ระบุใน TOR -การจัดทำคำแนะนำทางเทคนิคในการสำรวจพื้นที่ตอนที่ 6 เห็นชอบให้ JTSC ไปดำเนินการ
“ไทยเราต้องไม่ พลาดอีก มีดินแดนและศักดิ์ศรีประเทศเป็นเดิมพัน จากนี้ไปไทยกัมพูชาจะไม่เหมือนเดิม #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด”
‘อิ๊งค์’ไม่มีนโยบายไล่แรงงานต่างด้าว
ขณะที่ท่าทีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประเทศไทย เขียนข้อความผ่านโซเชียล มีเดีย ระบุว่า ประเทศไทยเปิดรับความหลากหลาย ต้อนรับแรงงานต่างชาติดูแลสวัสดิการแรงงานที่เดินทางเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายตามสิทธิ และยึดหลักสิทธิมนุษยชนตลอดมา รัฐบาลไทยไม่เคยมีแนวคิดผลักดันแรงงานต่างด้าวประเทศใดออกนอกราชอาณาจักร แต่หากมีประเทศที่ออกมาตรการเรียกแรงงานกลับบ้านและมีงานรองรับ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่แรงงานแต่ละประเทศจะตัดสินใจ และอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลประเทศนั้น
“ดิฉันให้คำมั่นว่าจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นการเมือง และขอเรียกร้องว่า มาตรการระหว่างประเทศใดๆที่เกิดขึ้น ต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เหนือผลประโยชน์ทางการเมืองในประเทศของตน โดยไม่ส่งผลดีต่อสถานการณ์”นายกฯระบุ
มท.1ยันจุดยืนไม่ยอมรับศาลโลก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังมีความตึงเครียด ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ว่า ให้ดูแลแนวหลังอย่างเต็มที่ เน้นที่ผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตจังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา เร่งเตรียมความพร้อมในการดูแลประชาชนความพร้อมของโรงพยาบาล แขวงจัดตั้งโรงบาลสนาม พร้อมการจัดเตรียมที่หลบภัย-หลุมหลบภัย ขณะนี้เร่งทำการสำรวจและปรับปรุงหลุมหลบภัยที่มีแล้ว ส่วนที่ขาดก็จะเล่นดำเนินการจัดเพิ่ม เพื่อเตรียมการป้องกันโดย เฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณโรงเรียนหรือที่ชุมชน ที่มีพระ ผู้สูงอายุอยู่ ไม่ต้องกังวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่
เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลโลก จะทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ตึงเครียดมากกว่าเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์หรือให้ความเห็นในสิ่งที่รัฐบาลที่ไม่ใช่ประเทศไทยดำเนินการ จะดำเนินการอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา ส่วนเราก็ประกาศชัดเจนว่า เราไม่รับอำนาจของศาลโลก ไม่มีใครมาบังคับเราได้ ส่วนเรื่องเขาพระวิหารเป็นเรื่องต่อเนื่องกันมา แต่ขณะนี้รัฐบาลไทยก็ประกาศชัดเจน กัมพูชาจะทำอะไร ก็ไม่เกี่ยวกับเรา
สมช.ถกด่วน16มิย.หยุดซื้อไฟ
วันเดียวกัน นายสรพงค์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง รักษาราชการแทนรองเลขาธิการฯ ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกหนังสือด่วนที่สุด ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังกรณีนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะจัดหากระแสไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง ไม่ซื้อจากประเทศไทยจึงเชิญประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ และแนวทางดำเนินการหลังรัฐบาลกัมพูชประกาศยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคม และกระแสไฟฟ้าจากไทย ในวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมประสงค์ สุ่นศิริอาคาร20 ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับ ประเด็นหารือได้แก่ 1.ข้อมูลการซื้อขายสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชา 2.การดำเนินการหลังรัฐบาลกัมพูชามีมาตรการยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าจากไทย 3.ผลกระทบจากมาตรการฯ ของฝ่ายกัมพูชา 4.ข้อกฎหมายและอุปสรรคการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง 5.ข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไป
ผวจ.อุบลฯลงตรวจหลุมหลบภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศพื้นที่ติดกับช่องบก หมู่บ้านโดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และสำรวจหลุมหลบภัยเพื่อตรวจสภาพให้พร้อมใช้งานตลอดเวลารวมไปถึงให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่
ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณกล่าวว่า เดินทางมาในวันนี้เพื่อตรวจหลุมหลบภัยที่โรงเรียนบ้านแปดอุ้ม ต.โดมประดิษฐ์ และปรับพื้นที่ให้ใช้งานได้จริง เช่น ปรับสภาพอุโมงค์ด้วยการปูหญ้าเทียม และเดินทางมาให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ รวมถึงพาภาคธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของอุบลราชธานีมาดูพื้นที่ว่าเตรียมความพร้อมและพื้นที่ไม่ได้มีความน่ากลัวและยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งในพื้นที่วันนี้ยังจัดกิจกรรมเทศกาลผลไม้อำเภอน้ำยืน ซึ่งประชาชนในพื้นที่ยังใช้ชีวิตตามปกติ
อย่างไรก็ตาม เช้าวันนี้เหตุการณ์ในพื้นที่ยังปกติ ถึงแม้จะมีข่าวเรื่องการยื่นฟ้องต่อศาลโลกของกัมพูชา ในพื้นที่ข้อพิพาท โดย 1 ใน 4 ของพื้นที่ มีช่องบก แต่ชาวบ้านยังดำเนินชีวิตปกติ และบางส่วนให้ข้อมูลว่าจะรอติดตามสรุปผลการประชุม JBC ในช่วงเย็นวันนี้ด้วย
ปิดฉากถกJBCไทย-เขมรครั้งที่6
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ประธาน JBC วันที่สอง โดยทั้งสองประเทศพูดคุยกันในวงเล็กตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00-14.00 น. เพื่อหารือการลงนามผลการประชุมร่วม ก่อนจะลงนามกันเวลา 14.10 น. และถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นเวลา 14.20 น. หัวหน้าของคณะ JBC ของทั้งสองฝ่ายก็เดินทางออกจากโรงแรมที่ประชุม ทั้งนี้ นายฬำเจีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการชายแดนของกัมพูชา ในฐานะประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา เดินออกมาก่อน โดยบอกว่าการประชุม 2 วันนี้ดำเนินการไปอย่างราบรื่น ส่วนผลการประชุมจะให้โฆษกการประชุมแถลงในภายหลัง
“ประศาสน์”ปิดปากปมยื่นศาลโลก
ขณะที่ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ในฐานะประธาน JBC ฝ่ายไทย เดินออกมาแต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยทีม SEE TRUE ไทยรัฐ พยายามสอบถามเรื่องที่กัมพูชายื่น 4 พื้นที่ต่อศาลโลก รวมถึงการลงนามผลการประชุมว่ามีอะไรบ้าง แต่นายประศาสน์ ไม่ตอบคำถาม เพียงแต่ยิ้มและเดินขึ้นรถไป
ทำหลักเขตแดน2ปท.ยาว800กม.
ต่อมาเวลา 15.05น.กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กกระทรวงถึงผลการหารือเจบีซีไทยเขมรว่า การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบันไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ 1.JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ 2.คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีระดับสูงด้านความมั่นคง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยกับกัมพูชาเป็นประธานร่วม เพื่อหารือในการกำหนดแนวทางและมาตรการที่เหมาะสมเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศและ3.คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ซึ่งเป็นกลไกระดับทวิภาคีของฝ่ายทหาร เพื่อหารือระดับพื้นที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การพัฒนา ตลอดจนการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบริเวณชายแดนร่วมกัน โดยประธานร่วมเป็นระดับแม่ทัพภาคหรือตำแหน่งที่เทียบเท่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี