'พริษฐ์' จี้นายกฯ รักษาสัญญา ดันแก้รัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญ

'พริษฐ์' จี้นายกฯ รักษาสัญญา ดันแก้รัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญ

วันอังคาร ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568, 19.52 น.

'พริษฐ์' ร่ายยาวจี้นายกฯ รักษาสัญญาดันแก้รัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญ ไม่ใช่ภาระแต่เป็นวาระซ่อมประเทศ  ย้ำต้องไม่มีมวยล้มต้มคนดู 'คดีเขากระโกง-ฮั้ว สว.'

30 ก.ย. 68 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา  ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2


นายนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ขอสารภาพในฐานะ สส.สมัยแรก ไม่คาดคิดว่าจะต้องผ่านการโหวตนายกฯ ถึง 4 ครั้ง ครั้งนี้เป็นการอภิปรายคำแถลงนโยบายครั้งที่ 3 รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกาล เฉพาะกิจ เฉพาะลักษณะ เพราะเป็นรัฐบาลที่สภาฯ อนุญาตให้ทำงานได้ไม่เกิน 4 เดือน มีภารกิจหลักเข้ามายุบสภาและปลดล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกคาดหวังให้คงสถานะเป็นรัฐรัฐบาลเสียงข้างน้อยผ่านกฎหมายอะไรก็ผ่านไม่ได้หากพรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย จะออกนอกลู่นอกทางฝ่ายค้านก็สามารถล้มได้ ตลอดสองวันที่ผ่านมา สส.จากพรรคประชาชนได้พูดไปครบถ้วนเห็นว่า รัฐบาลนี้ควรจะทำนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับประชาชนในระยะเวลาสั้น ๆ จึงขอสรุปเป็น 3 สงครามที่รัฐบาลต้องแก้ด่วน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า สงครามแรกคือ สงครามเศรษฐกิจที่จำเป็นจะต้องกระตุ้นให้ประชาชนมีกินมีใช้ ภายใต้เศรษฐกิจที่ซบเซาหลายปี เราไม่ติดขัดที่จะท่านเดินหน้าโครงการคนละครึ่งพลัส แต่อยากให้พลัสเงื่อนไขที่ทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่การย้ายยอดขายจากร้านค้านอกโครงการมาสู่ร้านค้าในโครงการ สงครามที่ 2 คือสงครามการค้าระหว่างประเทศ ทำอย่างไรให้รัฐบาลพยุงผู้ประกอบการไทย ลืมตาอ้าปากได้ภายใต้ระเบียบเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน โดย 2 เรื่องสำคัญต้องทำคือ 1.ปัญหาสินค้าสวมสิทธิ์ แนะนำให้นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ใช้จุดแข็งในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีคนนอก ฟังข้อมูลจากรอบด้านไม่ใช่แค่ราชการเพียงอย่างเดียว  2.วางแผนมาตรการทุ่มตลาดผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรม ไม่ใช่เข้าถึงเพียงบางอุตสาหกรรม ช่วยให้ผู้ประกอบการไม่ให้มองไปทางหนึ่งก็เจอภาษีอัตราสูงจากสหรัฐอเมริกา อีกทางหนึ่งก็เป็นสินค้าราคาถูกที่เข้ามาจากจีน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า สงครามที่ 3 คือสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา ภารกิจหลักคือการเร่งคืนความปกติที่ปลอดภัยให้กับประชาชนโดยเร็ว สำคัญที่สุดคือการทำลายความชอบธรรมในเวทีโลกของผู้นำกัมพูชา ขั้นต่ำที่รัฐบาลทำได้คือการเร่งทลายธุรกิจสีเทาที่อาจจะหล่อเลี้ยงเครือข่ายดังกล่าว ในเมื่อรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลอายุสั้น สิ่งที่กังวลมากที่สุดไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไรที่ควรทำ แต่กังวลว่ารัฐบาลจะทำอะไรที่ไม่ควรทำ ซึ่งจะสร้างความเสียหายในรัฐบาลถัดไปจนแก้ไขไม่ได้ เราจะเจอสภาวะที่รัฐบาลอยู่สั้นแต่ความเสียหายอยู่ยาว

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า  จากการรวบรวมข้อมูลตลอดสองวันที่ผ่านมาและคำชี้แจงของคณะรัฐมนตรี หากไม่ต้องการเจอสภาวะเช่นนี้รัฐบาลจะต้องทำ 3 อย่างดังต่อไปนี้ “ไม่ขายของ ไม่ขายฝัน และไม่ขายสมบัติของชาติ” ทั้งนี้รัฐบาลต้องหลีกเลี่ยง “นโยบายขายของ เน้นหาเสียงเลือกตั้ง” มากกว่าเน้นหาทางออกให้กับประเทศ เป็นนโยบายที่พุ่งเป้าสร้างความคะแนนนิยมกับรัฐบาล แต่สร้างภาระข้อจำกัดให้กับรัฐบาลชุดถัดไป

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ประชาชนยังตั้งคำถามว่าเน้นหาเสียงหรือหาทางออกมากกว่ากันคือ ข้อเสนอเร่งเดินหน้าทำประชามติ MOU ไทย-กัมพูชาให้เสร็จภายใต้รัฐบาลชุดนี้ เชื่อว่าพวกเราทุกคนในสภาฯ เห็นตรงกันว่าประเทศไทยต้องไม่ถูกบีบให้ไปยอมรับแผนที่ทำให้เราเสียเปรียบในวงเจรจาอย่างไม่เป็นธรรม เราเห็นตรงกันว่า MOU ต้องไม่ใช่กระดาษไม่กี่แผ่นที่ทำอะไรไม่ได้เลย แม้กัมพูชาจะละเมิดข้อตกลงกี่ร้อยครั้งก็ตาม แต่หากรัฐบาลอยากให้เชื่อว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่คิดมาอย่างรอบคอบ ไม่ใช่เป็นเพียงเทคนิคในการหาเสียงกับประชาชนบางกลุ่ม ท่านต้องตอบชัด ๆ ว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ MOU 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ที่มีนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน จะศึกษาเรื่องที่ซับซ้อนอยู่ภายใน 4 เดือนจริงใช่หรือไม่ 

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาต่อมานโยบายขายฝัน  การแก้กฎหมายระดับ พ.ร.บ.ในคำแถลงนโยบายมีข้อเสนอแก้กฎหมายระดับ พ.ร.บ.อยู่ 8 ฉบับ ซึ่งตนมองไม่ออกว่าจะผลักดันกฎหมายนี้ภายใน 4 เดือนได้อย่างไร ยกตัวอย่าง ร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ร.บ.การพนัน ขอเสนอว่าแทนที่จะใช้เวลา 4 เดือนในสภาฯ ไปกับการผลักดันกฎหมายที่แม้จะเป็นประโยชน์ แต่รู้อยู่แก่ใจว่าเสร็จไม่ทันหรือถ้าทันก็จะได้ทางออกแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ขอให้คืนเวลามาให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ให้เราคุยกันเองว่าจะหยิบกฎหมายที่เสนอเข้ามาแล้วผลักดันให้แล้วเสร็จ  สภาฯ จะไม่มีร่างกฎหมายของ ครม.เสียงข้างน้อย แต่จะมีแต่ร่างของ สส.และภาคประชาชน พรรคไหนที่เห็นว่ากฎหมายเป็นประโยชน์ก็เข้ามาโหวตสนับสนุน ไม่ต้องมีพรรคไหนมาลำบากใจต้องเป็นองค์ประชุมให้กับใคร

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ส่วน“ หลีกเลี่ยงนโยบายการขายสมบัติของชาติ” นายกฯ พูดอยู่หลายครั้งว่ารักชาติ ต้องการปกป้องชาติโดยเฉพาะเรื่องเขตแดนและอธิปไตย เป้าหมายถูกต้องเชื่อว่าทุกคนเห็นตรงกัน แต่สิ่งที่เพื่อนสมาชิกมีความกังวลใจคือ รัฐบาลชุดนี้พร้อมจะปกป้องสมบัติของชาติในมิติอื่น ๆ เท่ากับที่พร้อมจะปกป้องเรื่องเขตแดนและอธิปไตยของเราหรือไม่ ยกตัวอย่างสมบัติของชาติประเภทแรกคือ ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ถ้ารัฐบาลของนายกฯ รักชาติจริงต้องไม่ปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลกลุ่มใดเอาที่ดินของรัฐไปเป็นของตนเอง ยกตัวอย่างกรณีเขากระโดง ซึ่งเราจะจับตาดูว่าอธิบดีกรมที่ดินในกำกับดูแลของนายกฯ จะทำอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่  หากรักชาติจริงต้องสนับสนุนให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเดินหน้าฟ้องศาลยุติธรรม เพื่อเพิกถอนแปลงต่าง ๆ โดยเริ่มจากแปลง 3466 และ 8564 เป็น 2 แปลงที่ ป.ป.ช.ชี้ชัดแล้วว่าออกโฉนดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็น 2 แปลงของตระกูลใหญ่บุรีรัมย์ ต้องรอดูว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร หากไม่สามารถทำให้ที่ดินกลับมาเป็นของรัฐได้ ทุกคนจะสงสัยว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า สมบัติของชาติประเภทที่ 2 คือสถาบันการเมือง หากคนที่นั่งอยู่ในสภาฯ เข้าสู่อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่ต่างจากการที่เราไปขโมยอำนาจมาจากประชาชนและประเทศชาติ ดังนั้นหากรัฐบาลรักชาติจริง ต้องการรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ต้องไม่ปล่อยให้ใครก็ตามที่ถูกพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับการโกง สว.มีที่ยืนในรัฐสภา ในฐานะนายกฯ ท่านต้องพูดให้ชัดและทำเต็มที่ เพื่อไม่ให้กระบวนการสอบสวนมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง  ท่านควรจะลุกขึ้นมาทำความเข้าใจกับ สว.ให้หยุดการใช้อำนาจแต่งตั้งกรรมการองค์กรอิสระและ กกต. ทั้งที่คดีก็อยู่ที่ กกต.

นายพริษฐ์ ยังกล่าวต่อว่า ท่านควรจะพูดกับรมว.ยุติธรรมที่บอกว่าคัดมากับมือ ในฐานะที่รัฐมนตรีเคยเป็นราชการตำรวจภายใต้การบังคับบัญชาของ สว.ท่านหนึ่งที่ถูกข้อกล่าวหาด้วย ขอให้พูดให้ชัดว่ารัฐมนตรีจะไม่แทรกแซงฟอกขาวให้กับอดีตหัวหน้าตนเอง 4 เดือนข้างหน้าเป็นภารกิจสำคัญที่ฝ่ายค้านจะทำทุกวิถีทาง ไม่ปล่อยให้รัฐบาลที่อายุสั้นนี้สร้างความเสียหาย อีกภารกิจหนึ่งที่ต้องทำคือ การติดตามการรักษาสัญญาเงื่อนไข MOA และการปลดล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้นายกฯ แพ้เสียงในหัวตนเอง เราต้องย้ำว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ถูกบังคับใช้คนไทยเผชิญกับ สภาวะประชาธิปไตยถดถอย นโยบายล้าหลัง ทุจริตเรื้อรัง

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมีฉบับใหม่ภายใน 4 เดือน เรายอมรับไม่ได้กับข้อความ 3 บรรทัดในคำแถลงนโยบายที่กว้างและเบาหวิว ไม่ได้สัดส่วนกับข้อเท็จจริงทางการเมือง ความอยู่รอดของรัฐบาลชุดนี้แปรผันโดยตรงกับความสำเร็จในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการจัดทำฉบับใหม่ หากนายกฯ ต้องการเดินหน้าตามเงื่อนไข MOA อยากให้มายืนยัน 2 เรื่องในที่ประชุม ท่านควรยืนยันว่าเป้าหมาย 4 เดือนข้างหน้าคือ การเดินหน้าสู่การทำประชามติรัฐธรรมนูญรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้งเป็นรอบแรก ที่รวมการทำประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 มาทำพร้อมกัน และแบ่งออกเป็นสองคำถาม คำถามที่ 1  คือเห็นด้วยกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ คำถามที่ 2 คือเห็นด้วยหรือไม่กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1  ท่านพูดเองว่าไม่มีพรรค มีแต่พรรครัฐบาล จึงขอให้ท่านชี้ให้ชัดว่าพรรครัฐบาลจะทำเต็มที่ตามโรดแม็พ กำหนดวันทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งภายในสิ้นเดือนม.ค.69

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ถ้าท่านอยากให้การแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จตาม MOA ก็ควรที่จะยืนยันว่ารัฐบาลจะสนับสนุนโมเดล ส.ส.ร.และกลไกในการจัดทำฉบับใหม่ที่มีประชาชนอยู่ในสมการ หวังว่าท่านจะเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสะท้อนให้เห็นชัดถึงปัญหาของการมีรัฐธรรมนูญและสถาบันทางการเมืองที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ ท่านต้องไม่ใช้โอกาสเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมากดดันให้รัฐสภาเห็นชอบในโมเดลส.ส.ร.ที่ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชนจากสมการ และเพิ่มช่องทางทำให้เกิดการฮั้วและกินรวบของฝ่ายหนึ่งได้

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ไม่เพียงเป็นการยืนยันว่าท่านจะรักษาสัญญาตาม MOA แต่จะเป็นโอกาสอันดีที่ท่านจะได้สื่อสารกับ สว.โดยตรงที่ถือกุญแจในการปลดล็อกแก้รัฐธรรมนูญ เข้าใจดีว่าการโน้มน้าวให้ สว.เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ตนเองพร้อมทำเต็มที่ แต่บุคคลที่ทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุดหนีไม่พ้นบุคคลที่ชื่อว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” ไม่ใช่เพียงเพราะท่านเป็นนายกฯ ที่ต้องทำเต็มที่ให้รัฐบาลประสบความสำเร็จ แต่เพราะที่ผ่านมาท่านกับ สว.ใจตรงกันหลายเรื่องลงเรือลำเดียวกันหลายเหตุการณ์

“ฉะนั้นนายกฯ จะปฏิเสธความสัมพันธ์และความสามารถพิเศษนี้ได้ เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ประชาชนรู้ดีว่าความร่วมมือของ สว.จะเป็นตัวชี้วัดความจริงจังและความจริงใจของท่านในวาระเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ความหวังของประชาชนจำนวนมากต่อการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่ออนาคตประเทศไทยอยู่ในมือนายกฯ ยอมรับว่าหลายคนไม่เชื่อว่าจะแปรสภาพความหวังให้เป็นจริงได้ แต่เริ่มต้นได้วันนี้ ลุกขึ้นมาชี้แจงและโน้มน้าวว่า ไม่ได้มองรัฐธรรมนูญเป็นภาระที่ต้องทำให้เสร็จ แต่เป็นวาระสำคัญในการซ่อมประเทศสร้างอนาคตที่ดีให้กับคนไทย”นายพริษฐ์ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top