ไขก๊อกรมช.คลัง-หลังมีชื่อโยง‘สแกมเมอร์’ ‘วรภัค’ลาออก! ยืนกรานไม่เคยเกี่ยวข้อง เดินหน้าลุยฟ้องคนใส่ร้าย

ไขก๊อกรมช.คลัง-หลังมีชื่อโยง‘สแกมเมอร์’ ‘วรภัค’ลาออก! ยืนกรานไม่เคยเกี่ยวข้อง เดินหน้าลุยฟ้องคนใส่ร้าย

วันพฤหัสบดี ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ไขก๊อกรมช.คลัง-หลังมีชื่อโยง‘สแกมเมอร์’
‘วรภัค’ลาออก!
ยืนกรานไม่เคยเกี่ยวข้อง
เดินหน้าลุยฟ้องคนใส่ร้าย
‘อนุทิน’ยันไม่ตั้งใครแทน
ยธ.เร่งDSIเชือดสแกมเมอร์

เป็นรัฐมนตรีได้ 33 วัน “วรภัค ธันยาวงษ์” ประกาศลาออกจาก รมช.คลัง แล้วเพื่อไม่ให้กระทบรัฐบาล ยืนยันไม่เกี่ยวข้อง แก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ พร้อมดำเนินคดีกับพวกที่ เจาะยาง จากความพยายามของ “ขบวนการถ่วงความเจริญ ของประเทศชาติ” ด้าน“นายกฯอนุทิน” ยันไม่ได้กดดัน “วรภัค” ไขก๊อก ขอบคุณแสดงสปิริต บอกไม่ตั้งใคร แทนเพราะเวลาจำกัด ฝ่ายรมว.ยุติธรรม สั่ง‘ดีเอสไอ’ใช้ดาบพิเศษลุยสืบคดี‘สแกมเมอร์’ครอบคลุมนักการเมืองไทยที่เสี่ยงพัวพัน-บริษัทเชื่อมโยงเศรษฐีจีนกัมพูชา ร่วม‘ปปง.-ธปท.’ยึดทรัพย์ฟอกเงิน

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม เวลา 14.00 น.นายวรภัค ธันยาวงษ์ แถลงข่าวลาออกจากรมช.คลังหลังโดนบิดเบือนข้อเท็จจริง ใส่ร้ายป้ายสี ว่าเข้าไปพัวพัน กับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมาย ประเทศกัมพูชา


โดยนายวรภัคชี้แจงว่า 1. ผม มีประสบการณ์ในแวดวงการเงินและธนาคารมากกว่า 30 ปี

เป็นหนึ่งในคนไทยที่ได้รับโอกาสและความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันการเงินชั้นนำ

ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ Bank of America (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ J.P. Morgan Chase (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (จนถึงปี 2559)

ต่อมาภายหลังจากเกษียณจากงานประจำตอนอายุ 52 ปี ได้อุทิศตนทำงานด้านองค์ความรู้ เขียนบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเงินการธนาคาร มาอย่างต่อเนื่องหลายปี และได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ในปี พ.ศ. 2567 ได้รับเกียรติแต่งตั้งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาของท่านรองนายกฯรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิชัย ชุณหวชิร)

และต่อมาในปี พ.ศ. 2568 กระผมได้รับเกียรติ ให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อทำงานรับใช้ประเทศชาติ โดยที่กระผมไม่เคยมีความทะเยอทะยานทางการเมืองแต่อย่างใด มีเพียงความมุ่งมั่นในการใช้ความรู้ความสามารถ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติโดยรวมเป็นสำคัญเท่าที่จะทำได้

แจงข้อเท็จจริงพาดพิงเขมร

2. ข้อเท็จจริงกรณีการพาดพิงผมกับ “Cambodian scammers” การฟอกเงินและธุรกิจ

ผิดกฎหมาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเผยแพร่ ข่าวใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนข้อเท็จจริง ที่พยายาม

เชื่อมโยงชื่อของกระผมกับเครือข่ายที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการ Cambodian scammers ในการนี้กระผมขอชี้แจง ข้อเท็จจริง ดังนี้

2.1) ข้อกล่าวหาเรื่องความเกี่ยวข้องกับขบวนการ หลอกลวงต้มตุ๋นหรือที่เรียกว่า scammers

ในประเทศกัมพูชานั้น กระผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นหรือธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในประเทศกัมพูชาหรือประเทศอื่นใดทั้งสิ้น สำหรับกรณีที่มีความพยายามเชื่อมโยง BIC Group และ BIC Bank Cambodia ให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น กระผมไม่อาจทราบได้และ คงต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ทั้งนี้ กระผมไม่สนับสนุนธุรกรรมผิดกฎหมาย และจะไม่ปกป้องผู้ที่ทำผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ..

ไม่เคยรับผลตอบแทนใดๆ

ส่วนคำชี้แจงข้อเท็จจริงจากข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงใส่ร้ายป้ายสีนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าพัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมาย ประเทศกัมพูชา โดยส่วนตัวที่เคยพบกับผู้บริหารของ BIC Bank ที่เป็นประธานกรรมการของธนาคารนี้ ชื่อ Mr. Leak Yim แต่กระผมไม่เคย เป็นกรรมการ กรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาใด ๆ ของ BIC Bank Cambodia และไม่เคยรับเงินหรือผลตอบแทนใดๆ ซึ่งการที่มีการนำรูปของกระผมและชื่อไปลงเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มธนาคารนั้น กระผมไม่เคยรับทราบมาก่อน

ส่วน Mr. Benjamin Mauerberger นั้น กระผมได้รู้จักกับ Mr. Benjamin เนื่องจากลูกของกระผม

เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันในประเทศไทย แต่กระผมก็ไม่เคยทราบลึก ๆ ว่า Mr. Benjamin ประกอบธุรกิจอะไรอย่างไร หรือมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างไรกับ Mr. Leak Yim เพราะกระผมกับ Mr. Benjamin เป็นผู้ปกครองนักเรียนวัย เดียวกัน ชั้นเดียวกัน โรงเรียนเดียวกันเท่านั้น

ยันทำธุรกรรมถูกกฎหมาย

2.2) ข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นตัวแทน (Nominee) เชื่อมโยงกับบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส

(Finansia Syrus : FSS) ผ่าน Pilgrim Finansa ในปี พ.ศ. 2564 กระผมได้เข้าซื้อหุ้น 29% ของ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ทุกประการ ซึ่งเป็นการซื้อกิจการในลักษณะที่เรียกว่า management buy out อีกนัย หนึ่งก็คือผู้บริหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทนั้น ๆ (คือกระผมและคุณช่วงชัย) เห็นโอกาสในการซื้อหุ้นราคาเหมาะสมเพื่อมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทเติบโตและมีกำไรสูงขึ้นเพื่อราคาหุ้นที่ดีขึ้น ในอนาคตและมีผู้สนับสนุนทางการเงิน อาทิธนาคารหรือกองทุนที่มองเห็นว่าหุ้นที่ซื้อมาราคาไม่แพงและ มีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตคุ้มกับความเสี่ยงในการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งธุรกรรมการกู้เงินมาซื้อหุ้นที่อยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์นี้เป็นเรื่องปกติถ้าธนาคารหรือผู้กู้เข้าใจมูลค่าหุ้นที่นำมาเป็นหลักประกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้น 29% ที่กระผมและคุณช่วงชัยซื้อมา ถือว่าเป็น controlling stake ของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ที่มีส่วนแบ่ง ทางการตลาด (Market share)ขณะนั้นเป็นอันดับสองของประเทศไทย

รวมทั้ง บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่าที่เป็นวานิชธนกิจ อันดับต้นต้นของประเทศไทยมาอย่างยาวนานกระผมและคุณช่วงชัย (CEO) ซื้อหุ้นผ่านบริษัท Pilgrim Finansa (ถือหุ้นร่วมกันในสัดส่วน 60 : 40) และทำ Mandatory Tender Offer ตามกฎหมาย ในการซื้อหุ้นในครั้งนั้น กระผมได้รับวงเงินสนับสนุน สองส่วน คือส่วนที่ซื้อหุ้นและส่วนที่ ต้องเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้น (tender offer) ซึ่งส่วนแรกเป็นเงินกู้จากกองทุนในสิงคโปร์ชื่อ Capital Asia Investment (CAI เป็นบริษัทจัดการกองทุน ภายใต้การกำกับดูแลของ MAS ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล Singapore) และส่วนที่สอง จาก BIC Bank Lao (ซึ่งเป็นธนาคารที่ถือหุ้น 70% โดยกลุ่มธุรกิจชาวลาว ชื่อ “Asia Investment and Financial Services Sole Co., Ltd.” และอีก 30% โดยบริษัทการไฟฟ้าลาว) เพื่อเตรียมการ เสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ทั้งนี้ วงเงินจาก BIC Laos เป็น standby facility เพื่อทำ tender แต่เนื่องจาก ไม่มีผู้มาขายใน tender จึงไม่มีการใช้วงเงินนี้

BIC Bank Lao และ BIC Bank Cambodia มีความเกี่ยวพันมาอย่างไรจากในอดีต

ถึงใช้ชื่อคล้ายกันนั้นกระผมไม่ทราบ กระผมทราบแต่เพียงว่าในปัจจุบันนั้น ความเป็นเจ้าของและการบริหาร จัดการนั้นแยกกันเด็ดขาด BIC Bank Lao ดำเนินกิจการมานานแล้วเป็นธุรกิจธนาคารที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจชาวลาวและบริษัทการไฟฟ้าลาว และเท่าที่หาข้อมูลได้ BIC Bank Cambodia ที่อยู่ในประเทศกัมพูชานั้น ถือหุ้นใหญ่โดย บริษัท Apsara Holdings 99% และ Mr. Yim Leak 1% .

ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นนอมินีใดๆ

หลังจากกระผมและคุณช่วงชัยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย

ในปีพ.ศ. 2564 กระผมและคุณช่วงชัยได้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัทโดยจ้าง McKinsey & Co. เป็นที่ปรึกษา เพื่อทำ Digital Transformation พัฒนาให้เป็นองค์กรดิจิตัล แต่การปรับปรุงองค์กรไม่เร็วอย่างที่กระผมคาด จนเมื่อปลายปีพ.ศ. 2567 กระผมได้ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดให้กับคุณช่วงชัย หุ้นส่วนเดิมของกระผม และลาออก จากตำแหน่งกรรมการทุกตำแหน่งในบริษัท หลังจากนั้นกระผมไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆในการถือหุ้นหรือในการบริหาร บริษัท Finansia อีก ส่วนคุณช่วงชัยขายหุ้นให้ใครหรือมีการเพิ่มทุนอีกหรือไม่ผมเองก็ไม่ได้ติดตามข่าว ซึ่งการที่บุคคลใดจะนำชื่อของผมในอดีตไปเชื่อมโยงกับบุคคลหรือเครือข่ายใดในภายหลัง

ดังนั้น การคาดเดา กล่าวอ้างหรือกล่าวเท็จเรื่องในความคิดตัวเองว่ากระผมเป็น Nominee หรือเป็นฟันเฟืองสำคัญของกระบวนการ scammer ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและบิดเบือนข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ ขบวนการใส่ร้ายป้ายสีกระผมล่าสุด ยังได้เหิมเกริม ใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จ กับภรรยาของกระผม ว่าได้รับผลประโยชน์เป็นเงินคริปโตจำนวนหลายล้านเหรียญ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

กระผมขอยืนยันว่าภรรยาของกระผมไม่เคยมีบัญชีคริปโตใดๆ ทั้งสิ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน และไม่เคย

ได้รับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้เลย

ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา

3. จุดยืนส่วนตัวและทางการเมืองกระผมปฏิเสธข้อกล่าวหา ใส่ร้าย ป้ายสี ทั้งหมดอย่างชัดเจนว่า ไม่เคย มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมี ผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มบุคคลหรือขบวนการที่เกี่ยวข้องกับ Cambodian scammers หรือกระบวนการต้มตุ๋น หลอกลวง ธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น

กระผม มีประวัติการทำงานและจรรยาบรรณที่ โปร่งใส ตรวจสอบได้ มาตลอด 30 ปีในแวดวง

การเงินระดับสากล ทั้งในองค์กรต่างชาติและองค์กรของรัฐขนาดใหญ่ของไทย และปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ข้าราชการกระทรวงการคลังที่มีโอกาสทำงานใกล้ชิด กับผมมากกว่าหนึ่งปีก่อนหน้านี้ รวมทั้งในปัจจุบัน จะสามารถยืนยันได้ว่าผมทำงานอย่างไร

ดำเนินคดีกับคนบิดเบียน

4. การดำเนินการต่อ 4.1 กระผมขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ที่ทำให้ผมเสียชื่อเสียง 4.2 กระผมเชื่อมั่นในหลักนิติธรรมและจะยืนหยัดในความจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงส่วนบุคคลและ เกียรติของตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับมอบหมาย 5. คำยืนยัน

“กระผมไม่เคยและจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญากรรม

ข้ามชาติใด ๆ ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีของผมอยู่บนหลักความสุจริต โปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคม”

ก่อนการแถลงข่าว นายวรภัคได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Vorapak Tanyawong” ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นความพยายามของ “ขบวนการถ่วงความเจริญของประเทศชาติ” ที่ต้องการดิสเครดิตรัฐบาล โดยยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะข้อกล่าวหาล่าสุดที่พาดพิงถึงภรรยาว่ารับสินบนเป็นสกุลเงินดิจิทัล (คริปโท)

เป็นรัฐมนตรีได้ 33 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับนายประวัติวรภัค ธันยาวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2507 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาวิทยาการจัดการและระบบคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา สเตต รัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาโท สาขาการเงิน จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยมิสซูรี เมืองแคนซัสซิตี รัฐมิสซูรี เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงไทย ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2555–2559 เป็นรมช.คลังในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูลได้แค่ 33 วันก่อนพ้นตำแหน่ง

รมว.ยุติธรรมสั่งดีเอสไอลุย

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเชือดกลุ่มสแกมเมอร์ว่า ให้นโยบายอธิบดีดีเอสไอไป ใช้อำนาจตามพ.ร.บ.คดีพิเศษ ตรวจสอบทางการข่าว ตั้งในรูป คกก.สืบสวนเบื้องต้น บูรณาการทุกส่วน ปปง. , ธปท. เพื่อพิสูจน์ทราบ หากพบเป็นความผิดก็มีอำนาจตามกฎหมายที่จะรับเป็นคดีพิเศษ ต่อไปนี้ทุกเคสทุกกรณีที่สื่อเปิดทั้งหมด ถ้าเรารับทราบ มี คกก.ตรวจสอบข่าว ตั้ง คกก.สืบสวน ทุกประเด็นในคดีที่สำคัญ

ส่วนการตรวจสอบประเด็นนักการเมืองไทยที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์กัมพูชา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ถูกต้อง ตอนนี้ดำเนินการในส่วนของนักการเมืองอะไรต่างๆ ตนเชื่อว่าถ้ามีพยานหลักฐานต่างๆนายกฯดำเนินการแน่นอน ตอนนี้ ยังไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่ปรากฏ ฝากสื่อหากมีพยานหลักฐานต่างๆขอให้มอบได้เลยยินดีที่จะปฏิบัติเพราะเป็นภัยคุกคามกับพี่น้องประชาชน ตอนนี้ยังไม่มีรายชื่อนักการเมืองในมือดีเอสไอ

ขยายผลยึดทรัพย์”เฉิน จื้อ”

ส่วนการขยายผลการฟอกเงินยึดทรัพย์ เฉิน จื้อ สแกมเมอร์กัมพูชาที่มีทรัพย์สินในไทย ปปง.ดำเนินการอย่างไรนั้น รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเคสแรกที่ได้ให้นโยบายไปผ่านอธิบดีดีเอสไอช้ำนาจกการสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนประสานกับหน่วยงานทั้งในและนอกประเทศอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน แต่เรื่องต่างๆละเอียดอ่อนและเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ดีเอสไอยังไม่มีข้อมูลพิสูจน์ทราบที่ชัดเจน จะต้องถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ยืนยันว่ารูปแบบการดำเนินการต่อไปนี้จะเป็นลักษณะนี้ทั้งหมดจะเข้าคณะกรรมการสืบสวนทั้งหมด หากพบการกระทำผิดจะรับเป็นคดีพิเศษทั้งหมด

ส่วนกรณี สส.พรรคประชาชน เปิดประเด็นนักการเมืองไทย รมว.ยธ.กล่าวว่า เรื่องนี้จะดำเนินการ ขอข้อมูลจากสส.ที่ให้ข่าวส่วนนี้ ไม่ตัดประเด็นถ้าให้ข่าวมามีนักการเมืองใดเกี่ยวข้องก็ไปขอข้อมูลเป็นเอกสาร เพื่อมาตอบสื่อว่าท่านที่พูดมีข้อมูลมากน้อยเพียงใดที่จะทำการสืบสวนต่อมากน้อยเพียงใดหรือไม่

เมื่อถามว่า ปปง.มีอำนาจสืบสวนตรวจเส้นทางการเงินได้เลย โดยไม่ต้องรอให้ใครนำหลักฐานมาให้ดำเนินการได้เลยหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีการดำเนินการของปปง.การใช้อำนาจปปง.ต้องมีประเด็นความผิดมูลฐานพอสมควร เราถึงไปตรวจสอบเส้นทางการเงินขยายผล ไปสู่การยึดอายัดต่างๆ กรณีเฉินจื้อ ปปง.เองก็สอบถามข้อมูล มาบูรณาการร่วมกันทุกมิติ สอบถามข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ ทำงานเป็นทีม

ส่วนกรณีมีการตรวจสอบบริษัทที่ถูกโยงแก๊งสแกมเมอร์ มีความคืบหน้าอย่างไร รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนนี้ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ดีเอสไอจะตั้งกรรมการพิสูจน์ทราบ เรื่องการจดทะเบียนต่างๆที่หน่วยงานที่จะไปขอข้อมูลได้หลายหน่วยงาน ต้องขอเวลา รายละเอียด ยังขออนุญาตต้องผลก่อน ส่วนจะดำเนินการยึดทรัพย์ได้เลยหรือไม่ ขออนุญาตรอผลก่อน

‘หนู’ยันไม่ได้กดดันให้‘วรภัค’ออก

เย็นวันเดียวกัน .ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลังประกาศลาออกจากตำแหน่งรมช.คลัง ได้มาแจ้งก่อนหรือไม่ ว่า ยังไม่ได้คุยกัน ตนได้รับจดหมายชี้แจงจากนายวรภัคมา 3 แผ่น พร้อมกับชูเอกสารดังกล่าวให้สื่อมวลชนเห็น ก่อนกล่าวว่า เดี๋ยวจะอ่านในรถ เนื่องจากวันที่ 21 ต.ค. ได้แจ้งให้นายวรภัค ทำรายงานเข้ามาแต่เมื่อสักครู่ทราบนายวรภัค ได้แถลงข่าวและแจ้งว่าจะลาออก ก็เสียดาย เดี๋ยวก็คงจะโทรหา แต่ต้องขอบคุณนายวรภัค ที่แสดงสปิริต และที่คุยกันวันที่ 21 ต.ค. นายวรภัค ก็ไม่ได้มีการปรารภอะไร

เมื่อถามว่ายืนยันไม่ได้กดดันให้ นายวรภัคลาออกใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าไม่มีใครกดดัน นายวรภัค คงคิดถึงภาพรวม ตนรู้จักท่านมาหลายปีเป็นเพื่อนกันพอเห็นสไตล์การทำงาน

เมื่อถามว่าจะกระทบภาพลักษณ์รัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า น่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีรัฐมนตรีมีสปิริตคิดถึงองค์รวม เพราะตอนนี้จะถือว่าท่านมีความผิดก็ไม่ได้พอมีการกล่าวหาเช่นนี้มาท่านก็แสดงสปิริต

ยังไม่ตั้งใครเข้ามาแทน

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเพิ่มเติมมาแทนที่ นายวรภัค หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ตั้งใคร เวลาเรามีจำกัด 31 ม.ค. 69 ยุบสภาฯเชื่อว่านายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง สามารถบริหารงานได้ เราก็ช่วยกันบริหาร เมื่อถามว่ากรณีของนายวรภัคจะเป็นบรรทัดฐานให้รัฐมนตรีคนอื่นที่มีข้อครหาแบบนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเรื่อง

เมื่อถามอีกว่ากังวลหรือไม่ว่าจะมีรัฐมนตรีคนอื่นถูกเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์อีกหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ไม่กังวล อย่างที่บอกตอนแต่งตั้งรัฐมนตรีเราตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างแล้วถ้าใครมีประวัติที่ถูกดำเนินคดีเราก็ไม่ตั้ง เมื่อถามว่ากังวลจะมีการร้องเรียนตามหลังหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ได้กังวลอะไร เมื่อถามย้ำว่าก่อนแต่งตั้งนายวรภัค เป็นรัฐมนตรี ได้มีเสียงทักท้วงหรือไม่ และกังวลจะมีการร้องย้อนหลังหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ไม่มีใครทักท้วง และไม่กังวลอะไร

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายวรภัคได้ส่งข้อความและเหตุผลในการลาออกไปยังกลุ่มไลน์ของคณะรัฐมนตรีที่มีนายอนุทินอยู่ในกลุ่ม ถึงเหตุผลในการตัดสินใจด้วย โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

“ธรรมนัส”ลั่นลุยปราบค้ามนุษย์

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 3/2568 ถึงแนวทางการช่วยเหลือผู้ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นสแกมเมอร์จะมีการหารือด้วยหรือไม่ ว่า ในวันนี้จะขอฟังในที่ประชุมก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีแนวทางการปราบปรามค้ามนุษย์ให้เป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ประชาชนรู้อยู่แล้วว่าเวลาตนทำงานตนทำอย่างเอาจริงเอาจังในกรอบระยะเวลาสั้นๆ จะทำให้การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นรูปธรรม

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top