‘จุลพันธ์’มาแรง พท.หนุนนั่งหน.แซง‘จาตุรนต์’

‘จุลพันธ์’มาแรง พท.หนุนนั่งหน.แซง‘จาตุรนต์’

วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายกฯบินเกาหลีประชุมเอเปก พบผู้นำมหาอำนาจโลก หวังสร้างโอกาสการค้า สนับสนุนซึ่งกันและกัน เตรียมพบ “สี จิ้นผิง” ขายข้าวให้จีน 5 แสนตัน หาเงินเข้าประเทศ ด้าน“จุลพันธ์”ปาดหน้า“จาตุรนต์”จ่อนั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ หลังส.ส.เชียร์รอบรู้ศก.ขึ้นเวทีดีเบตได้ ขณะที่‘สรวงศ์’ยังนั่งเลขาฯพรรค

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวก่อนเดินทางเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 32เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ถึงความคาดหวังที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการประชุมครั้งนี้ว่า เราจะได้เจอผู้นำหลายประเทศอาทิ จีน แคนาดา เกาหลี บรูไน รวมถึงญี่ปุ่นด้วย คาดว่าจะได้เจอนายโดนัลด์ เจ.ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งลำดับที่นั่งตัวอักษรในการนั่ง T (Thailand) และ U หรือ (United States)น่าจะนั่งติดกัน ล้วนและเป็นโอกาสที่จะได้หารือโดยเฉพาะการค้าขาย และแสวงหาความร่วมมือสนับสนุนซึ่งกันและกัน รวมถึงจะเจอกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนและมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้เยอะ เช่นที่จะต้องเสนอให้เขาเร่งพิจารณาซื้อข้าวจากประเทศไทย 5แสนตัน เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ


เวลา16.00น.ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทินและคณะเดินทางถึงเกาหลีใต้แล้ว จากนั้นนายกฯและคณะจะเดินทางต่อไปยังเมืองคยองจู ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 โดยวันเดียวกันนี้ เวลา 18.30น.นายกฯจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ของสหรัฐฯและผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเป็นกรณีพิเศษ (Special Dinner for APEC Economic Leaders) โดยมีนายอี แช มย็อง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงฯ ในการนี้ นายกฯมีโอกาสหารืออย่างไม่เป็นทางการกับผู้นำสำคัญจากหลากหลายเขตเศรษฐกิจ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของภูมิภาค และความร่วมมือในมิติต่าง ๆ อาทิ การค้า การลงทุน นวัตกรรม ละการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลังงานเลี้ยงอาหารค่ำนายกฯมีกำหนดรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่32และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมที่พัก เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวในวันที่ 30ตุลาคม2568

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะคณะทำงานสรุปประเด็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวถึงการนัดประชุมนัดแรกวานนี้ (28 ต.ค.) มีวาระพิจารณารูปแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญว่ากรณีของที่มาของ สสร.มี 2แนวทาง คือ 1.ยึดตามรูปแบบที่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับที่พรรคประชาชน (ปชน.) เสนอและรัฐสภาลงมติให้เป็นร่างหลักในการพิจารณา ที่ให้มีสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 100คน มาจากการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และ 2.ให้มี สสร.100คน ซึ่งเป็นหลักการของร่างแก้ไขเพิ่มเติมฉบับของพรรรคภูมิใจไทย (ภท.)

โดยขั้นตอนคือการเปิดรับสมัครผู้ที่มีคุณสมบัติแต่ละจังหวัด โดยไม่จำกัดจำนวน จากนั้นส่งให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก ซึ่งในขั้นตอนของรัฐสภาได้คำนึงถึงหลักการของการป้องกันการใช้เสียงข้างมากลากไป โดยสมาชิกรัฐสภาต้องรวมกลุ่มๆละ7คน เพื่อเลือก สสร.1คน มีเงื่อนไขให้คำนึงถึงการมี สสร.ที่เป็นตัวแทนแต่ละจังหวัดด้วย ข้อเสนอที่คณะทำงานพิจารณาเตรียมเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้ กมธ.พิจารณาในการประชุมวันพรุ่งนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะพิจารณาว่าจะใช้แนวทางใดหรือไม่ รวมไปถึงให้พิจารณาเรื่องเกี่ยวเนื่องว่าจะขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดหรือไม่ เพราะในข้อเสนอของคณะทำงาน ต้องระบุแนวทางที่มาจากร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขฉบับที่ยึดเป็นหลักด้วย

นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มติของคณะทำงานมีแนวทางข้อเสนอ คือ 1.ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก 35คน โดยเลือกจาก ส.ส.ร.หรือให้รัฐสภาเลือกบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติและความเชี่ยวชาญ 35 คน หรือให้รัฐสภาเลือกจาก ส.ส.ร.20คนและบุคคลภายนอก 20 คน และ 2.ไม่ใช้รัฐสภาเลือก แต่ให้สิทธิ ส.ส.ร. เป็นผู้ดำเนินการเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ข้อเสนอที่คณะทำงานพิจารณาเตรียมเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้ กมธ.พิจารณาในการประชุมวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะพิจารณาว่าจะใช้แนวทางใดหรือไม่ รวมไปถึงให้พิจารณาเรื่องเกี่ยวเนื่องว่าจะขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดหรือไม่ เพราะในข้อเสนอของคณะทำงาน ต้องระบุแนวทางที่มาจากร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขฉบับที่ยึดเป็นหลักด้วย ที่ประชุมยังพิจารณาปรับไทม์ไลน์การทำงานด้วย หลังจากที่ พ.ร.บ.ประชามติฉบับที่2มีผลบังคับใช้ ทำให้มีเวลาทำงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยจะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาวาระ 2 ในช่วงวันที่ 20-21พฤศจิกายนและโหวตวาระ3 ในวันที่ 10ธันวาคม ซึ่งทั้ง 2การประชุมนั้น จะเสนอให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เมื่อถามว่า การประชุมของ กมธ.ชุดใหญ่ จะสามารถเคาะแนวทางที่เสนอได้ในการประชุมสัปดาห์นี้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนเชื่อว่าจะมีข้อยุติภายในสัปดาห์นี้ เพื่อจะได้พิจารณารายละเอียดในมาตราต่างๆ ได้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า ในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่สมาชิกพรรคบางส่วนสนับสนุนให้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าพรรค ล่าสุด สมาชิกอีกส่วนมีความเห็นว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่จะนำพรรคเลือกตั้งควรเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของสมาชิกพรรค มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ จึงสนับสนุนให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เพราะนายจุลพันธ์ ถือเป็นคนรุ่นกลางในพรรคเพื่อไทย สามารถเชื่อมคนรุ่นใหญ่และรุ่นเล็กให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เคยผ่านงานเป็น รมช.คลัง สามารถขึ้นเวทีดีเบตสู้กับพรรคอื่นได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ทำให้การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยวันที่ 31ต.ค.มีโอกาสสูงที่ นายจุลพันธ์ จะแซงทางโค้งขึ้นมานำพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งได้ในที่สุด ในส่วนของนายจาตุรนต์ที่มีความโดดเด่นเรื่องประชาธิปไตย ก็อาจจะถูกยกเป็นหนึ่งใน 3รายชื่อของแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในส่วนของตำแหน่งเลขาธิการพรรค คาดว่ายังคงเป็น นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว เนื่องจากยังสามารถทำหน้าที่ประสานงานกับ ส.ส.ในพรรคได้เป็นอย่างดี สามารถรับฟัง พร้อมทั้งสะท้อนปัญหาส.ส.ไปถึงแกนนำและกก.บห.เพื่อนำไปสู่การแก้ไขได้อย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top