วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
มติสมช.ระงับปฏิญญาไทย-เขมร
ไฟเขียวกองทัพ
ตัดสินใจตามสถานการณ์
ยกระดับมาตรการตอบโต้
นายกฯลั่นสันติภาพจบแล้ว
นายกฯนั่งหัวโต๊ะถกด่วนสมช. เคาะมติ“ระงับ”ปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชาไม่มีกำหนด จนกว่ากองทัพประเมินแล้วเขมรไม่เป็นปฏิปักษ์อีกต่อไป ด้าน“บิ๊กเล็ก” เผย สมช. ไฟเขียวปฏิบัติการทางทหารยกระดับมาตรการ ทำได้ตามสถานการณ์ ย้ำชัดระงับปฏิญญาฯทุกข้อ-ยุติส่งเชลยศึก กร้าวไม่มีเจรจาอีกแล้ว”สีหศักดิ์“แจงระงับปฏิญญาฯเพราะเขมรไม่ทำตามข้อตกลง จี้แสดงความจริงใจรับผิดชอบ ยันต้องยื่นประท้วงพร้อมประณามต่อสังคมโลก“โฆษกรัฐบาล”เผยข้อสั่งการนายกฯให้ทุกหน่วยงานระงับการดำเนินการตามสนธิสัญญาสันติภาพ ไฟเขียวกห.-กองทัพตัดสินใจตอบโต้ทางทหารเต็มที่รบ.พร้อมสนับสนุน ส่วนโฆษกทบ.โต้เขมรลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ใช่ของเก่า กระทบกระบวนการขับเคลื่อนสันติภาพต้องยุติลงกลางคัน
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 14/2568 หลังเกิดเหตุทหารไทย 4 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด บริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน โดยมีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสมช. และหน่วยความมั่นคงร่วมประชุมใช้เวลาประชุม 3 ชั่วโมง
มติสมช.ระงับปฎิญญาไทย-เขมร
หลังประชุมนายอนุทินเผยถึงมาตรการออกมาตอบโต้กัมพูชาหลังเกิดเหตุทหารเหยียบกับระเบิดว่า ขอไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน จากนั้นจะแถลงทุกอย่างเป็นทางการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยกเลิกปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชาเลยหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ระงับ”
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรอบเวลาที่จะระงับไว้ นายอนุทิน ไม่ตอบ
ระงับปฏิญญา-ยุติส่งเชลย-ลุยการทหาร
จากนั้นเวลา 11.00 น. พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแถลงผลประชุมสมช.ว่า ที่ประชุมมีวาระพิจารณา 3 เรื่องหลัก หลังกำลังพลกองทัพไทยบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ ส่วนเรื่องที่ 2 คือ การมีทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยของไทย ถือว่ามีผลกระทบต่ออธิปไตย ส่วนเรื่องที่ 3 คือ รัฐบาลจะปกป้องอธิปไตย ชีวิตคนไทยและทหารไทยเต็มขีดความสามารถ โดยที่ประชุมมีมติระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาไว้ก่อนทั้งหมดทุกข้อ และยุติส่งเชลยศึกให้เขมร ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทัพไม่ได้คาดหวังความจริงใจจากกัมพูชาอยู่แล้ว แต่ในส่วนที่ทำเราฝ่ายเดียว เราจะดำเนินการในเขตอธิปไตยของไทย ส่วนจะยกระดับมาตรการหรือไม่ตอนนี้ก็ยกระดับแล้ว ในเมื่อเรายุติการปฏิบัติตามปฏิญญาแล้ว เป็นปฏิบัติการทางทหารในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าจะปฏิบัติการอย่างไรบ้าง
เมินเขมรตอบรับลุยกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ที่5
สำหรับความคืบหน้าการเก็บกู้ระเบิดมีแผนอย่างไร เพื่อไม่ให้กำลังพลได้รับผลกระทบ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดมี 2 ระดับคือ ระดับหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ มีขีดความสามารถเก็บกู้ได้เอง ที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ปฏิบัติการเป็นประจำ แต่หน่วยทหารที่ปฏิบัติการในพื้นที่สามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้ แต่การเก็บกู้ที่เป็นทางการได้มาตรฐานเต็มรูปแบบคือ การเก็บกู้โดยหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ซึ่งกองทัพไทยเป็นผู้รับผิดชอบมี 5 พื้นที่ที่หน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะเข้าไปเก็บกู้ ปัจจุบันเข้าปฏิบัติงานแล้ว 4 พื้นที่ เหลือ 1 พื้นที่ที่กัมพูชายังไม่ตอบรับ หลังจากนี้พื้นที่ที่ 5 จะเข้าเก็บกู้เลย
ลั่นจากนี้ไม่มีเจรจาใดๆทั้งสิ้น
ส่วนจะแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างไร เช่น กรณีล่าสุดแอบรื้อรั้วลวดหนาม แล้วเข้ามาวางทุ่นระเบิดฝั่งไทย พลเอกณัฐพลกล่าวว่า ไม่ขอบอกรายละเอียด แต่มีกฎใช้กำลังอยู่ว่าเข้ามาทำอะไร ซึ่งจะมีขั้นตอนการเตือน การยิง จากอาวุธเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจากนี้ปฏิบัติการทางทหาร ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม สมช. ให้ปฏิบัติการได้ตามสถานการณ์ ส่วนจะเจรจากับกัมพูชาอีกหรือไม่ พลเอกณัฐพลกล่าวว่า ไม่มี หลังจากนี้ไม่มีจากตน จากกระทรวงกลาโหม ไม่มี GBC แต่การพูดคุยระหว่างประเทศมีกระบวนการสากลอยู่
กต.ย้ำเขมรละเมิดปฎิญญาลุยประท้วง
ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศแถลงเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเมิดปฏิญญาไทย-กัมพูชา ท่าทีของเราคือการระงับการปฏิบัติตามปฏิญญา แต่ส่วนไหนที่เราดำเนินการฝ่ายเดียวเช่นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดก็จะดำเนินการต่อ โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามกรอบอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งตนได้คุยกับนายปรัก สุคน รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศกัมพูชาแล้ว และบอกไปว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นเพราะเป็นการละเมิดสิ่งที่ตกลงกันไว้ รวมถึงชี้แจงกับสหรัฐและมาเลเซีย ที่เป็นพยานว่าเหตุใดเราต้องระงับการดำเนินการตามปฏิญญา รวมถึงชี้แจงข้อเท็จจริงไปที่ประชาคมโลก โดยประสานกองทัพไทย และกองทัพบก เพื่อนำข้อเท็จจริงไปชี้แจงเพื่อให้เกิดความหนักแน่นและชอบธรรม หากต้องการให้ปฏิญญากลับไปสู่สิ่งที่ควรจะเป็น กัมพูชาต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีมาตรการไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย
ยันประท้วงพร้อมประณามจี้รับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เราประท้วงมาตลอดครั้งนี้ก็ยังประท้วงอีกแล้วจะได้อะไรกลับมา นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เรายังต้องยืนยันประท้วงเพราะเป็นการละเมิดข้อตกลงที่เรามีอยู่ และให้ประชาคมโลกเกิดความเข้าใจเหตุที่เราต้องระงับปฏิญญาทุกข้อที่ลงนามไว้เช่นการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ เว้นแต่เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่เราดำเนินการของเราเองได้ไม่ใช่ประท้วงอย่างเดียว และการประท้วงที่ว่าถือเป็นการประณามในคราวเดียวกันด้วย
ถามว่ามาตรการที่ออกมาถือว่าเด็ดขาดสูงสุดแล้วใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ก็ต้องดูท่าทีการตอบสนองของเขมร เราก็ต้องยกระดับความเด็ดขาดของเราได้ ส่วนที่เขมรชี้แจงเป็นทุ่นระเบิดเก่านั้น เขาก็แสดงท่าทีเช่นนั้นมาแต่เราคิดว่าสิ่งที่ชี้แจงมาสำหรับประเทศไทยยังไม่เพียงพอและยังไม่พอใจ จากนี้ต้องรอดูท่าทีเขมรต่อการตัดสินใจของเราครั้งนี้เป็นขั้นเป็นตอน ส่วนการเจรจาเรายังไม่พูดถึงเพราะไม่มีพื้นที่พูดคุย
“วันนี้เรามีท่าทีชัดเจนที่สั่งระงับและดำเนินการให้เขาแสดงความรับผิดชอบรอดูท่าทีของเราแล้วกัน ส่วนการปักหมุดชั่วคราวหลังจากนี้ก็ไม่มีเพราะเราระงับทุกการดำเนินการ”นายสีหศักดิ์กล่าว
สั่งระงับทำตามปฎิญญาไร้กำหนด
ด้านนายสิริพงษ์อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า นายกฯเสียใจต่อเหตุสูญเสีย กรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิดเขตไทยที่เกิดจากการลอบวางระเบิดโดยเขมรและแจ้งผลประชุมสมช.ต่อที่ประชุมครม. ให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงต่างประเทศ ระงับการดำเนินการตามสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามที่ประเทศมาเลเซีย อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะลดลง
ไฟเขียวกห.ดำเนินการทางทหารเต็มที่
“นายกฯสั่งการกระทรวงกลาโหม ให้มีมาตรการดำเนินการทางทหารเต็มที่เพื่อพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินไทย และสั่งกระทรวงต่างประเทศ ประท้วงทักท้วง ดำเนินการทางการทูต สื่อสารทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศผู้สังเกตการณ์ นอกจากนี้ นายกฯสั่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความรู้ความเข้าใจประชาชน 7จังหวัดชายแดนกัมพูชา ให้เตรียมพร้อมกรณีมีเหตุปะทะ เพื่อให้การดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และสั่งกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแผนซักซ้อมในหลุมหลบภัยเพื่อรองรับกรณีมีเหตุฉุกเฉิน โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเข้มข้น”โฆษกรัฐบาลกล่าว
นายกฯสั่งการทุกกระทรวงเตรียมความพร้อม
ต่อมาโฆษกรัฐบาลให้สัมภาษณ์ถึงมติที่ประชุมสมช. ในการระงับปฏิญญาระหว่างไทย-กัมพูชาว่า เรื่องนี้นายกฯมอบหมายให้รมว.กลาโหม และรมว.ต่างประเทศชี้แจงแล้ว ซึ่งแนวทางทุกอย่างมาจากที่ประชุมสมช. ซึ่งคิดว่าการที่นายกฯมอบหมายให้ใครเป็นผู้สื่อสาร น่าจะเป็นทางตรงและคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ขณะที่ข้อสั่งการของนายกฯเป็นเพียงการเตรียมความพร้อม ในกรณีมีการคาดการณ์สถานการณ์ที่มีทั้งดีและไม่ดี ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย -กัมพูชา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามปกติ แต่ยังไม่ได้สั่งการอะไรที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก เป็นเพียงกำชับและเตรียมความพร้อมกรณีที่มีเหตุ
ระงับปฏิญญาไร้กำหนด-ยันไฟเขียวกองทัพ
ส่วนกรอบระยะเวลาการระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา นายสิริพงศ์กล่าวว่า ไม่มีกรอบระยะเวลาหรือเดดไลน์ ฝ่ายความมั่นคงจะประเมินจนกว่าความเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชาจะหมดไป ซึ่งทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ในดินแดนไทย แสดงให้เห็นว่าความเป็นปฏิปักษ์ของเขมรยังมีอยู่ ส่วนข้อตกลงเก่าๆ และการเจรจาในวงประชุมต่างๆ ที่ต้องเป็นความร่วมมือกันก็หยุดไป ส่วนไหนที่ไทยดำเนินการได้ด้วยตัวเอง เราก็ดำเนินการ แต่ส่วนไหนที่ต้องขอความร่วมมือกับเขาต้องยึดแนวทางของฝ่ายความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเขมรไม่ตอบสนองข้อเรียกร้อง จะถึงขั้นยกเลิกปฏิญญาหรือไม่ นายสิริพงศ์ ระบุว่าต้องรอให้สมช. เป็นผู้ประเมินอีกครั้ง วันนี้เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติ ที่ผ่านมาโต้ตอบพอสมควร ทั้งเรื่องแรงงาน ที่ไม่อนุญาตให้แรงงานที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุอยู่ไทยต่อ ส่วนจะมีมาตรการตอบโต้ ที่เป็นการกดดัน มากกว่านี้หรือไม่ เป็นการตัดสินใจของฝั่งกลาโหมทั้งหมด แนวทางเหล่านี้จะไม่ออกจากฝ่ายบริหาร เพราะเป็นเรื่องความลับทางราชการ จึงมอบฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดำเนินการ และนายกฯยินดีสนับสนุน
ถามย้ำว่า แสดงว่าการให้ไฟเขียวกองทัพใช่หรือไม่ นายสิริพงศ์ ระบุว่า ให้ไฟเขียว.
ระงับปฏิญญาเรื่องปกติเบากว่าMOUเยอะ
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีรัฐบาลระงับปฏิญญากับกัมพูชาส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ว่า ไม่มีอะไร ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่ตราสารทางกฏหมายอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นการให้เกียรติกัน ถ้าคุณทำเราก็ให้เกียรติทำตาม แต่หากฝ่ายใด ไม่จริงใจทำตาม ก็ต้องพูดคุยกันใหม่ก็แค่นั้น ไม่มีอะไร เพราะไม่ใช่หนังสือสัญญา ส่วนที่ไทยยุติการกระทำได้เลยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็น Joint Declaration ถือเป็นคำประกาศร่วมกัน แค่นั้นไม่มีอะไร ไม่เหมือนกับบันทึกข้อตกลง MOU เพราะดีกรีจะเบากว่าเยอะ
ปรปักษ์ยังอยู่ทบ.กร้าวยุติทุกข้อตกลง
จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ภายหลังเหตุการณ์ที่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดซึ่งตรวจพบว่ากัมพูชาลอบตัดรั้วลวดหนามเข้ามาวางในเขตไทยนั้น พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แสดงจุดยืนของกองทัพบก(ทบ.) ว่า ความจริงปรากฏชัดเจนแล้วว่า ท่าทีแห่งความเป็นปรปักษ์ยังคงอยู่ กองทัพบกจำเป็นต้องยุติทุกข้อตกลง เพื่อรักษาสิทธิในการป้องกันตนเองจากการถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม
ทบ.โต้เขมรไม่ใช่ระเบิดเก่าเจอเพิ่ม3ทุ่น
ขณะที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกออกมายืนยันว่า กรณีกัมพูชาออกมาระบุว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่าจากสงครามในอดีต แต่ผลจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นการลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตไทย และยังตรวจพบทุ่นระเบิดอีก 3 ทุ่นในบริเวณใกล้เคียง การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า กัมพูชาขาดความจริงใจในการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ลงนามร่วมกันไว้ และละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ส่งผลให้กระบวนการขับเคลื่อนสันติภาพระหว่างประเทศต้องยุติลงกลางคันทั้งนี้ ด้านปฏิบัติการทางทหาร กองทัพบกยืนยันความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปกป้องอธิปไตยตามมติสมช. และข้อสั่งการของกระทรวงกลาโหม เพื่อรักษาสิทธิป้องกันตนเอง จากการกระทำที่ไม่เป็นธรรม
มทภ.2เยี่ยม4ทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลโทวีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เดินทางไปโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร บริเวณห้วยตามาเรียอ.กันทรลักษ์จ.ศรีสะเกษ 4 นาย ได้แก่
จ่าสิบเอก เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าขวาท่อนล่างขาดพลทหาร วชิระ พันธนา ได้รับบาดเจ็บ จากแรงอัดจากระเบิด มีอาการแน่นหน้าอกพลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิด บริเวณขาขวาท่อนล่างพลทหาร อนุชา สุจารี ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิด ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ถนัด
ฉะเขมรใช้วิธีไร้มนุษยธรรมฉีกข้อตกลง
โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการทหารบกมอบเงินบำรุงขวัญจากกองทัพบก และมอบเงินบำรุงขวัญในนามกองทัพภาคที่ 2 เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจแก่กำลังพลและครอบครัว
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวแสดงความเสียใจและพร้อมดูแลกำลังพลและครอบครัวอย่างดีที่สุด พร้อมย้ำชัดเจนว่า เขมรยังใช้วิธีการที่ไร้มนุษยธรรม ไม่สนใจข้อตกลงที่ให้ไว้ และสั่งกำชับทุกหน่วยตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ป้องกันเกิดเหตุเกิดขึ้นอีก
ลั่นระงับจนกว่าเขมรไม่เป็นปฏิปักษ์
เวลา 13.45 น. ที่ทำเนียบฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ปฏิเสธให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงผลประชุมสมช. ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ได้แถลงข่าวแล้ว ให้คนทำงานเขาแถลงดีกว่า และวันนี้ตนเดินทางไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บ ส่วนเรื่องระยะเวลาระงับปฏิญญาสันติภาพไทยเขมรนั้น จนกว่ากองทัพไทยจะเห็นว่าความเป็นปฎิปักษ์ของเขาไม่มีแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเขมรออกมาแถลงว่าทุ่นระเบิดดังกล่าวกัมพูชาไม่ได้เป็นคนวาง นายกฯกล่าวว่า ไทยไม่มีระเบิดแบบนั้นถามต่อว่าหลายฝ่ายคาดหวังให้เราเป็นปฏิปักษ์ต่อเขมรหรือใช้มาตรการรุนแรงและเด็ดขาดกว่านี้ นายกฯไม่ตอบคำถามดังกล่าว ถามอีกว่าจะตอบโต้เขมรอย่างไร เพราะการออกมาแถลงการณ์แบบนั้นเหมือนเป็นการให้ข่าวผิดหรือไม่ นายกฯไม่ตอบคำถาม
เมื่อถามว่าการประท้วงเบาไปหรือไม่ เราต้องออกแถลงการณ์ประณามไปทั่วโลกถึงการกระทำดังกล่าวของกัมพูชาที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ลงนามปฏิญญากันไว้หรือไม่ นายอนุทิน ยิ้มแต่ไม่ตอบคำถาม ถามว่านายกฯพอใจมาตรการของสมช.หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ทั้งหมดเป็นไปตามมาตรการที่วางแนวทางไว้ ส่วนจะมีมาตรการที่เข้มข้นกว่านี้หรือไม่นั้น ตนว่านี่ก็เข้มข้นมากแล้วตอนนี้เราไม่ได้ทำทั้ง 4 ข้อที่ตกลงกันไว้ เราทำในสิ่งที่คิดว่าสมควรทำ ถามต่อว่าการที่ได้จับมือกับนายกฯเขมรถือว่าเสียมือหรือไม่ นายกฯไม่ตอบ
นายกฯสวมชุดชรบ.บินศรีสะเกษ-อุบลฯ
จากนั้นเวลา 14.26 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยเดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6)ดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสวมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) พร้อมพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6)ดอนเมือง กรุงเทพฯไปจ.ศรีสะเกษ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองพันทหารราบที่ 162 (ร.16 พัน.2) ที่ฐานปฏิบัติการห้วยตามาเรียอ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษไปฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน และตรวจเยี่ยมกองพันทหารราบที่ 11 ก่อนเดินทางไปโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ตำบลแสนสุข อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ห้วยตามาเรีย
นายกฯลั่นบนภูมะเขือสันติภาพจบแล้ว
ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่ฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศไทยเป็นของเรา ที่ที่เรายืนอยู่คือ ประเทศไทยใครจะมาแอบอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนของไทยไม่ได้ แต่วันนี้การที่จะพูดเรื่องนี้ เราถือว่าสิ่งที่เรามีข้อตกลงกันไว้ เพื่อจะเดินไปสู่การมีสันติภาพ มันจบลงแล้ว จากนี้ไปรัฐบาลไทยจะดำเนินการในสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทย ไทยจะทำโดยไม่ต้องไปหารือหรือขออนุญาตใคร เราคุยกับกองทัพช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปค่อนข้างชัดเจนในการปฏิบัติ ซึ่งกระทรวงกลาโหมทราบว่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง แต่ต้องขอความกรุณาผู้สื่อข่าวว่าเราอยากจะบอกว่าเราไม่ตอบ ขอความกรุณาว่าไม่ต้องถาม เพราะเราจะทำอะไรในเรื่องของความมั่นคงแห่งชาติเราบอกไม่ได้ และถ้าถามมาแล้ว พอเราไม่ตอบก็กลายเป็นว่าเราย่อหย่อน แต่ความจริงเราไม่เคยหย่อนยาน เราไม่เคยคิดที่จะยอมหรือเสียเปรียบใดๆ กับฝ่ายตรงข้าม ตรงกันข้ามเราวางตัวเป็นผู้กำหนดบทบาทอยู่เสมอ ดังนั้น วันนี้ก็เช่นกัน ยิ่งทำให้ตนในฐานะรัฐบาลที่เป็นคนลงนามใน ปฏิญญาก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ณ ขณะนี้ 4 ข้อในปฏิญญาประเทศไทยไม่ปฏิบัติแล้ว และจะกำหนดการ
ดำเนินการของตัวเอง โดยรัฐบาลจะสนับสนุนข้อกำหนดต่างๆ และการดำเนินการของกองทัพอย่างเต็มที่
ฉีก4ข้อตกลงไม่สน2ปท.พยาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาเลเซียจะขอรื้อฟื้นเรื่องของการลงนามปฏิญญาตรงนี้ ทางเราจะทบทวนหรือไม่ นายกฯย้อนถามว่า รื้อฟื้นเรื่องอะไร ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเรื่องการทำปฏิญญาเพื่อนำไปสู่สันติ นายกฯกล่าวว่า มันชัดเจนแล้วว่าผู้ร่วมสัญญาไม่ได้ปฏิบัติตามปฏิญญา ยิ่งวันนี้มาตรงนี้ เพื่อมาให้เห็นกับตา เมื่อผู้นำไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสักขีพยานที่ลงนามอยู่ในปฏิญญาวันนั้น ถ้าท่านทั้งสองจะถามมาตนก็จะตอบได้ว่าตนมาอยู่ในพื้นที่ ตนเห็นกับตาตัวเองแล้วว่าคู่สัญญาของประเทศไทยก็คือ กัมพูชาได้ละเมิดสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำอย่างไรบ้าง บนความชัดเจนทุ่นระเบิด 4 ทุ่น ที่วันนี้ เหลือ 3 ทุ่น เพราะว่าน้องทหารของเราเหยียบไป 1 ทุ่น เป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่วางในเขตของเรา หลังวันที่เราลงนามข้อตกลง ทั้งนี้ ประเทศไทยทำทุกอย่างตามข้อตกลงและการพยายามดึงให้ล่าช้าเกิดจากฝ่ายกัมพูชา ประเทศไทยก็ยังใช้ความอดทน เรายังเชื่อมั่นว่าในการที่เรามีโลกทั้งใบเป็นพยาน มีประชาคมอาเซียนเป็นพยาน อย่างไรเสียอาจจะช้าในวันหรือสองวันข้อตกลงจะได้รับการปฏิบัติ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ เมื่อไม่ใช่ ก็ไม่มีข้อตกลง และเราก็จะทำในสิ่งที่เราเห็นว่าเราต้องทำ
ลั่นไม่ต้องรีพอร์ตใครทั้งนั้นแม้กระทั่งทรัมป์
เมื่อถามอีกว่าเราต้องรีพอร์ต(รายงาน) ไปที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหรือไม่ นายกฯย้อนถามว่า รีพอร์ตใคร เราเป็นประเทศอธิปไตยไม่รีพอร์ทใครทั้งนั้น ถ้าเขาถามมา ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องตอบ ตนจะตอบอย่างเช่นเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ทำหน้าที่ ก็ถามตน ถ้าไม่มีความจำเป็นจะต้องตอบ ตนก็ไม่ตอบ ดังนั้นวันนี้เราก็จะดำเนินการตามที่รมว.กลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แม่ทัพภาคที่ 2 และคนที่อยู่หน้างานผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี วันนี้ถ้าตนบอกแล้วว่ารักษาอธิปไตย รักษาเกียรติยศ เกียรติภูมิรักษาจิตใจของทหาร และพี่น้องประชาชน ตนมาวันนี้ก็ขอให้ภาพมันเป็นการอธิบายตัวมันเอง ของหลายอย่างไม่ต้องพูดแล้ว
ถามว่าวันนี้บอกเจ้าหน้าที่และกำชับให้กำลังใจอย่างไรบ้าง นายกฯกล่าวว่า ก็เต็มที่ ตนกับทหารไม่ต้องใช้คำพูด ใช้สายตา ใช้แรงบีบกำมือซึ่งกันและกัน เราจะเข้าใจกันดี ตนมั่นใจว่า
ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีแรงบีบขนาดนี้คือ ต้องการให้มันเป็นยังไง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี