‘อนทิน’ท้าปชช. ทำงานไม่ดีไม่ต้องเลือกกลับมา ย้ำอนาคตอยู่ในมือของคนไทย

‘อนทิน’ท้าปชช. ทำงานไม่ดีไม่ต้องเลือกกลับมา ย้ำอนาคตอยู่ในมือของคนไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘อนทิน’ท้าปชช.
ทำงานไม่ดีไม่ต้องเลือกกลับมา
ย้ำอนาคตอยู่ในมือของคนไทย

นายกฯเปิดงานวปอ.รุ่น 68 ย้ำความมั่นคงแห่งชาติ คือผลลัพธ์ความร่วมมือภาครัฐ เอกชนและประชาชน เร่งพัฒนายุทธศาสตร์ความมั่นคงชาติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ท้าปชช.ถ้ารบ.ทำงานไม่ดี ไม่ต้องเลือกกลับมา ไปขายเต้าฮวยดีกว่า อ้อนถ้าทำดีขอเลือกกลับมาให้ครบ ลั่นอนาคตอยู่ในมือปชช.ตัดสินใจ บอกแม้ภารกิจรัดตัว แต่ต้องลงมาดูน้ำท่วมให้เห็นกับตา ที่ประชุมกมธ.แก้รธน.มีมติตัดทิ้งสสร.ให้มีกมธ.ยกร่างฯ-กมธ.ฟังความเห็นที่รัฐสภาแต่งตั้ง

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่68และกล่าวบรรยาย หัวข้อบทบาทของภาครัฐ เอกชนและการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม พลเอกอุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเอก สิทธา มหาสันทนะ ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พลโท ทักษิณ สิริสิงห ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 68 เข้าร่วมด้วย


นายกฯ กล่าวเปิดหลักสูตรว่า ในฐานะเคยเป็นนักศึกษาหลักสูตร วปอ.รุ่นที่61 การได้พบกับพี่น้องชาว วปอ. คือการได้พบกับบุคลากรทรงคุณค่าของประเทศ เป็นผู้นำระดับสูงจากทุกภาคส่วน ทุกท่านมาอยู่ที่นี่ก็ด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นในการจะร่วมกันสร้างความมั่นคง ความก้าวหน้า และอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทยของเรา เชื่อว่าทุกท่านคงมีประสบการณ์ และตระหนักดีว่าในยุคนี้ “ภัยคุกคามต่อความมั่นคง” ไม่ได้มาในรูปแบบของ”การรบด้วยอาวุธ” เสมอไป แต่แฝงมาในรูปของสงครามการแข่งขันทางข้อมูลการค้า เศรษฐกิจดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความผันผวนของตลาดโลก อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของทรัพยากร และภูมิรัฐศาสตร์ ทุกครั้งที่ได้ไปร่วมการประชุมนานาชาติจะเห็นได้ชัดว่า “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”กลายเป็น”แนวรบใหม่”ของทุกประเทศ หากเศรษฐกิจสั่นคลอน ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น ความไม่พอใจในสังคมก็จะขยายตัว มีผลต่อทั้งเสถียรภาพทางการเมือง และความมั่นคงทางสังคม ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องสร้างเศรษฐกิจที่ไม่พึ่งพาเพียงภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง แต่เป็นเศรษฐกิจที่มีความสมดุลโดยรัฐบาลนี้มุ่งเน้นประคับประคองผู้มีรายได้น้อยให้มีกำลังพอที่จะยืนได้ด้วยตนเอง เช่น “โครงการคนละครึ่ง พลัส” ที่ดำเนินอยู่นี้ ซึ่งสำคัญที่คำว่า “พลัส” เพราะมีการอบรมผู้ประกอบการให้เข้าถึงช่องทางการค้าขายออนไลน์ เป็นการเปิดประตูแห่งโอกาสใหม่ ๆ ให้ด้วย

ไทยได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความพร้อมในการเป็น“สะพานเชื่อมภูมิภาค”ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และความมั่นคงทางพลังงาน ไทยพร้อมเป็นHubในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางอาหาร สุขภาพ หรือแม้กระทั่งการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ด้วยภูมิศาสตร์และความพร้อมของไทย จึงได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมปราบปรามสแกมเมอร์ในภูมิภาคด้วย การหารือในเวที APEC และ ASEAN ทำให้ไทยเปิดประตูสู่ความร่วมมือใหม่กว่า 10 ประเทศ นี่ไม่ใช่เพียงการเจรจาเศรษฐกิจ แต่คือการสร้างความมั่นคงเชิงรุกที่ทำให้ไทยยืนอยู่ในตำแหน่ง “ผู้ร่วมกำหนดอนาคตของภูมิภาค” หรือที่นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า ไทยได้กลับมาอยู่ในเรดาร์ของโลกแล้ว

นายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายสำคัญ 5 ด้าน เพื่อเป็นทิศทางในการพัฒนาและฟื้นฟูประเทศให้ก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง และสมดุล โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และภาคประชาชนที่เป็นหัวใจของการสร้างสังคมที่มั่นคง สำหรับนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 68 ล้วนมีบทบาทสำคัญ ในการกำหนดทิศทาง และตัดสินใจในเรื่องที่ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ ขอให้ท่านใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เสริมสร้างเครือข่าย และร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติในทุกมิติ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคง และอนาคตที่ดีให้กับประเทศชาติต่อไป

ต่อมา นายอนุทิน เดินทางไปวัดท่าดินแดง ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย โดยเมื่อเดินทางถึง นายกฯ ได้ทักทายประชาชน นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ถือว่ามาดูสถานการณ์น้ำท่วมในเขตจังหวัดภาคกลาง แม้ว่าทุกท่านได้ประสบสถานการณ์จากภัยน้ำท่วม ซึ่งปีนี้ยาวนานกว่าทุกๆ ปี คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบถึงปัญหาอย่างดี จึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละท่านดูแลปัญหาน้ำท่วมตามเขตพื้นที่ในแต่ละจังหวัด พร้อมให้อำนาจในการตัดสินใจที่จะแก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้ความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายหมดสิ้นไปเร็วที่สุด

“ผมมีภารกิจรัดตัวเพียงใดก็จะต้องมาพบพ่อแม่พี่น้องเพื่อให้เห็นกับตาตัวเองว่า สถานการณ์น้ำท่วมมันหนักหนาสาหัสเพียงใด เวลาไปสั่งงานแล้วเราเห็นหน้างาน มันจะทำให้เราสามารถจะเพิ่มความคิดเข้าไป หรือว่าคอยเถียงเขา ถ้าเขาบอกมันไม่ใช่ เราก็จะได้บอกว่า นี่ไงผมไปเห็นมาแล้ว ตอนเป็น รมว.มหาดไทย มันก็สั่งได้แค่นี้ วันนี้เป็นนายกฯ แล้วสั่งให้หมด ใครไม่ทำน่าดู ไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะปีหน้าเลือกตั้ง วันที่ 31 ม.ค.69 ยุบสภาคืนอำนาจให้พ่อแม่พี่น้อง ถ้าพวกเราทำงานไม่ดี ไม่ต้องเลือกกลับมา แต่ถ้าทำดีเลือกกลับมาให้ครบจะได้มาทำต่อ ท้ากันอย่างงี้เลย พี่น้องเป็นคนตัดสินใจ ถ้าไม่เลือกผม ผมก็ต้องไปหางานทำ ไปขายของเซเว่น หรือมานั่งขายสายไหม ขายก๋วยเตี๋ยว ไม่มีปัญหา แต่เชื่อว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมด ด้วยหัวใจที่มีอยู่ ด้วยความสำนึกที่พ่อแม่พี่น้องมีพระคุณกับพวกผมจะเลือกพวกผมมาเป็น สส.ทั้งหมด ถ้า สส.ทำงานให้กับพี่น้องประชาชนไม่ได้ ก็อย่าไปเป็นมันเลย ไปขายเต้าฮวยดีกว่า” นายอนุทิน กล่าว

ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ที่มีนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน กมธ.ได้พิจารณาวาระการลงมติเพื่อตัดสินเนื้อหาของมาตรา256/1ว่าด้วยองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งนี้ มีแนวทางการลงมติคือ ให้มี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพียงองค์กรเดียว กับ ให้มีกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ในการประชุมช่วงเช้า ใช้การลงมติตัดสิน ซึ่งเสียงข้างมากเห็นด้วยต่อการกำหนดให้มี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรเพื่อทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพียงองค์กรเดียว และได้ลงมติให้การแก้ไขเนื้อหา ซึ่งตัดประเด็นสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญตามที่เสนอไว้ในร่างของพรรคปชน.ออกไปและเปลี่ยนให้เป็นคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นประชาชนซึ่งรัฐสภาแต่งตั้ง

นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะกมธ.ให้สัมภาษณ์ว่า หลังผ่านพิจารณามาตรา256/1จะพิจารณารายละเอียดต่อไปในกระบวนการคัดเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรมนูญ ซึ่งให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก ตามขั้นตอนที่พรรคปชน.เสนอ คือ ให้ใช้การรวมกลุ่มของสมาชิกรัฐสภา 20คนเพื่อเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 1คน เบื้องต้นคาดว่าที่ประชุมจะสนับสนุน แต่ต้องหารือกันอีกครั้งเพื่อให้เป็นข้อสรุปที่ชัดเจน จากนั้นจะเป็นประเด็นของที่มาของบุคคลที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็นกมธ.ก่อนให้รัฐสภาคัดเลือก

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top