ห้ามรุกล้ำย่ำยีเกียรติภูมิคนไทย ทุกเหล่าทัพพร้อมรบ! ‘บิ๊กหนู-บิ๊กเล็ก’ประสานเสียงสู้

ห้ามรุกล้ำย่ำยีเกียรติภูมิคนไทย ทุกเหล่าทัพพร้อมรบ! ‘บิ๊กหนู-บิ๊กเล็ก’ประสานเสียงสู้

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ห้ามรุกล้ำย่ำยีเกียรติภูมิคนไทย
ทุกเหล่าทัพพร้อมรบ!
‘บิ๊กหนู-บิ๊กเล็ก’ประสานเสียงสู้
ปมชายแดน‘บ้านหนองจาน’

นายกฯ ประกาศลั่น“ห้ามรุกล้ำ-ย่ำยี- ทำลายเกียรติภูมิคนไทย” ปมชายแดนบ้านหนองจาน ปัดขีดเส้นตาย“ชาวกัมพูชา”ต้องย้ายออกก่อนยุบสภา ย้ำความมั่นคงไม่มีกรอบกำหนด “บิ๊กเล็ก” ยัน ผบ.ทบ.พร้อมรบ 100% เร่งถก GBC แผนอพยพคนกัมพูชา ออกจากบ้านหนองจาน ให้เสร็จก่อนยุบสภา ผบ.ทอ. ยันกองทัพดำรงขีดความสามารถ ในการปกป้องประเทศอย่างเต็มที่ เสธ.ทบ.รับต้องปรับแผนจัดซื้อยุทโธปกรณ์ หลังมีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้สอดรับ-ทันสมัย

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เวลา 11.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการผลักดันให้ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว จะเสร็จทันก่อนรัฐบาลประกาศยุบสภาฯ หรือไม่ ว่า ให้ทางฝ่ายกองทัพดำเนินการอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกับการยุบสภาฯ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง


นายกฯลั่นห้ามรุกล้ำย่ำยีเกียรติภูมิไทย

เมื่อถามว่าไม่ได้มีการขีดเส้นหรือกำหนดกรอบระยะเวลาไว้ใช่หรือไม่ ว่าต้องออกก่อนการยุบสภาฯ นายกฯกล่าวว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกัน พอเป็นเรื่องความมั่นคงประเทศและอธิปไตยของประเทศ ไม่มีกรอบ

“แต่กรอบอธิปไตยของประเทศ คือ ห้ามรุกล้ำ ห้ามย่ำยี ห้ามทำลายเกียรติภูมิ ห้ามคนไทยโดนทำร้าย และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”นายกฯ ย้ำ

‘บิ๊กเล็ก’ย้ำคืบหน้าชายแดนในทุกด้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ ว่า แนวทางที่ได้มอบหมายไว้ในปัจจุบันดำเนินการอยู่ 3 อย่างคือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปักหมุดชั่วคราวบ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว รวมถึงการสร้างรั้วชายแดนจันทบุรี-ตราด ซึ่งมีความคืบหน้าในทุกด้าน ยืนยันว่าหากฝ่ายกัมพูชามีการปฏิบัติการรุกล้ำอธิปไตยไทย เราไม่ยอม

เมื่อถามว่าได้มีการนัดหารือกับ พล.อ.เตีย เซรยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กัมพูชา เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่ออพยพคนกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน แล้วหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้เก็บกู้ทุนระเบิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน เหลืออีกบางส่วน แต่หลังดำเนินการเสร็จแล้วจะมีการปักหมุดชั่วคราวซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนปีใหม่

เร่งถกGBCแผนอพยพชาวเขมร

โดยได้เน้นย้ำกับหน่วยที่รับผิดชอบว่าให้ดำเนินการให้เสร็จในเวลาใกล้เคียงกันทั้ง 2 พื้นที่ เพื่อจะได้คุยกันครั้งเดียว เนื่องจากจะต้องมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ก่อน โดยนำภาพการปักหมุดชั่วคราวไปให้พิจารณาก่อน ซึ่งไม่ใช่มีการกำหนดเส้นเขตแดนถาวร เมื่อคณะกรรมการ JBC รับรอง หลังจากนั้นจะเป็นการประชุม GBCว่าคนกัมพูชาที่ล้ำอธิปไตยไทยจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งการประชุมทั้ง2เวทีน่าจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2569

เมื่อถามว่าจะทันไทม์ไลน์การยุบสภาตามกำหนดเดิม31ม.ค.69 หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนจะเร่งให้ทัน แต่แม้จะยุบสภารัฐบาลรักษาการก็ดำเนินการได้ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้มีการดำเนินการเป็นไปด้วยความรอบคอบ ซึ่งปัจจุบันขั้นตอนดังกล่าวยังเดินหน้าไปเรื่อยๆ ยังไม่มีอะไรขัดแย้ง

เผย“ผบ.ทบ.”พร้อมรบ100%

เมื่อถามว่าผู้บัญชาการทหารบกได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่ามีความพร้อมรบร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่ฝั่งไทย-กัมพูชา พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ความพร้อมรบเราต้องเตรียมเอาไว้อยู่แล้วในทุกสถานการณ์ ซึ่งนโยบายของฝ่ายความมั่นคงมุ่งไปสู่สันติภาพ แต่หากเกิดการรุกล้ำอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ เราต้องพร้อมตลอดเวลา ประชาชนจะได้สบายใจ แต่ไม่ใช่มุ่งให้จบอย่างเดียว การกระทำใดที่กระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเรายอมไม่ได้

นายกฯลงบุรีรัมย์ไร้ส่งสัญญาณ

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อพบปะผู้ว่าฯ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สังกัดกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะไปดูความพร้อมฝ่ายมหาดไทยและฝ่ายปกครอง กรณีหากเกิดเหตุการณ์ว่ามีความพร้อมอย่างไร อย่างที่บอกกองทัพเตรียมเอาไว้ ฝ่ายปกครองก็ต้องเตรียมเพื่อดูแลประชาชน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดปฏิบัติการอะไร ยืนยันว่ายังไม่มีสัญญาณอะไร เพียงแต่เราระมัดระวังไว้ตลอด แม้ระดับนโยบายจะมีการพูดคุยกันโดยตลอด แต่กำลังพลของกัมพูชาที่อยู่หน้าแนวมีการยั่วยุ ไม่มุ่งสู่แนวทางสันติภาพ เราก็ต้องเตรียมให้พร้อมตลอดเวลา

พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวถึงกรณี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ไปประชุมรัฐภาคีออตตาวา ว่า น่าจะมีความคืบหน้า ภายหลังมีการส่งเรื่องไปในช่วงเดือนส.ค. คงจะมีการค้นหาความจริง และจะเริ่มเห็นผล ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังอยู่

ผบ.ทอ.ยันทัพฟ้าพร้อมปกป้องปท.

ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจในการฟื้นฟูและเยียวยาพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยส่งบุคลากร ทอ.ลงพื้นที่ช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก จะมีผลกระทบต่อด้านความมั่นคง ต่อการรักษาอธิปไตยของชาติหรือไม่ ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ กองทัพอากาศได้ลำเลียงสิ่งของที่จำเป็น ทั้งในภารกิจช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัย และการฟื้นฟูพื้นที่หลังจากระดับน้ำลดลง ทางเครื่องบินกว่า 100 เที่ยวบิน รวมน้ำหนักสิ่งของที่บรรทุกกว่า 200 ตัน ด้วยศักยภาพทุกอย่างที่กองทัพอากาศมี

โดยได้เน้นย้ำและสั่งการให้ดำรงขีดความสามารถในการป้องกันประเทศมากที่สุดด้วย โดย ผบ.ทอ. ได้ยืนยันให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า กองทัพอากาศมีความพร้อมเสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่จำเป็นต้องใช้ขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ป้องกันอธิปไตย และปกป้องน่านฟ้าไทย กองทัพอากาศจะดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่ต้องกังวล

เสธ.ทบ.รับปรับแผนจัดซื้อยุทโธปกรณ์

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก กล่าวถึงการมอบนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ประจำปีงบประมาณ 2570 ที่ระบุว่ายังมีความจำเป็นอยู่ว่า การจัดซื้ออาวุธเป็นไปตามภัยคุกคาม และสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งกองทัพมีแผนการจัดซื้อจัดจ้างอยู่แล้ว แต่เมื่อมีสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา จึงทำให้เราต้องกลับมาทบทวนแผนในการเสริมสร้างกองทัพให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสถานการณ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในปี 2570 จัดการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ประเภทตั้งรับหรือโจมตีเป็นหลัก พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า ต้องดูทั้งระบบ ทั้งอาวุธระยะไกลและระยะสั้น รวมถึงอาวุธที่ติดตัวกำลังพลว่ามีส่วนไหนที่ยังขาด ซึ่งกองทัพจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบว่ายุทโธปกรณ์ประเภทใดที่ต้องจัดซื้อจัดหา กองทัพบกยึดถือเรื่องการซ่อมยุทธโธปกรณ์เป็นหลักก่อนจัดซื้อ อะไรที่ซ่อมได้ก็จะพยายามซ่อมก่อน หรือมีอะไรที่จำเป็นต้องจัดหาเพื่อความทันสมัยและสอดรับกับสถานการณ์ ซึ่งต้องคิดล่วงหน้า

เมื่อถามถึงนโยบายในการดูแลกำลังพล พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลและกองทัพที่ได้เน้นย้ำว่ากำลังพลต้องมีความพร้อม ทั้งขวัญกำลังใจ และขีดความสามารถในการฝึก รวมถึงยุทธโธปกรณ์ประจำตัว

ทภ.2แจงเหตุระเบิดห้วยตามาเรีย

กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) เปิดเผยข้อมูลและชี้แจงว่าเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2568 เวลา 14.20น.หน่วยกองร้อยทหารราบที่ 1622 (หน่วย ร้อย.ร.1622) ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ห้วยตามาเรีย บริเวณเส้นทางยุทธวิธีสร้างใหม่ เป็นจุดกลับรถหน้าฐานปฏิบัติการ ได้ตรวจพบเหตุระเบิดขึ้น และหลังจากเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 จำนวน 1ลูก ซึ่งได้เกิดการระเบิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว จากการตรวจสอบสภาพพื้นที่และการให้ข้อมูลของกำลังพลในพื้นที่ สันนิษฐานว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางไว้ ในแนวทุ่นระเบิดเดิมที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้เพื่อชะลอ หรือป้องกันการรุกไล่ติดตามของฝ่ายเราในห้วงที่พื้นที่ยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนที่ฝ่ายเราจะเข้าควบคุมพื้นที่ได้ในเวลาต่อมา

ชี้เป็นทุ่นสังหาร PMN-2ฝั่งกัมพูชา

ภายหลังเหตุการณ์ หน่วยในพื้นที่ได้ดำเนินการเก็บกู้และรักษาสภาพหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับทุ่นระเบิด PMN-2จัดทำบันทึกรายละเอียดพื้นที่เกิดเหตุ รวมทั้งประเมินแนวโน้มการกระจายของทุ่นระเบิดในบริเวณใกล้เคียง พร้อมทั้งเตรียมประสานส่งมอบหลักฐานให้กับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม (หน่วย นปท.) และหน่วยพิสูจน์หลักฐานเพื่อดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกและจัดทำฐานข้อมูลด้านทุ่นระเบิดต่อไป นอกจากนี้ได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและตรวจค้นเพิ่มเติมในบริเวณแนวถนนและพื้นที่ต้องสงสัยโดยรอบ เพื่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน รวมถึงแจ้งทุกหน่วยในพื้นที่รับผิดชอบให้จัดทำเครื่องหมายในพื้นที่ที่อาจเกิดอันตรายจากทุ่นระเบิด

ทั้งนี้ สรุปได้ว่าเหตุระเบิดครั้งนี้มีลักษณะสอดคล้องกับทุ่นระเบิดที่ถูกวางไว้เดิมในพื้นที่ทุ่นระเบิดด้านกัมพูชาและถูกเคลื่อนย้ายหรือเกลี่ยโดยการทำถนน จนได้รับแรงกดทับเพียงพอทำให้ระเบิดขึ้นเอง จึงคาดว่าเป็นทุ่นระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ในช่วงที่ถูกฝ่ายเรารุกคืบไล่ติดตามจนเข้ายึดครองพื้นที่ปฏิบัติการได้ในที่สุด

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top