'นิธิพัฒน์'ป้อง'เอกนิติ'ปมภาพหลุด บอกไร้ประวัติด่างพล้อย แต่'อนุทิน'ควรชี้แจงสังคม

'นิธิพัฒน์'ป้อง'เอกนิติ'ปมภาพหลุด บอกไร้ประวัติด่างพล้อย แต่'อนุทิน'ควรชี้แจงสังคม

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 09.06 น.

'นิธิพัฒน์'ป้อง'เอกนิติ'ปมภาพหลุดคู่'เบน สมิธ' บอกเป็นขรก.น้ำดี ไม่มีประวัติด่างพล้อย แต่'อนุทิน'ควรชี้แจงสังคม มองไม่ยุติธรรม หากใช้ภาพถ่ายทางสังคมโจมตีกัน

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2568 นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา อดีตนักศึกษาเกาหลี และผู้ประกอบการส่งออกปลาสวยงาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Nitipat Bhandhumachinda ระบุว่า "ภาพชุดดังกล่าวที่เขาเรียกกันว่า"ภาพหลุด"นั้น เอาจริงๆก็ต้องแบ่งภาพออกเป็นสองส่วนคือ


ภาพชุดแรกที่มีคุณอนุทินและคณะ เดินทางเหมือนไปต่างประเทศที่ไหนสักแห่ง(ที่บางกระแสข่าวก็บอกว่าเป็นการไปแข่งกอล์ฟเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีที่จัดขึ้นที่กัมพูชา)นั้น น่าจะเป็นภาพที่ดูจากรูปลักษณ์ของแต่ละคนแล้วก็น่าจะร่วมๆสิบปี ซึ่งถ้ามองจากการถ่ายภาพหน้าสถานที่ และการร่วมไปรับประทานอาหารกันนั้น นายเบน สมิธ ก็น่าจะทำหน้าที่ดูแลต้อนรับคณะคนไทย เพราะนายคนนี้นอกจากถือสัญชาติกัมพูชา และมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเลขาธิการวุฒิสภากัมพูชาแล้ว ตัวเขาก็เป็นคนมีหน้ามีตาอยู่ในวงการธุรกิจของกัมพูชา

ส่วนภาพชุดที่สองที่เป็นภาพคุณเอกนิติกับนายคนนี้นั้น ถ้ามีใจเป็นธรรม ก็จะเห็นชัดๆว่า เป็นการพบปะในงานสังคม และเป็นภาพที่น่าจะถ่ายมาหลายปีแล้วเช่นกัน ซึ่งการยืนสนทนากันกับคนนั้นคนนี้ จะด้วยรู้จักกันบ้าง หรือมีใครแนะนำให้รู้จักบ้างนั้น เป็นเรื่องปรกติที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ทั้งนั้น

ซึ่งในกรณีคุณเอกนิตินั้น ผมถือว่าเป็นเรื่องที่อยุติธรรมมากๆ ที่จะใช้ภาพเท่านี้มาตัดสิน เพราะเท่าที่ผ่านมาคุณเอกนิติก็ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย และเป็นข้าราชการน้ำดี ที่วงการเมืองไทยมีโอกาสได้เขามาทำงานรับใช้ประเทศก็เป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์ที่สุดแล้ว จะน่าเกลียดไปไหมที่จะใช้ภาพถ่ายในงานสังคม มาปรักปรำกันอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้

ส่วนในกรณีของคุณอนุทินและคณะนั้น ถ้าสังคมยังไม่เลิกสงสัย ก็คงเป็นหน้าที่ของคุณอนุทินที่ต้องอธิบายรายละเอียดว่าพบเจอกันที่ไหน นายเบน สมิธมาทำหน้าที่ในฐานะอะไร

ส่วนใครจะเชื่อไม่เชื่ออย่างไร ก็คงห้ามความคิดหรืออคติของใครไม่ได้นะครับ

ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือนายเบน สมิธ หรือชื่อจริงว่านาย เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์นั้น แต่ไหนแต่ไรมา ก็มีชื่อเสียงว่าเป็นคนในสังคมระดับสูงของทั้งไทยและกัมพูชา มีภรรยาเป็นคนไทย และก็เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ที่กว้างขวางอยู่ในวงการเมืองและวงธุรกิจ

ส่วนในกรณีการเกี่ยวพันกับเครือข่ายสแกมเมอร์นั้น ก็เป็นการเปิดโปงโดยนายทอม ไรต์ นักข่าวมือดี ที่ไปเสาะหาข้อมูลในเชิงลึกจนนำมาเปิดโปงให้สังคมรู้เมื่อเดือนกันยายนปีนี้เอง และคุณรังสิมันต์ โรม ก็นำข้อมูลจากแหล่งข่าวดังกล่าวมาใช้ในการอภิปราย จนชื่อนายคนนี้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง

แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีใครเคยรู้เลยว่า นายเบน สมิธ ไปเอี่ยวกับเครือข่ายดังกล่าวอย่างไร และตั้งแต่เมื่อไหร่

และประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ ภาพทั้งสองชุดนั้น แท้จริงแล้วก็ไม่ใช่"ภาพลับ" หรือ "ภาพหลุด" อะไร เพราะจริงๆก็เป็นภาพที่ถ่ายกันตามปรกติ ไม่ได้ปกปิด หรือแอบซ่อนเจอกันอะไรที่ไหน

การจะทำเหมือนมีนัยยะอะไรพิเศษ หรือมีความสัมพันธ์ล้ำลึกอะไรกันอย่างไร โดยใช้แค่ภาพที่คนเขารู้จักกันทางสังคมและถ่ายภาพร่วมกันนั้น ผมก็ไม่คิดว่ายุติธรรมนัก

เพราะอย่างผมเองก็มีภาพถ่ายร่วมกับนักการเมืองพรรคหนึ่งเกือบทั้งพรรค ในวาระโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเป็นเจ้าบ่าวเขาก็มากันเกือบหมด

ถ้าวันหนึ่งผมดันไปทำอะไรผิดกฎหมาย แล้วมีคนเอาภาพผมยิ้มแป้นกับใครต่อใครในพรรคการเมืองนั้นๆมาอ้างว่า"ภาพหลุด" จะให้คนทั้งพรรคเขาอิ๊บอ๋ายไปกับผมด้วยเพราะภาพนั้นๆ มันก็ไม่น่าจะยุติธรรมเป็นอย่างยิ่งใช่ไหมครับ"
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top