ปชป.ชูแผนปฏิรูปประเทศ7ข้อ พร้อมเดินหน้าขจัดคอร์รัปชั่น
วันศุกร์ ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557, 13.12 น.
Tag :
28 มี.ค. 57 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดประชุมสมัชชาประชาชน-ประชาธิปัตย์ และ นำเสนอ พิมพ์เขียวประเทศไทย-ข้่อเสนอปฏิรูป 7 ด้าน ต่อบรรดาสมาชิกพรรคที่เข้าร่วมประชุมว่า เรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประกาศให้ปี 2557 เป็นปีแห่งการขจัดการคอร์รัปชั่น แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม รวมถึงกระบวนการยุติธรรมที่ต้องมีการปฏิรูปเพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้เห็นว่าประเด็นหลักที่ต้องปฏิรูปก่อนคือกระบวนการเข้ามาสู่อำนาจของนักการเมือง
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า สำหรับแผนปฏิรูปประเทศไทย 7 ด้าน ประกอบด้วย 1) การปฏิรูปเพื่อขจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องอยากเห็นการทำหน้าที่ของทุกฝ่ายสามารถแก้ปัญหาประชาชนโดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ทำหน้าที่ด้วยความสุจริต โปร่งใส และการขจัดการทุจริตเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข โดยนายอภิรักษ์ ระบุว่า จะมีการผลักดันให้แก้กฎหมายคดีทุจริตไม่มีอายุความ ส่งเสริมศักยภาพการทำงานขององค์กรอิสระให้ทำงานเชิงรุกและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการวางแนวทางในการตรวจสอบภาษีย้อนหลังนักการเมืองและผู้บริหารระดับสูง ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบการทุจริตได้ดีขึ้น นอกจากนี้ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างให้เทียบเท่ากับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และต้องส่งเสริมการปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนเห็นความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ต่อยอดหลักสูตรโตไปไม่โกงที่สถานศึกษาในกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งจะต้องมีการส่งเสริมให้สื่อมวลชนเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบการทุจริตมากขึ้น
2) ปฏิรูประบบเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม กลั่นกรองนักการเมืองให้ได้คนดีมีความสามารถ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเข้ามาเป็นตัวแทนประชาชน ซึ่งนายอภิรักษ์ มองปัญหาการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะว่า นักการเมืองคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเพราะมีการอ้างการเลือกตั้งเป็นความชอบธรรมเข้าสู่อำนาจรัฐ นำระบอบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ครอบงำรัฐสภา ผลักดันแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มา ส.ว. มาตรา 190 และการผลักดัน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท พยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยมีอำนาจทุนเข้ามาครอบงำด้วยการผลักดันนโยบายประชานิยมอย่างสุดขั้ว จนสร้างความเสียหายให้กับประเทศ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ด้วยการปฏิรูปการบริหารจัดการ 3 ส่วนคือ การบริหารจัดการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง การบริหารจัดการให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม และการบริหารจัดการหน่วยเลือกตั้งและการเลือกตั้งล่วงหน้า ไม่ให้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง รวมถึงต้องมีการควบคุมการกำหนดนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง การให้คำสัญญากับประชาชนจะต้องทำได้ไม่ใช่แค่สร้างความหวังสุดท้ายมีช่องโหว่ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเช่น โครงการจำนำข้าว
3) การปฏิรูประบบบริหารงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งพรรคได้ผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจและการปฏิรูประบบราชการมาโดยตลอด รวมถึงการผลักดันให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้การบริหารและแก้ปัญหาให้กับประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยต้องเพิ่มบทบาทขององค์กรส่วนท้องถิ่นในการบริหารประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จัดตั้งสภาพลเมืองให้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบนักการเมืองทั้งท้องถิ่นและส่วนกลาง นอกจากนี้จะต้องมีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจในส่วนของบอร์ดที่กลายเป็นแหล่งผลประโยชน์นำพวกพ้องเข้าไปทำหน้าที่ จนทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน การบริหารไร้ธรรมาภิบาล มีการผูกขาด โดยเฉพาะด้านพลังงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่พรรคจะปฏิรูปด้วย เพราะปัจจุบันประชาชนใช้พลังงานในราคาสูงเนื่องจากถูกผูกขาดโดย ปตท.ในเชิงโครงสร้างทางธุรกิจทั้งท่อก๊าซ โรงแยกก๊าซ ไปจนถึงสถานีให้บริการ และระบบสัมปทานที่จะต้องมาพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการแบ่งปันผลประโยชน์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ มีการแข่งขันที่เท่าเทียม โดยให้การบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องมีการพิจารณาต้นทุนพลังงานว่าตัวเลขที่ปรากฏในขณะนี้เป็นตัวเลขที่แท้จริงหรือไม่ อีกทั้งจะต้องมีการส่งเสริมพลังงานทางเลือกด้วย
4) การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำ เพื่อทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสังคมที่เป็นธรรม โดยทางพรรคได้มีการผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการประกันรายได้เกษตรกร กองทุนการออมแห่งชาติ และปัญหาที่ดินทำกินมีการปฏิรูประบบที่ดิน เสนอกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น
5) การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งแต่กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นคือ ตำรวจให้เป็นที่พึ่งกับประชาชนอย่างแท้จริง ไปจนถึงกระบวนการอัยการและศาลยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมซึ่งจะต้องให้มีความรวดเร็วไม่มีสองมาตรฐาน โดยเริ่มต้นจากการปรับโครงสร้างตำรวจที่เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ให้เป็นตำรวจของประชาชนอย่างแท้จริงดูแลสวัสดิการให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ มีอิสระในการทำงานป้องกันการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ให้การดำเนินการมีความโปร่งใสน่าเชื่อถือ และให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน
6) การปฏิรูปการศึกษาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม เยาวชนได้รับการศึกษาที่เท่าเทียม เตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยหลังจากที่ประเทศไทยล้าหลังจากประเทศเพื่อนบ้านในการจัดอันดับการศึกษาที่ผ่านมา ทั้งที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย และพัฒนาคุณภาพการศึกษานอกระบบ สร้างโอกาสด้านการศึกษาให้เยาวชนได้เข้าถึงอย่างทั่วถึงด้วยการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ พัฒนาโรงเรียนระดับอำเภอเชื่อมโยงโรงเรียนขนาดเล็กให้คนจนส่งลูกหลานให้ได้รับการศึกษาที่ดีด้วยเพื่อเตรียมพร้อมในการแข่งขันระยะยาวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ส่งเสริมการเรียนการสอนระบบอาชีวศึกษา ให้เอกชนมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและ
7) การปฏิรูปสื่อมวลชนเพื่อให้มีความเป็นอิสระในการตรวจสอบฝ่ายการเมืองได้อย่างแท้จริง เพราะสื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางประเทศ หากสื่อถูกครอบงำโดยธุรกิจก็จะเกิดปัญหาไม่เป็นอิสระ เพราะขณะนี้มีการใช้งบรัฐซื้อสื่อจนทำให้ไม่ตรวจสอบผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองและหน่วยงานภาครัฐ จึงต้องให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลในการกำกับดูแล โดยเห็นว่า กสทช.ต้องทำหน้าที่และองค์กรวิชาชีพต้องเข้มแข็งตรวจสอบสื่อด้วยกันเองได้ ผลักดันให้เกิดกองทุนสื่อสร้างสรรค์ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบสื่อมวลชนได้อีกด้วย