“กรมตำรวจ” ตั้งมา 60 กว่าปี แล้วมาเปลี่ยนชื่อใหม่ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ตึก 1 ของกรมตำรวจ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าพร้อมด้วยเรือนปั้นหยาทั้งซ้ายขวาซึ่งเป็นตึกบริวารนั้น กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้เรียบร้อยแล้ว ห้ามรื้อ,ทุบทิ้งหรือต่อเติม นอกจากมีบริเวณไหนผุพัง ควรแจ้งให้ทาง กรมศิลป์เพื่อขอให้ทำการบูรณะซ่อมแซมต่อไป...บริเวณตึก 1 ด้านหน้า การสร้างตึกยุคนั้นไม่มีเสาเข็ม แต่จะนำไม้สักทั้งต้นเพื่อมาขัดกันไว้ใต้พื้น ทำให้ใต้ตึก 1 ด้านที่ติดกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ ภายในจะมีปลาดุกปลาช่อนและปลาไหลมากมาย ในอดีตพื้นซีเมนต์ในกรมตำรวจ ต่ำมาก ฝนตกลงมาครั้งไร ปลาดุก ปลาช่อน จะว่ายออกมา แม่ค้าที่ขายข้าวแกงในกรมตำรวจพากันจับไปทำอาหารขายให้ตำรวจและประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการ ต่อมามีการยกพื้นซีเมนต์ภายในกรมตำรวจให้สูงขึ้น ทำให้ปลาออกมาไม่ได้ แต่ถ้ามีการปรับปรุงพื้นที่ในบริเวณนั้น ช่างจะเปิดพื้นนำเบ็ดมาตกปลาในบ่อขึ้นมาทำอาหาร.....หลายปีที่ผ่านมา บริเวณท่อน้ำในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีลูกปลาดุกออกมาว่ายน้ำให้เห็นเสมอ หลายเดือนที่ผ่านมากลับไม่มีใครเห็นลูกปลาดุกอีกเลย แต่ไม่มีใครสงสัยประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจเห็น “ตัวเงินตัวทอง” เดินออกมาตามท่อหลายขนาด พวกมันมักจะเดินมาที่กองรักษาการบ้าง ไปนอนในตู้คอนเทนเนอร์ที่แปรสภาพเป็นที่พักของตำรวจบ้าง ป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณห้องน้ำบ้าง ที่น่าดูมาก “ตัวเงินตัวทอง” มาเดินโชว์หลังห้องสื่อมวลชนผ่านลานอเนกประสงค์และเดินเข้าท่อหายไปโดยไม่เกรงกลัวผู้ที่พบเห็น.....ที่ปลาหายไปจากบ่อ แม้กระทั่งหนูที่วิ่งเพ่นพ่านในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เริ่มหดหายไปด้วย เพราะพวกมันกลายเป็นอาหารของ “ตัวเงินตัวทอง” นี่เอง ขณะนี้ตำรวจที่พบเห็น ช่วยกันตั้งชื่อให้พวกมันเหมือนสัตว์เลี้ยง พวกเขาจำเป็นต้องอยู่กับมันให้ได้และสัตว์เหล่านี้แพร่พันธุ์เร็วมาก อีกหน่อยมันจะเดินเกลื่อนกลาดเหมือนที่ “ทำเนียบรัฐบาล” น่าเห็นใจตำรวจสันติบาล พวกเขาต้องทนอยู่กับสัตว์เลี้ยงคือหนู ต่อไปนี้ “ตัวเงินตัวทอง” จะมาแทนที่หนู ซึ่งต่อไปพวกมันอาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของตำรวจก็ได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ไม่คิดกำจัด พวกมันจะลามไปในที่ต่างๆ อวดโฉมให้ชาวกรุงได้เห็นเป็นที่ตื่นตาตื่นใจก็ได้....สวัสดีครับ....