#สรุป แผนใหญ่ National e-Payment ที่ไม่ได้มีแค่พร้อมเพย์ กับหนทางต่อไปสู่การเป็นประเทศดิจิตอล 4.0
กับเพจ #สรุป ครั้งนี้ครับ ได้ทำการสรุปเนื้อหาเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ
แต่หลายคนยังขาดความเข้าใจที่แท้จริงอยู่มาก แย่หนักคือ เข้าใจผิดไปอีกในหลายประเด็น
ต้องขอขอบคุณ เพจ #สรุป ที่กรุณารวมประเด็นและอธิบายความให้เข้าใจได้ง่ายขนาดนี้ครับ
เชิญติดตามครับ
ปล.ตามเดิมครับ อาจมีการใช้ “ภาษาไม่ทางการ” เพื่อความเข้าใจที่ง่ายมากยิ่งขึ้น
--------------------
1.ตามแผน National e-Payment ของรัฐ สุดท้ายแล้วระบบมันจะครอบคลุมมากจนใช้ได้ในแทบทุกจุดของชีวิตเลยทีเดียว แต่กว่าจะถึงวันนั้น ก็คงใช้เวลาอีกซักพัก เพราะตัวระบบที่เราใช้กันตอนนี้ยังเป็นแค่สเต็ปแรกของโครงการเท่านั้น ยังมีโครงการถัดๆ ไปอีก ซึ่งแอดมินได้มีโอกาสไปนั่งคุยเรื่องนี้กับสมาคมธนาคารไทย แบบว่า แอบไปหาข่าววงในมา แล้วรู้สึกว่าน่าสนใจดี เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง
2.คืองี้... พร้อมเพย์ นี่เป็นโครงการแรกของ National e-Payment คือ การจ่ายเงินระหว่างคนกับคน (person to person: P2P) ซึ่งประโยชน์ของมันไม่ใช่แค่ความสะดวกอย่างเดียวนะ แต่ยังช่วยประหยัดค่าโอนด้วย จากเมื่อก่อนจะโอนข้ามธนาคารต้องเสียค่าธรรมเนียม 25-35 บาท แต่ถ้าโอนด้วยพร้อมเพย์ไม่เกิน 5,000 บาทนี่ฟรีค่าโอนเลย หรือถ้าไม่เกิน 3 หมื่น คิดค่าโอนไม่เกิน 2 บาท โอนไม่เกินแสนบาท ค่าโอนไม่เกิน 5 บาททั้งสะดวกทั้งประหยัดแบบนี้ พวกพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ บนเฟซบุ๊ค บนไอจีนี่เลิฟเลย เพราะไม่ต้องไปวิ่งเปิดบัญชีหลายๆ ธนาคารละ เปิดที่เดียวแล้วเอาเบอร์มือถือของร้านผูกไว้ จบเลย ลูกค้าใช้ธนาคารอะไรก็รับได้หมด
3.แล้วนอกจากโอนแบบคนกับคน (P2P) แล้ว ก็ยังมีอีกหลายโครงการที่ National e-Payment จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตชาวไทยเรา ไม่ว่าจะรับจ่ายเงินระหว่างคน ธุรกิจ หรือรัฐ ต่อไปจะเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดละ เตรียมเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเต็มตัว
4.อย่างการจับจ่ายในชีวิตประจำวัน พวกซื้อของช็อปปิ้งตามร้านค้า เดี๋ยวช่วงต้นปีหน้า ขึ้นโครงการ 2 จะเป็นการขยายเครือข่ายการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็น 2 ล้านจุดทั่วประเทศ (ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ1 แสนจุด) ทีนี้เราก็ไม่ต้องไปกดเงินสดกันบ่อยๆ ละ ใช้พวกบัตรเงินสด บัตรเครดิต เดบิตต่างๆ จ่ายตามจุดพวกนี้ได้เลย ร้านใหญ่หน่อยก็อาจจะเป็นเครื่องอ่านบัตรไป ร้านเล็กๆ แบบรถเข็นหมูปิ้ง มอ’ไซค์ฺรับจ้าง อยากคล่องตัวก็ใช้จะเป็นเครื่องอ่านบัตรแบบเสียบกับมือถือ (MPOS) ก็ยังได้ ลดต้นทุนจัดการเงินสดได้ทั้งประเทศ แถมเพิ่มความปลอดภัยด้วย เพราะมีงานวิจัยในหลายๆ ประเทศแล้วพบว่าการหันมาใช้ e-Payment นั้นสามารถลดอัตราการจี้ปล้นตามถนนได้จริงๆ
5.แล้วยิ่งในโครงการถัดไปก็จะเน้นการปรับกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ทั้งพวกบริษัทห้างร้านที่ขายของให้คนทั่วไป (business to consumer: B2C) หรือธุรกิจจ่ายเงินกันเอง (business to business: B2B) ซึ่งปกติจะต้องมีการวางบิล ออกใบเสร็จ ออกใบกำกับภาษี ใบหัก ณ ที่จ่าย แล้วบางทีต้องจ้างพี่สุชาติ พี่แมสเซนเจอร์ให้เอาเอกสารพวกนี้ไปส่งลูกค้า เพราะสรรพากรเขาบอกว่า ต้องใช้เอกสารตัวจริงทั้งหมด
6.แต่ในเฟส 3 นี่จะยอมให้ส่งแบบออนไลน์ได้หมดเลย ไม่ต้องเปลืองเงินเปลืองเวลารับส่งเอกสารกระดาษกันอีก หรือถ้าใช้ระบบธนาคารในการรับจ่ายเงิน ก็สามารถให้ธนาคารหัก VAT และภาษี ณ ที่จ่ายส่งสรรพากรให้ได้เลย แล้วค่อยส่งสำเนาให้ทั้งสองฝ่าย เพราะระบบภาษีจะออนไลน์ทั้งหมดแล้ว ซึ่งเรื่อง e-TAX นี้จะเริ่มในช่วงปี 2561 (ที่ต้องรอนานอีกนิดนึง เพราะต้องแก้กฎหมายการนำส่งข้อมูลภาษีและเงินหัก ณ ที่จ่ายรวมทั้งการพัฒนาระบบทั้งทางภาครัฐและภาคธนาคารด้วย)
7.ในส่วนของภาครัฐนี่ จะยิ่งล้ำมาก ต่อไปการจ่ายเงินของภาครัฐไปให้กับประชาชน (government to citizens: G2C) เช่น การจ่ายเงินเดือนพนักงานภาครัฐ หรือสวัสดิการภาครัฐพวกเบี้ยชรา ค่านมแม่ การให้เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย เงินคืนภาษีรายได้ รัฐก็จะโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่เราผูกกับเลขบัตรประชาชนได้เลย ในทางกลับกัน เงินที่เราต้องจ่ายให้รัฐ(citizens to government: C2G) เช่น พวกเงินประกันสังคมค่าโอนที่ดิน ค่าปรับจากพี่ตำรวจ ก็จะเป็นอิเล็กทรอนิกส์หมด ประหยัดเวลา ลดต้นทุน ไม่ตกหล่นระหว่างทาง
8.ส่วนการจ่ายเงินของภาครัฐไปให้กับภาคธุรกิจ (government to business: G2B) เช่น การคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม การคืนเงินกู้ยืมจากภาครัฐ และการจ่ายชำระค่าจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ทั้งหมดก็จะเป็นอิเล็กทรนิกส์เช่นกัน
9.ยกตัวอย่างที่สหรัฐ ทางกระทรวงการคลังของสหรัฐได้พัฒนาไปจนถึงขั้นตั้งเว็บไซตกลางขึ้นมาสำหรับการชำระค่าธรรมเนียมภาครัฐ เพื่อให้คนทั่วไปและภาคธุรกิจสามารถชำระเงินค่าธรรมเนียมหลายประเภทให้ภาครัฐได้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าธรรมเนียมศาล การชำระคืนเงินกู้ของธุรกิจขนาดเล็ก ค่าจอดรถสาธารณะ ค่าปรับจราจร ค่าฝึกอบรมพนักงาน เงินบริจาคเงิน หรือ
แม้กระทั่งให้แอดเพิ่มใบแจ้งหนี้สาธารณูปโภคอื่นๆ ที่มีการลงทะเบียนไว้ลงไปได้อีกด้วย แถมยังเลือกได้อีกว่าจะจ่ายครั้งเดียวจบ หรือหักอัตโนมัติทุกเดือนก็ได้ จะเลือกตัดผ่านบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือ PayPal ก็ยังได้ สะดวกกันสุดๆ ไปเลย (ไทยเราจะไปถึงขั้นนี้รึเปล่า ก็รอดูกัน)
10.หรืออย่างที่บราซิลนี่ถือว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ประสบความสำเร็จกับโครงการรัฐให้เงินช่วยเหลือคนยากจนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (G2C)จากเมื่อก่อนการจ่ายยังไม่รวมศูนย์ แต่ละหน่วยงานก็จ่ายกันคนละวิธี บางคนได้เงินแล้วยังได้อีก เรียกว่าการบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ตอนปี 2003รัฐบาลเลยปฏิรูปใหม่ รวมทุกโครงการเข้ามาอยู่ใต้โครงการเดียวคือ Bolsa Familia Program (BFP) แล้วรัฐจะโอนเงินช่วยเหลือผ่านบัตรเงินสด (Electronic Benefit Cards:EBCs) คนรับก็เอาบัตรไปถอนเงินสดตามจุดขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องเอทีเอ็ม หรือซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ลดขั้นตอนและต้นทุนในการบริหารจัดการสวัสดิการภาครัฐ แถมเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนได้ด้วย
#สรุป1 ภาพใหญ่ของ National e-Paymentก็แบ่งเป็น 4 เฟสตามที่เล่าไป พร้อมเพย์นี่แค่จุดเริ่มเท่านั้น พอทำครบทุกโครงการ เราก็จะเข้าสู่สังคมดิจิตอลกันเต็มตัวละ ข้อดีคือความสะดวก คล่องตัว ประหยัดต้นทุนต่างๆ โปร่งใสตรวจสอบได้ เงินไม่รั่วไหลระหว่างทางใครยังไม่ได้สมัครพร้อมเพย์ก็รีบสมัครกัน
#สรุป2 ส่วนเรื่องความปลอดภัยของพร้อมเพย์ที่หลายคนกังวลก็ไม่ด้อยกว่าของเดิมเลย เพราะเอาจริงๆ แล้วตัวพร้อมเพย์มันไม่ได้เป็นบัญชีแบบใหม่ หรือระบบโอนเงินแบบใหม่อะไรนะ มันแค่ช่วยให้คนอื่นโอนเงินเข้าบัญชีเราได้สะดวกขึ้นเท่านั้นเอง และเมื่อมันเป็นระบบออนไลน์แล้ว เราผู้ใช้ก็ต้องคิดถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ไว้ให้มั่น โดยมีข้อหลักๆ ที่ต้องคำนึงไว้ตลอดคือ ข้อมูลส่วนตัวบัตรประชาชนอย่าให้หลุด ระวังว่าเป็นเว็บไซต์หลอกลวงหรือแอพหลอกลวง ไม่ใช้เครือข่ายที่ไม่รู้จัก และระมัดระวังเรื่องยูสเซอร์พาสเวิร์ดให้ดีไม่งั้นจากพร้อมเพย์ จะกลายเป็น #พร้อมเพลีย
โพสต์นี้ได้รับการสนับสนุนข้อมูลจากสมาคมธนาคารไทย ต้องขอแสดงความขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ
……………………………………………
- ขอขอบคุณสรุปใจความ National e-Payment ที่เข้าใจง่ายสุดๆ นี้โดย เพจ #สรุป https://www.facebook.com/in.one.zaroop/ ครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี