วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ขอคิดด้วยฅน
ขอคิดด้วยฅน

ขอคิดด้วยฅน

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
วันจันทร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ค้าขายไร้ระบบ ผู้บริโภคซวย

ดูทั้งหมด

  •  

ปัจจุบัน ใครไปกินอาหารนอกบ้าน ตามภัตตาคารร้านอาหาร เมื่อเรียกเก็บเงิน จะพบว่า ทางผู้ประกอบการไม่ได้เรียกเก็บเงินเท่ากับค่าอาหารที่ปรากฏในเมนูเท่านั้น


ลองเช็คบิลดู มักจะพบว่า มียอดเรียกเก็บเงินเพิ่มขึ้นมาอีกราว 17%

ส่องดูรายละเอียด จะพบว่า เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7%และมีค่าเซอร์วิสชาร์จอีก 10%

ยกตัวอย่าง ถ้าเรากินอาหารไป 1,000 บาท เวลาจ่ายจริง ในบิลก็มักจะเรียกเก็บเพิ่มอีก 170 บาท

เป็น VAT 70 บาท และเซอร์วิสชาร์จอีก 100 บาท

สภาวการณ์เช่นนี้ สร้างความกระอักกระอ่วนใจแก่ผู้บริโภคจำนวนมาก ยิ่งเมื่อได้เงินทอนมาแล้ว มีแบงก์ยี่สิบ มีเหรียญสิบ เกิดความรู้สึกว่ายังจะต้องจ่ายทิปให้พนักงานอีกไหม เพราะทางร้านเรียกเก็บอยู่ในบิลแล้วตั้ง 10%

แต่ถ้าจะไม่ให้ทิป ก็ไม่แน่ใจว่า พนักงานจะได้เงินที่ชาร์จในบิลแล้วจริงไหม

เรื่องนี้ มีประเด็นน่าสนใจ

1.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7%

ระบบจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ในโลกมี 2 ระบบ

1.1 เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ขาย คือ ระบบที่ประเทศไทยและอีกนับร้อยประเทศใช้อยู่

เมื่อรัฐจัดเก็บจากผู้ขาย ผู้ขายก็พยายามผลักภาระภาษีที่ตัวเองต้องจ่ายให้รัฐ โดยบวกเพิ่มในราคาสินค้า

ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ประกอบการรายใดจะบวกเพิ่มได้ทั้งหมดหรือบางส่วน ขึ้นอยู่กับอำนาจต่อรองทางการค้า เช่น สินค้าราคา 100 บาท รัฐเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 บาท ถ้าผู้ประกอบการเกรงว่าตนเองขายในราคา 107 บาท จะไม่มีคนซื้อ ผู้ประกอบการก็จะสามารถผลักภาระภาษีได้ไม่เต็มที่ อาจจะขายเพียง 105 บาท ยอมรับภาระไว้ 2 บาท ผลักให้ผู้บริโภคได้แค่ 5 บาท แล้วแต่การประเมินความสามารถการต่อรองในตลาด ว่าจะผลักภาระได้มากน้อยแค่ไหน

แต่สำคัญ คือ ราคาสุดท้ายที่ปรากฏในป้ายราคานำเสนอต่อผู้บริโภค เป็นราคาสุทธิที่คิดเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก

1.2 เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อ เป็นระบบที่สหรัฐอเมริกาใช้

ระบบนี้ ผู้บริโภคจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มจากราคาสินค้าเอง เช่น สินค้าราคา 100 บาท ผู้ซื้อจะต้องจ่ายเพิ่มภาษีอีก 7 บาท รวมเป็น 107 บาท ถ้าผู้ซื้อคิดว่าแพง ก็จะไม่ซื้อ ผู้ขายจึงต้องลดราคาสินค้าของตัวเองเพื่อจูงใจลูกค้า เช่น ลดราคาสินค้าของตนเหลือ 95 บาท ราคารวมภาษีที่ผู้บริโภคจ่ายก็จะถูกลง เป็นต้น

แต่ละประเทศในโลก ต้องเลือกวิธีจัดการระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เหมาะกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจของตนเอง ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน สำหรับประเทศไทยเลือกแบบแรกมายาวนาน คือ เก็บ VAT จากผู้ขาย

ปรากฏว่า ปัจจุบัน ร้านค้า โรงแรม ร้านหรูๆ ตามห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เสื้อผ้า สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ
มักจะไปแอบบวกเพิ่ม 7% ราวกับว่า ราคาในเมนูหรือในป้ายราคาที่แสดงต่อผู้บริโภคนั้น เป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษี ทั้งๆ ที่ ระบบของไทยเป็นระบบที่ราคาสุดท้ายรวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว ผู้ซื้อไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก ผู้ขายคิดรวมมาก่อนแล้ว ก่อนจะตั้งราคาขายกับผู้บริโภค

เปิดช่องให้ผู้บริโภคเสียเปรียบ

ผู้บริโภคจำนวนมาก ไม่ได้ดูรายละเอียด ที่สำคัญ การทำเช่นนี้ ทำให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบราคาสินค้าของแต่ละร้านยากลำบากเพราะแต่ละร้านทำคนละมาตรฐาน บางร้านรวม บางร้านไม่รวม

คนซวยคือผู้บริโภค

เรื่องนี้ ภาครัฐจะต้องวางกติกาให้ชัดเจน เพื่อความสงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ

ไม่ปล่อยให้ร้านบางร้าน กำหนดเงื่อนไขการซื้อขายฝ่ายเดียว โดยผู้บริโภคเป็นฝ่ายรับกรรม

จะเอาวิธีไหนก็ได้ แต่เอาให้ชัดเจนเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งระบบ

2.เซอร์วิสชาร์จ (service charge) 10-15%

ปัจจุบัน มักปรากฏค่าบริการ หรือเซอร์วิสชาร์จ 10% บวกเพิ่มราคาอาหาร

ในอดีต ประเทศไทยยังไม่มี เริ่มจากธุรกิจโรงแรมที่มีลูกค้าต่างชาติ จากนั้น โรงแรมบ้านเราก็ใส่ลงไป แพร่ไปถึงร้านอาหารที่มีระดับ จับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง หรือตลาดบน กระทั่งปัจจุบัน ภัตตาคารร้านอาหาร ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ก็มักจะมีการเก็บเซอร์วิสชาร์จ 10%

การดำเนินการของทางร้าน จัดการกับเซอร์วิสชาร์จ 3 แบบ

2.1dผู้ประกอบการเก็บไปหมดเลย ไม่แบ่งพนักงาน โดยถือว่าพนักงานได้เงินเดือนจากร้านแล้ว

2.2dผู้ประกอบการแบ่งให้พนักงานบางส่วน ตั้งแต่ 2-5%

2.3dผู้ประกอบการยกให้พนักงานทั้งหมด บางแห่งอาจตั้งเป็นเงินกองกลางของพนักงาน ใช้สำหรับชดใช้แทนพนักงานที่ทำให้เกิดความเสียหาย เช่น แก้วแตก จานบิ่น ของหาย ฯลฯที่เหลือก็ให้พนักงานแบ่งกันทั้งหมด

ที่สำคัญ คือ ทั้งหมดนี้ ผู้บริโภคไม่รู้เลยว่าร้านไหนใช้ระบบแบบไหน

เกิดความอีหลักอีเหลื่อสำหรับผู้บริโภค เพราะไม่รู้ว่าเงินค่าเซอร์วิสชาร์จที่จ่ายไปเข้ากระเป๋าใคร แล้วตนเองจะต้องจ่ายค่าทิปให้กับพนักงานอีกหรือไม่ ไม่รู้ว่ากติกาของร้านนั้นๆ ทำกันอย่างไร

ถ้าพนักงานเป็นคนได้รับค่าเซอร์วิสชาร์จทั้งหมด บางที ลูกค้าก็ยินดีจ่ายให้

แต่ถ้าผู้ประกอบการได้ไปหมด อ้างว่าจ่ายเงินเดือนให้พนักงานแล้ว ลูกค้าก็ไม่มีทางรู้ได้

แล้วแบบนี้ ผู้บริโภคย่อมจะรู้สึกไม่เป็นธรรม เพราะราคาที่แจ้งไว้ในเมนูนั้น ควรจะรวมค่าบริการทั้งหลายไว้หมดแล้ว ซึ่งมันไม่ยากเลยที่ทางร้านจะคำนวณราคาบวกไปอีก 10% เพื่อให้ผู้บริโภคได้เห็นราคาที่ต้องจ่ายจริงๆ จะได้เปรียบเทียบกับร้านอาหารอื่นๆ ว่าราคาแตกต่างกันอย่างไร ขณะที่คุณภาพบริการ บรรยากาศ และองค์ประกอบของแต่ละร้านคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายแค่ไหน

ส่วนค่าบริการของพนักงาน ทางร้านก็ต้องไปตกลงจัดการกันเองกับพนักงาน ให้เกิดความเป็นธรรม พึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย จะจ่ายในเงินเดือนปกติ ไม่ว่าขายได้มากน้อยพนักงานก็ได้รับ หรือจะหัก 10% ของยอดขายไปแจกจ่ายพนักงานเป็นค่าบริการแยกออกไปเลย ก็เป็นเรื่องของผู้ประกอบการกับพนักงาน

สำคัญ คือ หากทุกร้านมีวิธีปฏิบัติตรงไปตรงมา มีมาตรฐานเดียวกัน ผู้บริโภคก็ไม่ถูกเอาเปรียบ ไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจ สามารถจะเปรียบเทียบราคาได้สะดวก ได้ข้อมูลสมบูรณ์ ระบบค้าขายแข่งขันกันเต็มที่

ไม่ปล่อยให้มีการตบตาลูกค้า ซุกซ่อนราคาแท้จริง

ผมเห็นว่า ผู้ประกอบการควรใส่ค่าบริการทั้งหมดไว้ในราคาให้เรียบร้อยเลย ไม่ต้องมาบวกเพิ่มค่าเซอร์วิสชาร์จอะไรอีกแล้ว ผู้บริโภคจะได้รู้ราคาที่ตนเองจะต้องจ่ายตั้งแต่ต้น เงินที่เพิ่มขึ้นมาก็เป็นเรื่องของร้านต้องไปจัดการเองกับพนักงานให้เกิดความเป็นธรรม ส่วนผู้บริโภคจะให้ทิปพิเศษหลังได้รับบริการจากทางร้านหรือไม่ แค่ไหน ก็เป็นดุลพินิจของผู้บริโภคต่างหาก

การวางระบบให้ทุกร้านจะต้องรวมค่าบริการไว้ในราคาให้เสร็จสรรพ จะแก้ปัญหาได้สะเด็ดน้ำ มีประสิทธิภาพกว่าระบบที่ทางการจะไปกำหนดให้ร้านอาหารที่คิดค่าเซอร์วิสชาร์จ ว่าจะต้องติดป้ายให้ชัดเจนที่หน้าร้าน หน้าเมนู หน้าเคาน์เตอร์

เพราะแบบหลังนี้ ก็จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความยุ่งยากในการเปรียบเทียบราคาอยู่ดี เนื่องจากบางร้านมีเซอร์วิสชาร์จ
บางร้านไม่มี แถมการกำกับดูแลก็จะเกิดต้นทุนอีกมากร้านไหนจะใช้ตัวหนังสือขนาดเล็กๆ หรือมีการใช้เทคนิคแพรวพราวอย่างไร

น่าคิดว่า เมืองไทยเรา ชอบเลียนแบบระบบอเมริกัน แต่เลือกหยิบมาใช้เฉพาะด้านที่มาเอาเปรียบ ทั้งๆ ที่ ระบบของเขาด้านที่ไม่เอาเปรียบก็มี วัฒนธรรมของอเมริกันจะต้องทิปเนื่องจากพนักงานบริการเกือบจะไม่ได้เงินเดือน บางคนไม่ได้เงินเดือนเลย จึงต้องหารายได้จากค่าทิป พนักงานร้านอาหารในสังคมอเมริกัน ถ้าไม่ทิป เขาจะไม่พอใจมาก ถึงขนาดแสดงท่าทีเตือน ยกระดับขึ้นก็จะมีการกระแทกกระทั้น ตึงตัง เพราะเขาได้ค่าจ้างน้อยมาก หวังจะได้ทิป 15% ซึ่งระบบของเขาพนักงานจะได้เต็มๆ

อย่างไรก็ตาม มีผู้รู้ในทางกฎหมายบอกว่า การกำหนดค่าเซอร์วิสชาร์จ 10% ในบ้านเรานั้น เป็นการกำหนดเงื่อนไขฝ่ายเดียวผู้บริโภคไม่ได้ตกลงด้วย เพราะการตกลงอยู่ที่ราคาอาหารเป็นราคาที่เข้าใจของผู้บริโภคว่าควรจะได้รับการบริการเรียบร้อย ได้รับอาหารปรุงเสร็จ มาเสิร์ฟที่โต๊ะ เก็บจานไปล้าง ฯลฯ ราคาที่ปรากฏรวมเอาค่าบริการเหล่านี้ไว้หมดแล้ว เมื่อทางร้านตั้งเงื่อนไขเพิ่มเองฝ่ายเดียว ผู้บริโภคมีสิทธิไม่จ่าย

ผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แต่คงไม่เป็นธรรมหากจะยุยงส่งเสริมให้ผู้บริโภคไปแข็งขืน ไม่ยอมจ่าย เพื่อจะต่อสู้ทางกฎหมาย ขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะผมเองก็เคยถือเป็นธุระ เป็นผู้บริโภคที่ใช้บริการสนามบินนครศรีธรรมราช แต่ไม่มีการตรวจอาวุธจากตัวผู้โดยสาร ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับความปลอดภัย ผมจึงไปฟ้องศาลปัจจุบัน คดีก็ยังอยู่ที่ศาลฎีกา เราต้องไปศาล เสียเงิน เสียเวลาดังนั้น เรื่องแบบนี้ สมควรที่รัฐต้องเข้ามาจัดการดูแล หรือมีองค์การอิสระคุ้มครองผู้บริโภคเข้ามาดูแล ฟ้องแทนผู้บริโภคได้ เพราะไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะคนใดคนหนึ่ง รัฐควรดูแล วางระบบที่เป็นธรรม เพื่อความสงบเรียบร้อยส่วนรวม

3. เล่ห์เหลี่ยมการตั้งราคาสินค้าอุปโภคบริโภค

ในซูเปอร์มาร์เก็ต ปัจจุบัน มีสินค้าอุปโภคบริโภคผงซักฟอก ยาสีฟัน สบู่ น้ำอัดลม เบียร์ ฯลฯ หลายยี่ห้อวางเรียงๆ ให้ผู้บริโภคเลือกซื้อ

สินค้าแต่ละตัว จะติดป้ายราคาขายไว้

ปรากฏว่า ปัจจุบัน มีลูกเล่นทางการตลาด ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการตั้งราคาสินค้า

บางราย ผงซักฟอกกล่องขนาด 3,000 กรัม ตั้งราคา 195 บาท ผู้บริโภคเห็นว่าราคาถูก พอคนเริ่มนิยมก็มีลูกเล่น ใช้กล่องแบบเดิม แต่ลดปริมาณสินค้าเหลือ 2,700 กรัม เขียนตัวเล็กๆ แต่ขายราคาเดิม (ราคาเฉลี่ยต่อกรัมก็เขียนไว้ตัวเล็กๆ)

เบียร์บางราย ถูกเก็บภาษีสรรพสามิต ออกขวดใหม่ ลดปริมาณเหลือ 500 ซีซี จากเดิม 650 ซีซี แต่ขายราคาเก่า ทำเนียนๆ ผู้บริโภคไม่รู้ตัวว่าถูกขึ้นราคาสินค้า เป็นต้น

เรื่องใกล้ตัวประชาชนเช่นนี้ ภาครัฐควรวางกติกาให้ชัดเจน จะเอาอย่างไรในการค้าขาย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ตกเป็นเหยื่อ ไม่ถูกหลอกลวง ไม่ถูกตบตา

หน่วยงานรัฐสามารถทำได้ ด้วยการเรียกผู้ประกอบการมาตกลงกัน สินค้าอุปโภคบริโภคแต่ละชนิด จะมีกันกี่ขนาด
กี่ไซส์ ปริมาณที่มันลงตัว เช่น ขนาดกี่กรัม 500 กรัม1,000 กรัม 3,000 กรัม 5,000 กรัม ฯลฯ แล้วแต่ผู้ประกอบการจะตกลงกันเอง (ไม่ใช่กล่องขาด 3,000 กรัม แต่ใส่สินค้ามาขาย 2,700 กรัม)

เหมือนกำหนดพิกัดนักมวย ว่าจะมีรุ่นน้ำหนักเท่าไหร่บ้าง

ส่วนผู้ประกอบการแต่ละรายมีสิทธิเสรีภาพในการแข่งขัน ออกแพ็กเกจ ดีไซน์ ลดราคา พัฒนาคุณภาพ ฯลฯ ในแต่ละรุ่นพิกัดสินค้าที่ออกมาแข่งขันกัน

แบบนี้ จะง่ายสำหรับผู้บริโภค ที่จะพิจารณาตัดสินใจบนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง เที่ยงธรรม ว่าราคาสินค้าของแต่ละยี่ห้อ
ปริมาณเท่าๆ กัน ราคาต่างกันอย่างไร

4. ค้าขายเป็นธรรม ผู้บริโภคไม่ต้องรับกรรม

ทั้งหมด เป็นเรื่องของผู้ซื้อผู้ขาย ที่ผู้บริโภคมักถูกเอาเปรียบ

ผู้บริโภคประกอบด้วยรายย่อยๆ จำนวนมาก แม้ถูกเอาเปรียบ ก็มักจะรู้สึกว่าเสียหายไม่มาก ไม่คุ้มที่จะไปดำเนินการเกิดภาวะจำยอมเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เซอร์วิสชาร์จ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ยอมจ่ายๆ ไปแม้จะอีหลักอีเหลื่อ ไม่แน่ใจว่าพนักงานบริการจะได้ 10% หรือไม่ แล้วก็จ่ายทิปอีกนิดหน่อยเพื่อให้ตนเองสบายใจ เช่นเดียวกับการกำหนดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในซูเปอร์มาร์เก็ต ผู้บริโภคก็ตาดีได้-ตาร้ายเสีย เหมือนถูกปั่นหัวด้วยกลวิธีตั้งราคาแบบซุกซ่อน ลดปริมาณ อำพรางปริมาณ ฯลฯ

ระบบที่ไม่ชัด ไม่โปร่งใส เปิดทางให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ

รัฐควรเข้ามากำกับดูแล วางระบบกติกาที่ชัดเจน เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง หรือ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค

ถ้าอยากใช้ระบบอเมริกัน ก็ควรทำทั้งระบบ ครบทั้งกระบวนการ เช่น เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อ ทุกอย่างทุกประเภท
แต่ถ้ายืนยันจะใช้ระบบเดิม เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ขาย ราคาที่เสนอขายแก่ผู้บริโภครวมหมดแล้ว ก็ควรทำให้ชัดเจน เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งระบบ อย่าอีหลักอีเหลื่อ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
14:01 น. ‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568
13:50 น. ‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก
13:42 น. ตร.เชียงรายดักรวบ! ‘คู่หูไทย-ลาว’ ขนเฮโรอีน60กิโลกรัม-คารถทัวร์มุ่งหน้าเข้ากรุง
13:40 น. ‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’
13:32 น. ‘พล.อ.ณัฐพล’รับเงื่อนไขกัมพูชา ให้‘สหรัฐ-จีน’ส่งผู้สังเกตการณ์ประชุมจีบีซีเฉพาะ 7 ส.ค.
ดูทั้งหมด
สลด! ดับ 6 ศพ รวมมือปืน เหตุกราดยิงภายใน‘ตลาด อตก.’
เด็ดปีกขุนศึกคู่ใจฮุน เซน! ‘พล.อ.สรัย ดึ๊ก’เสียชีวิตแล้ว จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
แตกกระเจิง! หน่วยรบพิเศษกัมพูชาแตกทัพ ถอดเครื่องแบบวิ่งหนีกลับประเทศ
โป๊ะแตกคาด่าน! พบรองเจ้าอาวาส ถอดจีวรเปลี่ยนชุดหล่อ นั่งรถเที่ยวสวีทสีกา
ปักธงชาติไทย'ภูมะเขือ-ช่องอานม้า-ตาเมือนธม-ตาควาย-ช่องบก' เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
ดูทั้งหมด
ทักษิณ ต้นเหตุของความวิบัติแห่งชาติ?
หมอผีออกศึก (2)
บุคคลแนวหน้า : 2 สิงหาคม 2568
กัมพูชาปรามแก๊งไซเบอร์สแกม แบบขายผ้าเอาหน้ารอด
ไทยได้เปรียบกัมพูชา : ตลกร้ายของรัฐบาลเป็ดง่อย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568

‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก

เจอหลักฐานใหม่!! 'อ.ปริญญา'ชี้'ฮุนเซน-ฮุนมาเนต'ละเมิดรัฐธรรมนูญตัวเอง

‘พล.อ.ณัฐพล’รับเงื่อนไขกัมพูชา ให้‘สหรัฐ-จีน’ส่งผู้สังเกตการณ์ประชุมจีบีซีเฉพาะ 7 ส.ค.

มวลชนรวมพลังแผ่นดิน เกาะติดแกนนำปราศรัย ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ (ประมวลภาพ)

รัฐบาลจัดไว้อาลัย ปชช.ผู้บริสุทธิ์ เหตุเขมรยิงBM-21 เข้าใส่พลเมืองไทย

  • Breaking News
  • ‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568 ‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568
  • ‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก ‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก
  • ตร.เชียงรายดักรวบ! ‘คู่หูไทย-ลาว’ ขนเฮโรอีน60กิโลกรัม-คารถทัวร์มุ่งหน้าเข้ากรุง ตร.เชียงรายดักรวบ! ‘คู่หูไทย-ลาว’ ขนเฮโรอีน60กิโลกรัม-คารถทัวร์มุ่งหน้าเข้ากรุง
  • ‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’
  • ‘พล.อ.ณัฐพล’รับเงื่อนไขกัมพูชา ให้‘สหรัฐ-จีน’ส่งผู้สังเกตการณ์ประชุมจีบีซีเฉพาะ 7 ส.ค. ‘พล.อ.ณัฐพล’รับเงื่อนไขกัมพูชา ให้‘สหรัฐ-จีน’ส่งผู้สังเกตการณ์ประชุมจีบีซีเฉพาะ 7 ส.ค.
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ  ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

28 ก.ย. 2563

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

20 ก.ย. 2563

จดหมายเปิดผนึก  ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

จดหมายเปิดผนึก ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

14 ก.ย. 2563

ดีใจ  คนรุ่นใหม่คิดเป็น

ดีใจ คนรุ่นใหม่คิดเป็น

7 ก.ย. 2563

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

31 ส.ค. 2563

ห่วงประเทศ

ห่วงประเทศ

24 ส.ค. 2563

กินและบิณ

กินและบิณ

17 ส.ค. 2563

บ่อนทำลายประเทศไทย

บ่อนทำลายประเทศไทย

10 ส.ค. 2563

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved