ไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมการเกษตร การที่ระบบเศรษฐกิจของไทยขยายตัวเติบโตมากขึ้นจนกำลังจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่ใกล้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นเดียวกับไต้หวัน เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์นั้นส่วนหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวกับผลผลิตด้านเกษตรกรรม เช่น อ้อย ข้าวโพด ข้าว ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ยาสูบและพืชผักผลไม้นานาพันธุ์ ได้แก่ แตงโม สับปะรด ส้มโอ ส้ม ลำไย น้อยหน่า ทุเรียน ฯลฯ
อุตสาหกรรมการเกษตรอุตสาหกรรมหนึ่งคืออุตสาหกรรมยาสูบซึ่งถูกจัดเป็นรายได้ที่ก่อให้เกิดภาษีอากรที่เรียกว่าภาษีบาปซึ่งได้แก่ บุหรี่ซิกาแรต บุหรี่ไฟฟ้า ยาเส้นมวนเอง ยาเคี้ยว ยาเส้นกล้องและซิการ์ สำหรับประเทศไทยนั้นเอ็นจีโอด้านสาธารณสุขได้ต่อต้านอุตสาหกรรมยาสูบซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนที่เป็นเกษตรกรทั่วประเทศรวม 21 จังหวัด มีจำนวนคนที่เกี่ยวข้องประมาณ 300,000 ครอบครัว เป็นจำนวน 1 ล้านคน
เกษตรกรที่ปลูกใบยาสูบ 4 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์พื้นเมือง เวอร์จิเนีย เตอร์กิช และเบอร์เล่ย์ อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ตาก แพร่ น่าน เพชรบูรณ์ สุโขทัย เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน เลย มหาสารคาม ขอนแก่น สกลนคร นครพนม หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู นครศรีธรรมราช และอุดรธานี
ปัญหาสำคัญที่ก่อผลกระทบกับอุตสาหกรรมยาสูบของไทยก็คือการที่รัฐบาลซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังเห็นด้วยกับเอ็นจีโอ นั่นคือการไม่ลืมหูลืมตาดูความเป็นจริงของโลกภายนอกประเทศไทย จริงอยู่การสูบบุหรี่และบริโภคยาสูบนั้นทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคมะเร็ง โรคทางเดินหายใจ โรคปอดและโรคถุงลมโป่งพอง เนื่องจากบุหรี่ซิกาแรตมีสารปรุงแต่งและสารทาร์ ในขณะที่สารนิโคตินที่ทำให้คนสูบติดรสชาติบุหรี่นั้นไม่มีอันตรายกับร่างกายเช่นเดียวกับสารกาเฟอีนในชาและกาแฟ
ปัจจุบันอุตสาหกรรมบุหรี่และยาสูบยุคใหม่ได้มีการพัฒนาระบบการได้สารนิโคตินจากใบยาสูบมาเป็นของเหลวเป็นน้ำทำให้เกิดอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าที่หลายๆประเทศได้ยอมรับว่าการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าลดอันตรายจากการป่วยเป็นโรคมะเร็งและโรคทางเดินหายใจได้มากกว่า 99%
ประเทศในกลุ่มอาเซียนทุกประเทศยกเว้นประเทศไทยได้ยอมให้มีการผลิตและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเพราะเห็นว่าไม่มีอันตราย มีเพียงประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้นที่ถือว่าบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายมีการห้ามนำเข้า มีบทลงโทษจับกุมผู้ที่มีบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งทำให้เป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมคนไทยและชาวต่างชาติที่มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครองซึ่งก่อให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่บางคนได้
ในขณะนี้ประเทศไทยมีการเก็บภาษีสรรพสามิตจากอุตสาหกรรมยาสูบอยู่ในอัตราที่สูงลิ่วจนถือเป็นการทำลายอุตสาหกรรมนี้ในขั้นรุนแรงที่สุดเรียกว่าเป็นการทำลายล้มอุตสาหกรรมนี้อย่างแท้จริง ย้อนหลังไปเมื่อปี 2515 อุตสาหกรรมยาสูบของไทยมีผู้ผลิตบุหรี่ซิกาแรตแห่งเดียวคือการยาสูบแห่งประเทศไทย(กยส.)ที่ได้มาจากการเวนคืนกิจการของบริติชอเมริกันโทแบคโก(BAT) เมื่อปี 2482
ในปี 2515 ราคาบุหรี่ก้นกรองมาตรฐานราคาจำหน่ายปลีกซองละ 6 บาท ในขณะที่เบียร์ขวดละ 12 บาท ปัจจุบันปี 2561 บุหรี่ซิกาแรตราคาซองละ 60 บาท เบียร์ราคาขวดละ 56 บาท เทียบแล้วบุหรี่ราคาสูงขึ้นร้อยละ 900 หรือ 54 เท่าตัวในเวลา 46 ปี ส่วนเบียร์นั้นราคาสูงขึ้นร้อยละ 366.66 หรือ 3.66 เท่าตัว ในเวลา 46 ปีเท่ากัน
ผลจากการที่ระบบการจัดเก็บภาษีที่มองอุตสาหกรรมยาสูบเป็นผู้ร้ายเกินสมควรทำให้อุตสาหกรรมทั้งต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำใกล้ล่มสลายเต็มทีเมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา สมาคมชาวไร่ยาสูบสุโขทัยได้ร่วมประชุมกับภาคียาสูบประเทศไทย ได้แก่ ผู้แทนจากการยาสูบแห่งประเทศไทยในพื้นที่ที่สำนักงานการยาสูบสุโขทัย,ผู้แทนบริษัทยาสูบต่างประเทศที่รับซื้อใบยาจากไทยไปจำหน่ายให้บริษัทผลิตซิกาแรตในกลุ่มอาเซียนซึ่งเป็นการส่งออกไปจำหน่ายที่ฟิลิปปินส์,เวียดนาม,อินโดนีเซีย และมาเลเซีย และสมาคมผู้บ่มใบยาสูบอิสระได้ประชุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วย
ผู้แทนของผู้มาร่วมประชุม ได้แก่ นายสุครีพ บุญชุ่มนายกสมาคมชาวไร่ยาสูบสุโขทัย,นายสุธี ชวชาติ นายกสมาคมผู้ค้าใบยาสูบลำปาง,นายอรุณ โปธิตา นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเชียงใหม่,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตสส.สุโขทัยหลายสมัยในฐานะผู้แทนของกลุ่มการเมืองสามมิตรและพลโทสุรพล ตาปนานนท์ ผู้แทนจากกอ.รมน. กองทัพบก
นายสุครีพเผยว่าผลกระทบจากการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาทำให้ยอดขายบุหรี่ของกยส.ลดลงอย่างฮวบฮาบ จากปีละ 29,000 ล้านมวน เหลือเพียง 17,000 ล้านมวน ซึ่งลดลง 12,000 ล้านมวนหรือร้อยละ 41.37
ทำให้กยส.มีใบยาค้างสต๊อกไปจนถีงปีงบประมาณ 2566 และกยส.ประกาศลดการรับซื้อใบยาสูบทุกพันธุ์สำหรับสุโขทัยนั้นมีโควตารับซื้อปีละ 5.3 ล้าน กก. เหลือเพียง 2.77 ล้านกก. ลดลงไปร้อยละ 52 ทำให้ประชาชนที่เป็นเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบเดือดร้อนหนักถึงขั้นหมดอาชีพล้มละลายในปีหน้า 2562 นี้
และปีหน้ารัฐบาลมีแผนจะเพิ่มภาษีอีกซองละ 2 บาท ตามโครงการบัตรทองของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งจะทำให้มีการปรับราคาบุหรี่มาตรฐานจากซองละ 60 บาท เป็นซองละ 90 บาท ซึ่งจะทำให้กยส.เจ๊งทันทีและต้องจะต้องปิดโรงงานผลิตบุหรี่ซิกาแรตที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะไปโดยทันทีเช่นเดียวกัน
ทางด้านพลโทสุรพลและนายสมศักดิ์ได้แจ้งให้ที่ประชุมเกษตรกรทราบว่าจะส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรชี้แจงให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบปัญหาเมื่อวันที่ 6 กันยายน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาโดยด่วนแล้ว
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี