แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมความดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้… (พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2512)...
nn วันที่ 4 - 8 กุมภาพันธ์ 2562 น่าจะเป็นช่วงแห่งวันเวลาที่ผู้ซึ่งปรารถนาจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของไทยมีความสุขมากที่สุด เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ กกต. เปิดรับสมัคร สส. ทั้งชนิดแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ แต่ที่สำคัญคือประชาชนชาวไทยจะได้เห็นกันเสียทีว่า ใครหน้าไหนจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งคนต่อไป ส่วนเมื่อประชาชนได้เห็นรายชื่อผู้สมัคร สส.และผู้ที่ถูกเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะฝันร้ายหรือฝันดี ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป...
nn พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกวิพากษ์ว่าเป็นพรรคการเมืองของรัฐบาลคสช. ส่งเทียบเชิญ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปในนามพรรค เรียบร้อยแล้ว โดยส่งเทียบเชิญ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลันเมื่อข่าวนี้ปรากฏ ก็ทำให้มีเสียงวิจารณ์ว่าใช้พื้นที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ราชการ ส่วนทางที่ดีที่เหมาะควรจะไปส่งเทียบเชิญที่บ้านส่วนตัวของประยุทธ์ แต่เมื่อมีเสียงติง ก็มีเสียงเชียร์สวนขึ้น โดยบอกว่าก็ในเมื่อเชิญนายกรัฐมนตรี ก็ต้องไปเชิญในที่ทำงาน จึงจะเหมาะสม และเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็ไม่ผิดอะไร เนื่องจากคนเชิญเขาไปเชิญเอง นายกรัฐมนตรีมิได้สั่งให้เขาไปเชิญ เรื่องนี้มองต่างมุมกันไป ว่าแต่ว่า กกต. จะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้
ประชาชนรอฟังอยู่...
nn จุดขายทางการเมืองที่สำคัญในตัวของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือความสงบเรียบร้อยของสังคมไทย เพราะตั้งแต่รัฐบาลคสช. ขึ้นมามีอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สังคมไทยก็ห่างหายไปจากการประท้วงขนาดใหญ่โดยสิ้นเชิง แม้นักการเมืองหลายคนจากกลุ่มอำนาจเดิมจะพยายามเขี่ยลูกให้เกิดการประท้วงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทว่าไม่มีใครหน้าไหนสามารถจุดไฟการประท้วงให้ติดขึ้นมาได้ เนื่องจากมีอำนาจเด็ดขาดของกองทัพกดทับไว้อย่างแน่นหนา ดังนั้น พวกเขี่ยลูกก็จึงผิดหวังไปตามๆ กัน ครั้นจะให้นักการเมืองจอมเขี่ยลูกออกมานำหน้าขบวนประท้วงเอง ก็ไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะคนขี้ขลาดตาขาวเหล่านั้นทำได้แค่เพียงหลอกให้คนอื่นไปตายแทนตนเองเท่านั้น...
nn การเลือกตั้ง สส. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม นี้ ไม่ได้ทำให้ประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งรู้สึกตื่นเต้นมากนัก เพราะเมื่อเห็นรายชื่อและเห็นหน้าผู้สมัคร สส. แล้วก็พบว่าส่วนใหญ่ยังเป็นพวกหน้าเก่า เน่าเหมือนเดิม ส่วนที่พอจะมีหน้าใหม่แซมๆ ออกมาบ้าง แต่พอสืบค้นลงไป ก็พบว่าหลายคนเป็นโคตรเหง้าศักราชของนักการเมืองเน่าๆ กลุ่มเดิมๆ แต่พวกหน้าใหม่จริงๆ นั้น ก็ไม่พ้นไม้ประดับการเมือง ที่ไม่สามารถทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนรูปโฉมไปจาก
วังวนเน่าๆ แบบเดิมๆ ได้...
nn หากคุณมีเวลาว่างมากพอ แล้วต้องการดูว่ามีนักการเมืองเก่า เน่าเฟะ รวมถึงโคตรเหง้านักการเมืองเน่าๆ ลงสนามการเลือกตั้งครั้งหน้ากี่คน ลองเก็บสถิติดูเอาเองก็แล้วกันว่า ในเขตเลือกตั้งทั้งหมด 250 เขต มีคนหน้าเดิมกี่คน และมีคนนามสกุลเดียวกัน หรือเป็นผัวเมีย พี่น้อง ลูกหลานกันกี่มากน้อย ไม่ต้องอะไรมากเลย แค่ดูรายชื่อผู้สมัคร สส. ของพรรคใหญ่พรรคหนึ่งก็ซึ้งแล้ว เพราะมี สส. หน้าเก่าเกือบครึ่ง แต่ถ้านับรวมโคตรเหง้าศักราชของ สส. หน้าเก่าเข้าไปด้วย ก็จะมีจำนวนเกือบสองในสามของผู้สมัครในพรรค นั้น เมื่อเห็นภาพเช่นนี้แล้ว ก็อยากจะถามต่อไปว่า แล้วจะไปคาดหวังอะไรที่แปลกและใหม่จากการเมืองไทย...
nn อย่าว่าอะไรมากเลย ไม่ต้องดูอะไรอื่นไกลที่ไหนหรอก ดูจากพรรคที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. รับเป็นนายกรัฐมนตรีให้ก็พอแล้ว เพราะในพรรค ที่ว่านั้นก็เต็มไปด้วยนักการเมืองหน้าเก่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าประยุทธ์ยังจำได้ไหมว่า เคยตำหนิหรือประณามนักการเมืองหน้าเก่าๆ ไปอย่างไรบ้าง ในช่วงที่เพิ่งทำรัฐประหารสำเร็จเสร็จสิ้นใหม่ๆ...
nn ปิดท้ายด้วยเรื่องมีสาระที่ชวนให้คนไทยร่วมกันคิด ร่วมกันทำเพื่อทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้ามากกว่าเดิม คำบอกเล่านี้มาจากนักวิจัยคนไทยรายหนึ่ง ที่ไปทำงานในสถาบันปาสเตอร์ (Pasteur Institute) กรุงปารีส ฝรั่งเศส เขาบอกว่า อันที่จริงทุนทำวิจัยในประเทศไทยนั้นยังพอมี และมีไม่น้อย แต่ว่าสังคมไทยใช้ทุนทำวิจัยแบบอีลุ่ยฉุยแฉก กระจายเป็นเบี้ยหัวแตก แต่ที่มากกว่านั้นคือ การทำวิจัยในเมืองไทยนั้นไม่เคยคิดอะไรที่ไกลเกินไปกว่าเรื่องภายในประเทศ แถมยังไม่มีความสามัคคีในหมู่คนทำวิจัย ธรรมกรขอบอกตรงๆ ว่าเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แล้วก็ต้องบอกว่ารัฐบาลไทยไม่เคยมีวิสัยทัศน์ในเรื่องการทำวิจัย ส่วนนักวิชาการไทยก็แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า ถือตัวถือตน แสดงความยิ่งใหญ่ข่มกันเอง ไม่เคยเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ นี่คือความจริงที่น่าสมเพชของสังคมไทย...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี