ข่าวเรื่อง พรรคไทยรักษาชาติ เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค เป็นข่าวใหญ่ดังไปทั่วโลก
บทความของผมคงจะมีมุมมองที่วิเคราะห์ข่าวต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ในหลายๆ ด้าน เสริมจากที่สื่อนำเสนอ
ผมจึงขอเสนอแนวคิดจากเหตุการณ์บางอย่างให้ผู้อ่านนำไปพัฒนาเพื่อหาความรู้ ความเข้าใจ อาจจะเป็นมุมมองจากการวิเคราะห์ที่เน้น Value Diversity (สร้างคุณค่าจากความหลากหลาย) คือวิเคราะห์จากความหลากหลายมิติ เพื่อผู้อ่านได้นำไปพัฒนาและเป็นแบบอย่างในสังคมที่ดี
สิ่งแรกคือ การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งประกอบด้วย
- ความรวดเร็ว
- คาดไม่ถึง
- ความไม่แน่นอน
โดยเฉพาะในช่วง วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมาทุกคนในประเทศไทย ต่างวิตกว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ละกลุ่มจะปรับตัวอย่างไร
ผมเอง มีข้อสงสัยตั้งแต่ช่วง เมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมาว่า ทำไมมีหัวหน้าพรรคชื่อ ร้อยโทปรีชาพล พงษ์พานิช ซึ่งถือว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่
คำถามแรกคือ เพราะพรรคไทยรักษาชาติต้องการเน้นคนรุ่นใหม่หรืออย่างไร ไม่เข้าใจสาเหตุจริงๆ เพราะร้อยโทปรีชาพลเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่มากที่ยังไม่มีผลงานและยังไม่มีบทบาทเด่นขนาดเป็นหัวหน้าพรรคได้
ยังไม่เห็นว่าทำอะไรทางด้านการเมือง แต่ที่ทราบเป็นคนคิดเรื่องนาฬิกาลุงป้อม ทำให้คะแนนนิยมของ คสช. ตกต่ำทำให้ถูกใจใครบางคนในต่างประเทศ
จากสิ่งแรกที่ผมสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นร้อยโทปรีชาพล แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นก็มีสื่อหลายแห่งบอกว่า “ตั้งขึ้นมาเพราะไม่มีประสบการณ์”เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นมีบางคนบอกว่าหลอกเด็ก
ซึ่งอาจจะแปลได้ว่ามีแผนลึกซึ้งคิดไว้มานานแล้ว ยิ่งการตั้งกรรมการบริหารพรรคยังรุ่นเด็กๆ เป็นลูกและญาติพี่น้องนักการเมือง ไม่มีนักการเมืองที่มีคุณภาพ อย่างคุณจาตุรนต์และณัฐวุฒิ เป็นกำลังสำคัญ
ก่อนวันที่ 8 เริ่มมีข่าวลือแปลกๆ เรื่องการเสนอชื่อการเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ ก่อนหน้านั้น มีข่าวว่าคุณจาตุรนต์และคุณปรีชาพลจะถูกเสนอชื่อแน่ๆ และต่อมาข่าวออกมาอีกว่าตัวเขาจะไม่มีชื่อในการเสนอเป็นนายกฯแน่นอน
ในขณะที่พรรคไทยรักษาชาติปล่อยข่าวลือว่าบุคคลที่จะเสนอชื่อจะทำให้คนไทยตะลึงอย่างคาดไม่ถึง
ขณะเดียวกันก่อนวันที่ 8 คนไทยพูดกันว่าจะเป็นทูลกระหม่อมฯแต่ไม่เป็นที่ยืนยัน แต่แปลกใจที่ต่างประเทศ หรือเครือข่ายคุณทักษิณมีข่าวออกมาก่อนวันที่ 8 ว่าเป็นทูลกระหม่อมฯ
ผู้อ่านคงพอจะวิเคราะห์ได้ ที่น่าสนใจมากคือ ช่วง 09.00 น. ซึ่งถ้าใครจำบรรยากาศวันนั้นที่ กกต. หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรครวมทั้งฝ่ายกฎหมายมาถึง กกต. มีสีหน้าความรู้สึกที่เชื่อมั่นในความสำเร็จและภาคภูมิใจหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมีผลกระทบต่อชาติบ้านเมืองอย่างมหาศาล
และช่วงนั้นการแถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศเต็มไปด้วย ความมั่นใจ เชื่อมั่น คิดว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ซึ่งบทเรียนเช่นนี้ไม่ได้มีแต่การเมือง มีทุกสาขา เมื่อเราอายุยังน้อยอาจคิดว่าได้ทำอย่างโรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องคิดไว้บ้างว่าเรายังมีประสบการณ์ไม่พอ ต้องระวังบทเรียนวันนี้ สำคัญมากๆ เพราะความเป็นเด็กประสบการณ์ยังน้อยคิดในมุมเดียว ยังไม่ได้พบความล้มเหลว ซึ่งผมมักสอนลูกศิษย์เสมอว่า การมีความล้มเหลวคือบทเรียนที่ดีซึ่งภาษาอังกฤษมี 2 คำ
- Pain is gain ความล้มเหลว เป็นบทเรียน
- Learning from adversity เรียนรู้จากการ
เอาชนะอุปสรรค
ดังนั้นในช่วงวันที่ 8 ที่ผ่านมาข่าวที่ทำให้คนไทยวิตกกังวลมาก ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลายคนมองว่าจะสร้างปัญหา อีกฝ่ายก็ดีใจอย่างมากคิดว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหา คนชั้นกลางในกรุงเทพฯก็แชร์ข้อมูลกันที่เป็นผู้ใหญ่ส่วนมากก็วิตกไปทางลบ
พอ 5 ทุ่ม ของวันที่ 8 ก็มีพระราชโองการซึ่งผมคิดว่า
1. พระราชโองการเขียนได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
2. ทำให้ภาพต่างๆ ชัดเจน
3. ทำให้คนไทยที่รักชาติและมีประสบการณ์โล่งใจ สื่อหลายสำนักบอกว่า คืนนี้ นอนหลับแล้ว
ในที่สุดหัวหน้าพรรค ร้อยโทปรีชาพล หายตัวไปหลายวันและที่พรรคก็เงียบเหงา บัดนี้ กกต.ส่งการยุบพรรคไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
ส.ศิวรักษ์ (สุลักษณ์ ศิวรักษ์) นักเขียนนักวิชาการอิสระอาวุโสวัย 86 ปี ก็ได้ให้สัมภาษณ์ บีบีซีไทยต่อ “ปรากฏการณ์ 8 กุมภาฯ” ไว้อย่างน่าสนใจว่า “พระเจ้าอยู่หัวมีความสามารถมาก ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเร็ว เพราะฉะนั้นก็ออกพระราชโองการมาทันทีทันใดเลย... เมื่อประกาศออกมาแล้ว ในสังคมไทย วัฒนธรรมไทยคำประกาศนั้นศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถที่มีใครจะหลีกเลี่ยงได้”
“ต้องดูกันต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ในรายการของผมที่วิทยุ FM 96.5 MH.z พูดว่า “ประเทศไทยโชคดีกว่าหลายประเทศ” เช่น ประเทศเวเนซุเอลา, ซีเรีย, อัฟกานิสถาน ที่ต้องทุกข์ทรมานแต่ ประเทศไทยยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่พึ่งของชาวไทยให้รอดพ้นจากความวิกฤติ
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี