ในหลายๆ ประเทศโดยเฉพาะในประเทศเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นแบบผู้นำแบบพรรคเดียว แบบทหาร หรือแบบประชาธิปไตยที่ไม่เสรี (คือใช้หนทางประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง แล้วกลายตนมาเป็นเผด็จการเสียงข้างมาก) ทั้งหมดนั้น ต่างจะต้องขจัดคู่ต่อสู้ผู้ที่อาจหาญท้าชิงอำนาจ หรือแย่งชิงอำนาจออกไปให้สิ้นซาก ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติมนุษย์ ในสังคมการเมืองแบบอำนาจนิยม หรืออำนาจผูกขาด
ในขณะเดียวกัน อีกหลายๆ ประเทศที่ไม่ได้เป็นเผด็จการ ก็จะเป็นการต่อกรระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยม (ซึ่งมักจะนำพาโดยฝ่ายกองทัพ) กับฝ่ายขบวนการภาคประชาชน ซึ่งอาจจะเป็นในรูปแบบของศาสนานิยม ชนชาติพันธุ์นิยม หรืออุดมการณ์การเมืองหนึ่งใดนิยม หรือจะจัดเป็นการต่อกรระหว่างกลุ่มอำนาจเก่า กับกลุ่มอำนาจใหม่ก็ว่าได้
อย่างไรก็ดี เมื่อมีการต่อกรกัน ก็ต้องมีผลแพ้ชนะ ฝ่ายชนะก็เข้ายึดอำนาจ หรือหากชนะอยู่ก่อนแล้ว ก็คือการป้องกันตำแหน่งไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะตามล้างตามเช็ดคู่อริที่ยังหลงเหลืออยู่ต่อไปอย่างไม่ลดละ บ้างก็ถอนรากถอนโคน หรือไม่ก็ให้ล้มไปโดยไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้อีก
ก็มี 2 กรณีประเทศที่จะขอยกมาเป็นตัวอย่าง เพื่อเทียบเคียงกับประเทศไทยภายใต้การนำพาในบางโอกาสของฝ่ายกองทัพไทย หรือไม่ก็ภายใต้ “เงา” อำนาจและอิทธิพลของฝ่ายกองทัพกับการเมืองไทยมาโดยตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475
ที่ประเทศอียิปต์นั้น ตลอดมาก็เป็นการขับเคี่ยวต่อกรระหว่างฝ่ายกองทัพ ที่ร่วมมือกับฝ่ายที่ไม่พึงประสงค์ให้ศาสนาเป็นใหญ่ทางการเมือง (Secular) กับฝ่ายขบวนการศาสนาการเมืองในชื่อของ The Muslim Brotherhood (ภราดรภาพมุสลิม) ซึ่งประสงค์ให้สังคมอยู่ภายใต้
การปกครองของศาสนา
ล่าสุด ฝ่ายกองทัพก็ได้ทำการปฏิวัติล้มรัฐบาลพวกภราดรภาพมุสลิม แล้วก็ทำการเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ที่เอื้ออำนาจความได้เปรียบให้กับทางฝ่ายกองทัพ และเครือข่ายทางการเมือง ควบคู่ไปกับการไล่ต้อนทำลายล้างพวกภราดรภาพมุสลิมจนทุกวันนี้
เช่นเดียวกับที่ประเทศตุรกี รัฐบาลประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน แห่งพรรคความยุติธรรมและการพัฒนา เพิ่งประสบความสำเร็จในการขจัดอำนาจฝ่ายกองทัพออกไปจากแวดวงการเมืองตุรกีได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยอาศัยความเด็ดเดี่ยวของการเป็นผู้นำ ผสมกับการบริหารประเทศที่ตอบสนองความอยู่ดีกินดีของชาวตุรกี และยังเสริมสร้างสถานะของตุรกีในการเมืองระหว่างประเทศ ผ่านทางนโยบายการทูตที่แยบยล
แต่ปัญหาในการครองและคงอำนาจของรัฐบาลประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน นั้นมิได้จบแค่การตีกรอบฝ่ายกองทัพ หากแต่จะต้องเผชิญกับขบวนการทางการเมืองแบบศาสนานิยม (ในทำนองเดียวกันกับขบวนการภราดรภาพมุสลิมของอียิปต์) ภายใต้การนำพาของ นายเฟตุลเลาะห์ กูเลน (Fethullah Gulen) ซึ่งลี้ภัยทางการเมืองอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และถูกข้อหาว่า เป็นผู้ผลักดัน เป็นตัวตั้งตัวตีในการปฏิวัติรัฐประหารที่ล้มเหลวในตุรกีเมื่อปี ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) ต่างหาก โดยในครั้งนั้น บรรดาข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่รัฐบาลประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน เชื่อว่าเป็นสมัครพรรคพวกของ นักบวช กูเลน ได้ถูกปลดออกจากงานเป็นแสนคน และบางส่วนยังถูกศาล (เตี้ย) ตัดสินให้จำคุก
การดำเนินการกวาดล้างอย่างไม่สิ้นสุดได้ขยายตัวออกไปเรื่อยๆ โดยล่าสุด คือเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็ได้มีการประกาศรายชื่อเพื่อการจับกุม กวาดล้างอีก 1,000 กว่าคน นอกจากนั้น รัฐบาลตุรกีก็ยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาส่งตัว นักบวช กูเลน มาขึ้นศาลที่ตุรกีอย่างไม่ลดละ (ซึ่งถือเป็นข้อบาดหมาง คาใจ ระหว่างทั้งสองประเทศอย่างมากในยุคหลัง)
ที่ยกตัวอย่างทั้งกรณีของอียิปต์และตุรกีขึ้นมา ก็เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่เจ้าของอำนาจรัฐของ 2 ประเทศนี้ เขาต่างรู้ว่า ภัยความมั่นคงของฝ่ายตน และของชาติในมุมมองของตนเองนั้นคือใคร และมุ่งดำเนินการจัดการกันอย่างเด็ดขาด
น่าเสียดายแท้ๆ ที่คนไทยทั้งชาติเขารู้ว่า “ใคร” ที่สร้างปัญหาให้กับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรไทยมาเป็นเวลานาน และยังคงมุ่งหน้าบ่อนทำลายต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด ในขณะที่ฝ่ายกองทัพไทยซึ่งได้ปฏิวัติรัฐประหารมาถึง 2 ครั้งในช่วง 10 ปีนี้นั้น มัวแต่นิ่งเฉย ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว มิได้ดำเนินการตีกรอบ ไล่ต้อนผู้เป็นศัตรูแห่งชาติ
ในวันนี้ “เขา” คนนั้น ได้รุกไล่ความมั่นคงของรัฐบาลทหาร รวมทั้งความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรไทยต่อหน้าสาธารณชนอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ถ้าหากผู้นำยังไม่กล้าลงมือทำอะไรเพื่อเป็นการตอบโต้พฤติกรรมอันเลวร้ายนี้แล้วล่ะก็ ก็อย่าพยายามคิดจะอยู่ในอำนาจต่อไปอีกเลย
เพราะยิ่งอยู่ แล้วไม่ทำอะไร สังคมไทยก็ยิ่งยุ่งเหยิง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี