ปัญหากระทบกระทั่งเรื่องของลิ้นกับฟันจนต้องฟาดฟันใกล้จะเป็นสงครามระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในชมพูทวีปหรือเอเชียใต้ของสาธารณรัฐอินเดียกับสาธารณรัฐปากีสถานในห้วงเวลาของเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่หมดไปทำให้ไทยและนานาชาติต้องได้รับผลกระทบสายการบินของไทยต้องเปลี่ยนเส้นทางบินไปยุโรปเพราะปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าของประเทศและใช้ขีปนาวุธยิงเครื่องบินรบมิก-21 ของอินเดียตกไป 2 เครื่อง ที่บริเวณเส้นเขตแดนของรัฐแคชเมียร์หรือกัษมีระในภาษาสันสกฤต เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์
ในอดีตเอเชียใต้ที่ประกอบด้วย 8 สาธารณรัฐ ได้แก่ อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, อินเดีย, ศรีลังกา, ภูฏาน, เนปาล, บังกลาเทศ และมัลดีฟส์ เป็นประเทศในอุ้งมือของสหราชอาณาจักรหรืออังกฤษชาติมหาอำนาจเจ้าอาณานิคมซึ่งหลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงในปี 2488 อังกฤษได้ให้ 8 ประเทศนี้ รวมถึงเมียนมาเป็นรัฐเอกราชแต่ได้ทิ้งปัญหาที่ตามมาคือการกระทบกระทั่งขัดแย้งกันของชนชาวฮินดูและชนชาวมุสลิมที่เกิดขึ้นมายาวนานจนเป็นมหาสงครามมาแล้วมากกว่า 1 พันปี การบริหารจัดการของชนเอเชียใต้ ที่มี 2 ศาสนาใหญ่ทำให้เกิดสงครามระหว่าง 2 ประเทศ คือ อินเดียกับปากีสถาน 4 ครั้ง
ครั้งแรกในปี 2490 หลังได้เอกราชไม่กี่เดือนเป็นสงครามแย่งดินแดนรัฐกัษมีระหรือแคว้นแคชเมียร์ ในเดือนตุลาคม รัฐนี้ รวมเรียกว่ารัฐกัษมีระและจัมมู ประชาชนส่วนมากนับถือมุสลิมแต่พระราชาเป็นกษัตริย์ที่นับถือฮินดูทั้งอินเดียและปากีสถานส่งทหารประจำการเข้ามาสนับสนุนประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ที่ขัดแย้งจนเกิดสงครามเป็นระยะเวลา 6 เดือน คณะมนตรีความมั่นคงขององค์การสหประชาชาติได้เข้ามาไกล่เกลี่ยสั่งให้ทั้ง 2 ชาติ หยุดยิงในวันที่ 22 เมษายน 2491 ฝ่ายอินเดียได้ดินแดน 2 ใน 3 คือ เมืองลาดัก,จังหวัดจัมมู และหุบเขากัษมีระ ปากีสถานได้พื้นที่ 1 ใน 3 คือ อาซัดกัษมีระและจังหวัดกิลกิตบัลลิสถาน มีการแบ่งเส้นเขตแดนชั่วคราวในวันที่ 1 มกราคม 2492
ครั้งที่ 2 ในปี 2508 กองทัพปากีสถานเปิดยุทธการยิบรอลตาส่งกองทัพขนาดใหญ่พุ่งโจมตีอินเดียก่อนโดยมีเป้าหมายยึดพื้นที่ของจังหวัดจัมมูและหุบเขากัษมีระ ฝั่งอินเดียได้ตอบโต้ด้วยการส่งกองทัพทางบกและอากาศโจมตีแนวชายแดนปากีสถานตะวันตกเต็มรูปแบบทำให้ปากีสถานต้องถอนกำลังออกมาจากกัษมีระ ทั้ง 2 ฝ่าย ทหารเสียชีวิตเป็นจำนวนนับพันนาย หลังจากปะทะอย่างหนักประมาณ 1 สัปดาห์ สหรัฐอเมริกาและรัสเซียได้เชิญ 2 ประเทศ มาเจรจาหยุดยิงที่นครทัชเค้นต์ต่างฝ่ายต่างถอนกำลังทหารกลับที่ตั้งเดิมและอินเดียรักษาดินแดนในกัษมีระไว้ได้
ครั้งที่ 3 ในปี 2514 เกิดความขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนแรงในปากีสถานตะวันออกหรือสาธารณรัฐบังกลาเทศระหว่างประธานาธิบดีชีคมูจิบูร์ เราะห์มาน ที่เป็นชาวเบงกาลีมุสลิมกับ 2 ผู้นำฝั่งปากีสถานตะวันตก คือ พลเอกยาย่าห์ ข่าน และนายซัลฟีการ์ อาลีบุตโต ปากีสถานตะวันตกใช้กองทัพจัดการปราบการจลาจลของชาวเบงกาลีอย่างหนักจนประชาชน 10 ล้านคน ลี้ภัยเข้าไปในอินเดีย อินเดียกับปากีสถานต่างส่งกองทัพประชิดชายแดนทุกด้านทั้งแคว้นกัษมีระ, ปากีสถานตะวันตก และปากีสถานตะวันออก
เกิดเป็นสงครามขนาดใหญ่เต็มขนาดระยะเวลา 2 สัปดาห์ อินเดียมีกำลังพลมากกว่าสามารถยึดดินแดนปากีสถานตะวันตกได้พื้นที่บางส่วนของกัษมีระเพิ่มพื้นที่รัฐปัญจาบและรัฐชินด์ รวม 15,010 ตารางกิโลเมตร ในขณะที่กองทัพด้านปากีสถานตะวันออกอินเดียรุกเข้าไปยึดได้ทังหมดพร้อมกับสนับสนุน ชีคมูจิบูห์ เราะห์มาน ให้เป็นประมุขของบังกลาเทศมีการสถาปนาให้เป็นรัฐเอกราชทหารปากีสถานตกเป็นเชลยกว่า 90,000 นาย ทั้งเสียกำลังทางอากาศไปหนึ่งในสี่กับกองทัพเรืออีกครึ่งหนึ่ง
ครั้งที่ 4 ในปี 2542 เรียกกันว่าสงครามอำเภอคาร์กิลในแคว้นกัษมีระ ปากีสถานเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีอินเดียที่ชายแดนกัษมีระก่อนช่วงต้นปีแล้วเข้ายึดอำเภอนี้ไว้ได้อินเดียตอบโต้ด้วยการส่งกองทัพเพิ่มเข้าโจมตีกองทัพปากีสถานกลับการสู้รบผ่านไป 3 เดือน ปากีสถานเสียทหาร
ในพื้นที่กองทัพภาคเหนือไปมากกว่า 4,000 นายสหรัฐอเมริกาได้เป็นคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาพิพาทของ 2 ประเทศ อินเดียได้อำเภอคาร์กิลกลับคืน
กรณีพิพาท 2 ชาติ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองโจรแบ่งแยกดินแดนไจเช่มะหะหมัดได้ใช้ระเบิดพลีชีพโจมตีทหารรักษาดินแดนอินเดียถึงแก่ความตายถึง 42 ศพ อินเดียส่งฝูงบินทิ้งระเบิดมิราจ 2000 รวม 12 เครื่อง โจมตีที่มั่นของกองโจรเป็นการตอบโต้ ปากีสถานได้ใช้ขีปนาวุธยิงเครื่องบินขับไล่มิก-21 ตก 2 เครื่อง ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ครั้งนี้ 3 ชาติมหาอำนาจคือสหรัฐอเมริกา, รัสเซีย และจีน ได้แสดงความเป็นห่วงว่าทั้งอินเดียกับปากีสถานจะทำสงครามใหญ่อีกซึ่งอาจจะลุกลามบานปลายใหญ่โตมีประชาชนได้รับบาดเจ็บล้มตายหลายพันคนอีก อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ของนักวิชาการชาวตะวันตกเชื่อว่าชาติมหาอำนาจอาจจะห้ามเหตุการณ์สงครามได้เพราะไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของโลก สำหรับไทยนั้นส่งสินค้าออกไปยังอินเดียปีละ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 250,000 ล้านบาท นอกจากนี้ไทยยังมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวอินเดียปีละ 1.75 ล้านคน มีรายได้ถึงปีละ 80,000 ล้านบาท
ปัจจุบันอินเดียมีนายนเรนดรา โมดี เป็นนายกรัฐมนตรีและมีประชากร 1,350 ล้านคน ส่วนปากีสถานนั้นมีเศรษฐีอดีตนักคริสเกตทีมชาติปากีสถาน นายอิมราน ข่าน เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นมีประชากร 215 ล้านคน ในขณะนี้องค์การสหประชาชาติและชาติมหาอำนาจได้เข้ามาแทรกแซงป้องกันไม่ให้เกิดสงครามใหญ่จนบานปลายออกไปเพราะสงครามไม่ได้ก่อประโยชน์ให้แก่ชาติใดทั้งสิ้นนอกจากความสูญเสียเพียงประการเดียว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี