“สงครามป่วยทิพย์” หรือ “สงครามชั้น 14” ระหว่าง “โยคีศานติศีล” ผู้ได้ฉายา “ทศกัณฐ์ผู้ถูกฆ่าไม่ตายทางการเมือง” กับ “ประชาชนชาวสารขัณฑ์” ผู้ที่รับไม่ได้กับรายการ “กระติกศรีมณีเหวง” ของโยคีเฒ่าที่ถูกคำพิพากษาให้ “จำคุก” แต่กลับ “ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว”

“นิยายป่วยทิพย์ของโยคีเฒ่า” นั้น มี “แก๊งนักการเมืองและข้าราชการระดับบิ๊กร่วมกันจัดฉาก” ว่า โยคีป่วยใกล้ตายแล้วเปิดไฟเขียวให้โยคีกลายเป็นเทวดาไปอยู่ “วิมานชั้น 14” ณ คอนโดดาว 8 แฉกอย่าง“สุดเท่” จนพ้นระยะเวลาการเป็นนักโทษอย่าง “สุดแจ๋ว?”

ชาวสารขัณฑ์ที่รับไม่ได้กับ “นิทานป่วยทิพย์” และ “กองแช่ง” ทั้งหลายจึงออกมา “ทำนิติสงคราม” กับโยคีเฒ่าและเหล่าสาวกในทุกสนามรบอย่างถึงพริกถึงขิง

“รบกันมายาวนานนับปี” ปรากฏว่า “นักรบประชาชนและนักรบกองแช่ง” ยังไม่สามารถ “รบชนะโยคีศานติศีลและเหล่าสาวกได้”โยคีเฒ่าจึงไม่ถูกนำตัวไปเข้าคุก

บัดนี้ “สงครามชั้น 14” ได้ราวีมาถึง “ทุ่งสังหารแห่งสุดท้าย” คือ “ศาลฎีกาฯ”

ปรากฏว่า “คณะท่านเปา” ได้มีมติยุติสงครามโดยตัดสินว่า “ประชาชนและกองแช่งไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่ใช่คู่สงครามกับโยคี”

จากนั้น “คณะท่านเปา” จึงขอรับหน้าที่ “แสวงหาความจริงให้ชัดเป๊ะ” ว่า “โยคีเฒ่าป่วยทิพย์ถึงขั้นไม่ต้องนอนคุกหรือไม่?” ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้

ด้วยประการฉะนี้ คณะท่านเปาจึงมีคำสั่งให้เสนาบดีและข้าราชการระดับบิ๊ก กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายที่ “เปิดไฟเขียว” ให้โยคีศานติศีลไม่ต้องติดคุกมาให้ปากคำพูดความจริงต่อหน้าท่านเปาในวันเวลาดังกล่าว

ข้าราชการและนักการเมืองที่จะต้องมาศาล ประกอบด้วย ผบ.เรือนจำหมอใหญ่และหมอผู้รักษารพ.ราชทัณฑ์ หมอใหญ่และหมอผู้รักษารพ.ดาว 8 แฉก อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรวมถึงบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีป่วยวิกฤต

“วันที่ 13 มิถุนายน จึงเป็นวันที่คณะท่านเปา จะค้นหาความจริงว่า โยคีเฒ่าป่วยวิกฤตจนต้องไปรักษาตัวที่รพ.ดาว 8 แฉกอย่างยาวนานจริงแท้หรือไม่?”

วันดังกล่าว “หากใครอุตริปั้นน้ำเป็นตัว กล้าโป้ปดโกหกศาล” รับรองได้ “ถูกกรรมติดขีปนาวุธยิงมาเช็คบิลแน่?”

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม