วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 09.24 น.
เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

ดูทั้งหมด

  •  

ชาติไทยของเรานั้น ต้องถือว่าตั้งอยู่ในทำเลทางภูมิศาสตร์ที่ดีมากที่สุดแห่งหนึ่ง ในดินแดนที่ถูกเรียกว่าสุวรรณภูมิ ที่แปลแบบง่ายๆ ว่าแผ่นดินทอง ทำให้ในอดีตที่ผ่านมา ไทยตกเป็นเป้าหมายของนักล่าอาณานิคมทั้งหลาย แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ ทำให้ชาติไทยอยู่รอดมาได้ โดยมีอิสรเสรี

การที่ชาติจะอยู่รอดได้นั้น นอกจากการมีอิสรเสรีแล้ว ประชาชนของชาติจะต้องอยู่ดีมีสุขด้วย ซึ่งหมายความว่าภาวะเศรษฐกิจของชาติจะต้องอยู่ในสภาพที่ดี ถึงแม้ว่าความเหลื่อมล้ำทางฐานะเป็นสิ่งที่มิอาจจะปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบการปกครองแบบใด รัฐบาลก็ต้องทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าสัมผัสกับความสุขตามสภาพฐานะของตัวเองได้ ซึ่งหมายความว่านอกจากเศรษฐกิจที่ดีพอเพียงแล้ว ระบบบริการสาธารณสุขและระบบสาธารณูปโภคทั้งหลายต้องเอื้ออำนวยต่อการดำรงชีพของประชาชน


ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของชาติตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย ก็จะพบว่าชาติไทยของเราไม่เคยมีปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นในยุคนั้นเลย มีการค้าขายกับ ประเทศเพื่อนบ้าน
ใกล้เคียง เช่น พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทำการค้าขายกับจีนตามที่มีหลักฐานปรากฏอยู่

ข้อความในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ที่กล่าวไว้ว่า “ใครใคร่ค้าช้างค้า ใคร่ค้าม้าค้า” หรือที่กล่าวว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” เป็นเครื่องยืนยันถึงการอยู่ดีมีสุข และอิสรเสรีของราษฎรอย่างแท้จริง

เมื่อมาถึงสมัยอาณาจักรอยุธยา ชาติไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดศูนย์รวมของการค้าขายที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคนี้ โดยการค้าขายนั้นเกิดขึ้นทั้งกับประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย หรือประเทศทางแถบยุโรปไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส ฮอลันดา โปรตุเกส

ยุคที่การค้าขายรุ่งเรืองที่สุด น่าจะอยู่ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งนอกจากจะเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถในด้านการรบและการปกครองแล้ว ยังมีความสามารถอย่างยิ่งในเรื่องของการค้าขายกับต่างชาติ

รายได้ของชาติที่เกิดจากการค้าขายนั้น จะได้จากส่วยซึ่งได้แก่ค่าตอบแทนการปกครองหรือคุ้มครอง คล้ายเครื่องราชบรรณาการ อากร ซึ่งได้แก่เงินที่เก็บจากผลประโยชน์ที่ราษฎรทำมาหากินได้ เช่น ทำไร่ทำนา การต้มกลั่นสุรา การประมง จังกอบ ซึ่งได้แก่ ภาษีที่เรียกเก็บจากการค้าขายสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่าย และ ค่าฤชาธรรมเนียมได้แก่ ค่าธรรมเนียมต่างๆที่ราชการเก็บจากราษฎรซึ่งได้รับประโยชน์จากรัฐเป็นการเฉพาะตัว เช่น ค่าโฉนด ตราสาร ซึ่งทำให้ชาติมีความร่ำรวยและรุ่งเรือง อันจะเห็นได้จากหลักฐานที่ยังคงเหลืออยู่ของอาณาจักรอยุธยา ซึ่งแม้จะถูกเผาทำลายจนเกือบหมดสิ้นเมื่อไทยเสียอิสรภาพครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ.๒๓๑๐

ร่องรอยของโบราณสถานและปราสาทราชวัง ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต ตลอดจนที่อยู่อาศัยของราษฎร แม้แต่ชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ ก็ได้โปรดให้มีการจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน เช่น หมู่บ้านโปรตุเกส หมู่บ้านญี่ปุ่น เหล่านี้คือหลักฐานของความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งแน่นอนว่าต้องมาจากการที่ชาติมีเศรษฐกิจที่ดี

เศรษฐกิจของชาติตกต่ำที่สุดในยุคเปลี่ยนผ่านจากอาณาจักรอยุธยามาสู่อาณาจักรรัตนโกสินทร์หลังจากการเสียอิสรภาพครั้งที่ ๒ เป็นที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชต้องต่อสู้เป็นอย่างมาก นอกจากการชำระศึกภายในและศึกจากการรุกรานของพม่า พระองค์ยังต้องต่อสู้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติที่ล่มสลายไปแล้วให้กลับคืนมาให้ได้ ซึ่งพระองค์ก็สามารถทำได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ชาติเราเริ่มฟื้นขึ้นมาได้ในยุคต้นของอาณาจักรรัตนโกสินทร์

พระมหากษัตริย์ไทยแห่งราชวงศ์จักรีพระองค์หนึ่ง ที่มีความสามารถด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์คือพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ซึ่งพระองค์สามารถสร้างรายได้ให้กับชาติ รวมทั้งยังสามารถสะสมเงินจำนวนไม่น้อยไว้ในพระคลังส่วนพระองค์ที่เรียกว่าเงินถุงแดง ซึ่งเงินถุงแดงนี่เองได้ถูกนำมาใช้ในการแลกกับอิสรภาพที่ไทยเกือบจะต้องเสียไปจากการรุกรานของฝรั่งเศสในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ จึงทำให้ชาติไทยอยู่รอดมาได้อย่างมีอิสรเสรีจนถึงปัจจุบันนี้

สำหรับประชาชนคนทั่วไปจะรู้ว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่นั้นอาจจะพิจารณาได้จากข้อมูลเพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจมวลรวมของชาติที่เรียกว่า GDP ยอดหนี้สาธารณะ ยอดหนี้สินครัวเรือน และดัชนีตลาดหลักทรัพย์

ซึ่งตัวเลขจาก ๔ เรื่องดังกล่าวบอกได้เลยว่าฐานะทางเศรษฐกิจของชาติขณะนี้ตกต่ำอย่างมาก ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน เคยโอ้อวดว่าจะทำให้สูงขึ้นถึงระดับมากกว่า ๔% โดยส่วนหนึ่งจะมาจากการแจกเงินประมาณ ๔๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้กับประชาชนประมาณ ๔๕ ล้านคน ซึ่งไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยล่าสุดกระทรวงการคลังได้ประมาณการ GDP ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ ๒.๑% เท่านั้น เกือบต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศในภูมิภาคนี้ โดยมีประเทศเมียนมาเท่านั้นที่ต่ำกว่าไทย

ยอดหนี้สาธารณะขณะนี้อยู่ที่ประมาณ ๖๕% ของ GDP ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก เกินระดับที่สากลยอมรับได้แล้ว ในขณะที่หนี้สินครัวเรือนพุ่งขึ้นไปแตะระดับ ๙๐% ของ GDP ซึ่งก็ถือว่าเข้าสู่จุดอันตรายแล้ว

เมื่อหันมาดูดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ตั้งแต่ประเทศไทยได้เปิดตลาดตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๘ โดยในระยะแรกๆ ค่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับหลักร้อยแต่ก็ไต่ขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดที่ระดับ ๑,๗๘๙.๑๖ ในปี ๒๕๓๗ จนถึงช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำสุดที่ ๓๐๔.๕๙ ในเดือนกันยายน ๒๕๔๑ ก่อนที่จะค่อยๆ กลับมาสู่ระดับ ๑,๔๐๐ เศษหลังเหตุการณ์ปฏิวัติในปี ๒๕๕๗ 

ในช่วงที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เคยขึ้นไปสู่จุดที่สูงสุดที่ถือว่าเป็น All Time High ที่ ๑,๘๕๒ จุดในปี ๒๕๖๑ แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิดที่มีผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยดัชนีตลาดของไทยร่วงมาสู่จุดต่ำสุดที่ ๙๖๙.๐๘ จุดในปี ๒๕๖๓ แต่ก็กลับขึ้นมาได้อีกครั้ง

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเริ่มทรุดตัวอีกครั้งหนึ่งหลังการเลือกตั้งในปี ๒๕๖๖ และพรรคเพื่อไทยได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายกฯที่มาจากเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ โดยเมื่อนับจากเดือนสิงหาคม ๒๕๖๖ ถึง วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ ดัชนีได้ร่วงลงมากกว่า ๒๐๐ จุด จนอยู่ที่ ๑,๓๑๘.๕๗ จุด เศรษฐกิจของชาติเริ่มเข้าสู่ภาวะตกต่ำจากการนำนโยบายประชานิยมที่พรรคนี้ชอบนำมาใช้ โดยไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการบริหารโดยเน้นการฟื้นฟูและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการไปสู่เศรษฐกิจที่แข็งแรงของชาติตามที่ควรจะเป็น มีการนำเงินของชาติที่มาจากภาษีรายได้ของประชาชนที่ต้องเสียภาษีที่มีอยู่ประมาณ๔ ล้านคน จำนวนหลายแสนล้านบาทมาจ่ายให้ประชาชนส่วนหนึ่งอันเป็นกลุ่มผู้ที่เสียภาษีน้อยหรือไม่ต้องเสียภาษีเลย โดยเชื่อว่าจะทำให้เกิดพายุหมุนจากเงินที่แจกไป ๓-๔ รอบ และจะทำให้เศรษฐกิจของชาติดีขึ้น ซึ่งก็ปรากฏว่าไม่เป็นความจริงเลย กลับกลายเป็นพายุหมุนที่สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเมืองเสียมากกว่า

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ดิ่งตัวลงมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันที่มีนายกฯ ที่เป็นลูกสาวของอดีตนายกฯที่เคยทุจริตเงินของชาติและถูกศาลสั่งจำคุก ๘ ปี แต่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือเพียง ๑ ปี แต่ก็มีการใช้กระบวนการพลิกแพลงกฎหมายจนไม่ต้องติดคุกจริง ด้วยการอ้างการเจ็บป่วยหนักเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่เมื่ออาการพ้นภาวะฉุกเฉินแล้ว ก็ยังไม่ถูกนำกลับมารักษาตัวในโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ซึ่งอยู่ในบริเวณคุก

ไม่มีอะไรดีขึ้นภายใต้การบริหารของนายกฯหญิงคนนี้ ซึ่งก็ไม่เคยมีประสบการณ์การบริหารงานในระดับสูงเช่นนี้มาก่อน และดูเหมือนจะถูกทั้งควบคุมและครอบงำโดยอดีตนายกฯที่ได้พูดถึงไปแล้ว ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกต่ำอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ ๑,๒๐๐ จุด และธนาคารโลกตลอดจน IMF ก็ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่า GDP ของไทยจะอยู่ที่ระดับ ๑.๖ ถึง ๒.๐% เท่านั้น ในขณะที่สถาบันจัดอันดับเศรษฐกิจ Moody ได้จัดอันดับ เครดิตเศรษฐกิจของไทยอยู่ในลักษณะ negative หรือมุมมองเป็นลบ นับเป็นการตกต่ำอย่างมากที่สุด แต่รัฐบาลก็เอาเรื่องการที่สหรัฐอเมริกาจะปรับเปลี่ยนระบบภาษีมาเป็นข้ออ้าง แถมยังมีข่าวออกมาด้วยว่ารัฐบาล จะกู้เงินอีก ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อจะเอามาพยุงและพื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็ไม่มีความชัดเจนว่าจะเอามาทำอย่างไร ซึ่งคนไทยทุกคนก็ต้องเข้าไปร่วมกันแบกรับหนี้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก

อยากจะเห็นมาตรการด้านกฎหมายหลายอย่าง ซึ่งถูกคุกคามด้วยการเมืองอยู่ในขณะนี้ได้รุกเข้าหาและออกฤทธิ์ให้ทั้งตัวนายกฯและอดีตนายกฯผู้พ่อต้องยุติบทบาททางการเมืองเสียที ถึงแม้ว่าจะต้องมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมือง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็น่าจะเชื่อได้ว่าเศรษฐกิจของบ้านเมืองจะไม่เลวร้ายลงไปกว่านี้ จนใกล้จะล้มละลายแล้ว ประเทศชาติจะได้มีการเจริญเติบโตขึ้นบ้าง กระบวนการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งจากข้าราชการและนักการเมืองลดน้อยลง และประชาชนมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขมากขึ้น

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:53 น. คลัง ถกเอกชน รับมือ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
13:52 น. เพิ่ม BMA Feeder 5 เส้นทาง 1 ก.ค.นี้ หนุนคนกรุงเดินทางดี
13:47 น. กทม.เร่งเพิ่มศักยภาพ-ขยายโรงพยาบาล ดูแลประชาชนครอบคลุมกรุงเทพฯ
13:45 น. เยาวชนกรุงอูลานบาตอร์เยี่ยมคารวะ 'ชัชชาติ'สร้างสังคมพหุวัฒนธรรมกระชับสัมพันธ์เมือง
13:38 น. ‘โฆษกรบ.เขมร’เย้ยไทยเจ็บตัวทั้งที่กดดันกัมพูชา โว‘พ่อ-ลูกตระกูลฮุน’จะหยุดความโอหังให้เอง
ดูทั้งหมด
ค้นพบ'พญาครุฑ'130ล้านปี สัตว์เลื้อยคลานบินได้ ตัวแรกของไทยในภาคอีสาน
'ญี่ปุ่น'อัปเกรดพันธมิตร! เตรียมส่ง'ยุทโธปกรณ์'เสริมเขี้ยวเล็บไทย-7ชาติ
(คลิป) เอาแล้ว! 'พล.ท.ภราดร' ฟันโช๊ะ ได้เห็นอวสาน 2 ตระกูล ปม 'ไทย-กัมพูชา' แน่ๆ
‘ยูเอ็น’ยังกังวล! รายงานชี้‘กัมพูชา’หลายเมืองกลายเป็นแหล่งซ่องสุม'โจรออนไลน์'
'กัมพูชา'สั่งลงดาบ! เพิกถอนใบอนุญาต2สำนักข่าวดัง ฐานละเมิดจริยธรรม-กฎหมายสื่อ
ดูทั้งหมด
ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ
เฮือกสุดท้ายของ‘โมฆสตรี-แพทองธาร’
ราคาที่ต้องจ่าย
เสื่อม
จุดจบตระกูลเหลี่ยม (3)
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘โฆษกรบ.เขมร’เย้ยไทยเจ็บตัวทั้งที่กดดันกัมพูชา โว‘พ่อ-ลูกตระกูลฮุน’จะหยุดความโอหังให้เอง

(คลิป) แกนนำเช็กพื้นที่'อนุสาวรีย์' ประชาชนเตรียมชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย.นี้

(คลิป) DNA'ลุงตู่'หายไปไหน? 'รทสช.'หนุน'อุ๊งอิ๊งค์'นั่งนายกฯต่อ!!

ซิ่งจยย.ลงดอยแม่ฟ้าหลวง ขนยาบ้าคันละกระสอบ ทหารพรานสกัดยึด4.2แสนเม็ด

'สุดารัตน์'เหน็บรัฐบาล หลังแบ่งชามข้าวเสร็จ อย่าลืมแบ่งประชาชนกิน-ใช้บ้าง

กระบะซุก41แรงงานเถื่อน แหกด่านหนีจับกุม รถติดหล่มโดนรวบยกชุด

  • Breaking News
  • คลัง ถกเอกชน รับมือ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา คลัง ถกเอกชน รับมือ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
  • เพิ่ม BMA Feeder 5 เส้นทาง 1 ก.ค.นี้ หนุนคนกรุงเดินทางดี เพิ่ม BMA Feeder 5 เส้นทาง 1 ก.ค.นี้ หนุนคนกรุงเดินทางดี
  • กทม.เร่งเพิ่มศักยภาพ-ขยายโรงพยาบาล ดูแลประชาชนครอบคลุมกรุงเทพฯ กทม.เร่งเพิ่มศักยภาพ-ขยายโรงพยาบาล ดูแลประชาชนครอบคลุมกรุงเทพฯ
  • เยาวชนกรุงอูลานบาตอร์เยี่ยมคารวะ \'ชัชชาติ\'สร้างสังคมพหุวัฒนธรรมกระชับสัมพันธ์เมือง เยาวชนกรุงอูลานบาตอร์เยี่ยมคารวะ 'ชัชชาติ'สร้างสังคมพหุวัฒนธรรมกระชับสัมพันธ์เมือง
  • ‘โฆษกรบ.เขมร’เย้ยไทยเจ็บตัวทั้งที่กดดันกัมพูชา โว‘พ่อ-ลูกตระกูลฮุน’จะหยุดความโอหังให้เอง ‘โฆษกรบ.เขมร’เย้ยไทยเจ็บตัวทั้งที่กดดันกัมพูชา โว‘พ่อ-ลูกตระกูลฮุน’จะหยุดความโอหังให้เอง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

23 มิ.ย. 2568

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

16 มิ.ย. 2568

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

9 มิ.ย. 2568

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

2 มิ.ย. 2568

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

26 พ.ค. 2568

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

19 พ.ค. 2568

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

12 พ.ค. 2568

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

5 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved