วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เลือกตั้งครั้งนี้ เส้นทางของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด? หลังพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไม่ร่วมมือกับพรรคที่เคยทุจริต รวมถึงไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงจุดยืนการเป็นขั้วที่สามทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ยังเป็นการบีบให้พรรคพลังประชารัฐต้องตัดสินครั้งสำคัญอีกด้วย?
จากการที่ถูกต้อนมากว่าสองสัปดาห์ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ฝ่ายใด และหลายฝ่ายก็ยังคลุมเครือในความชัดเจนของประชาธิปัตย์ที่บอกว่าจะเป็นทางเลือกใหม่ เกมพลิกเมื่อประชาธิปัตย์เปิดเกมไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลจากเกมรับเป็นเกมรุกทันที จากที่ถูกบีบเปลี่ยนมาเป็นรุกในที่ตั้งตนเอง ทำให้ตอนนี้ทั้งพรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์ ต่างมีจุดยืนที่ชัดเจนแล้ว ส่วนพรรคขนาดกลางและเล็กพรรคอื่นๆ ก็คงพอจะเดาได้ บางส่วนก็พร้อมจะจับมือกับทุกฝ่าย บางส่วนก็พร้อมจะจับมือกับเพื่อไทยอย่างเดียว
สำหรับอนาคตใหม่ที่นายธนาธรประกาศไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่นายทักษิณเองก็เคยกล่าวชื่นชมนายธนาธรหลายครั้งจนหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต? ส่วนพรรคภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนา ดูแล้วน่าจะมีแนวทางที่คล้ายกันคือ พร้อมร่วมมือทุกฝ่าย จะต่างก็ตรงที่นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศแล้วว่าจะสนับสนุนนายกฯ ที่มาจาก สส. เท่านั้น จึงพอจะอนุมานได้ว่านายอนุทินก็คงไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน?
ดังนั้นแล้วด้วยตัวแปรที่ถูกกำหนดไว้เช่นนี้ น่าจะยังผลให้ประชาธิปัตย์กลายเป็นพรรคตัวแปรที่นอกจากจะเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว จะยังมีสิทธิกลายเป็นแกนนำรัฐบาลขึ้นมาทันทีหรือไม่? เพราะหลายฝ่ายก็ประเมินว่าพรรคพลังประชารัฐไม่มีทางยกมือโหวตให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล? จึงทำให้พลังประชารัฐเหลือหนทางเดียวคือต้องจับมือกับประชาธิปัตย์ ดังนั้นแล้วสูตรตัวแปรในกลุ่มนี้คงหนีไม่พ้นประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา แต่ด้วยเงื่อนไขที่ประชาธิปัตย์กำหนดไว้ว่าจะไม่หนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และภูมิใจไทยประกาศสนับสนุนนายกฯจาก สส. เท่านั้น จึงทำให้เกมที่พรรคพลังประชารัฐวางไว้อาจเปลี่ยนไปจากเดิม? เพราะหากไม่หนุนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ การจับสูตรนี้คงล้มเหลว
คนที่ตกที่นั่งลำบากเห็นจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเท่ากับว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ สำเร็จภายใต้กติกาแบบปกติ เว้นแต่จะใช้กลไก 250 สว. เข้ามาเสนอชื่อนายกฯ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจะต้องมาวัดดวงในการบริหารประเทศและการประชุมสภาฯ เพราะเมื่อใดที่การโหวตกฎหมายไม่เป็นไปอย่างที่รัฐบาลพลังประชารัฐต้องการ ก็เตรียมนับถอยหลังได้เลย
ดังนั้น สำหรับประชาธิปัตย์แล้ว หากสูตรนี้สำเร็จขึ้นมาจริงๆ คำถามสำคัญที่จะตามมาคงจะเป็นเรื่องที่จะทำเช่นไรให้คนเชื่อว่าไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ ในขณะที่มีพลังประชารัฐร่วมในรัฐบาล? เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์และอดีตรัฐมนตรีที่เข้าสังกัดพลังประชารัฐติดปัญหาอยู่เรื่องหนึ่งคือ การไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงหมดสิทธินั่งเป็น สส. แน่นอน ดังนั้นหากนายอภิสิทธิ์ชูจุดยืนว่าจะตั้งรัฐบาลที่มาจาก สส. เท่านั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์และคณะทำงานของตนในรัฐบาลชุดนี้จะหลุดทั้งแผง รวมทั้งอาจจะพอเป็นคำตอบให้ประชาชนได้ไม่มากก็น้อยว่านี่ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ? แต่คำถามสุดท้ายคือ แล้วจะเอาพล.อ.ประยุทธ์ไว้ที่ไหน?
ในขณะที่อีกกลุ่มขั้วทางการเมืองที่มีแนวโน้มจะจับมือกันคือ พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย และพรรคอนาคตใหม่ ทั้งนี้หลังจากที่พรรคไทยรักษาชาติ ถูกยุบไป หลายคนก็คาดว่าคนที่จะเข้าสู่แคนดิเดต
นายกฯ คงหนีไม่พ้นคุณหญิงสุดารัตน์ ที่พรรคชูให้เห็นในโค้งสุดท้าย ในขณะที่อีกสองแคนดิเดตอย่างนายชัชชาติและนายชัยเกษมกลับไร้เงา ส่วนฝั่ง ทษช. แม้จะโดนยุบไปแล้ว แต่แกนนำพรรคหลายคนก็ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไปโดยการจัดตั้งกลุ่ม “ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย” ขึ้น
โดยมีแผนเปิดเวที 4 ภาคซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นการช่วยหาเสียงให้พรรคในระบอบทักษิณที่หลงเหลืออยู่สามารถเก็บคะแนนที่หลุดลอยไปจากการยุบ ทษช. หรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงต้องระวังพอสมควร เพราะขณะนี้ก็เริ่มมีความกังวลจากหลายฝ่ายแล้วว่าเสี่ยงต่อการปลุกระดมและอาจกลายเป็นความขัดแย้งตามมาหรือไม่? ถ้าเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นมาอีก คงเป็นผลดีกับฝ่ายตรงข้ามที่ชูเรื่องบ้านเมืองสงบมากกว่าฝ่ายตนหรือไม่?
สำหรับฝั่งอนาคตใหม่ เราก็ได้เห็นความพยายามของนายธนาธรที่ออกมาเคลื่อนไหวสร้างกระแสในทำนองว่าถูกฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐบีบคั้นกลั่นแกล้ง? แต่กลับไม่ได้พยายามอธิบายชี้แจงในสิ่งที่ถูกกล่าวหาเลย? นอกจากนี้แล้ว หลายคนก็เริ่มตั้งคำถามแล้วว่า นายธนาธรพยายามจะดึงตนเองมามีบทบาทเหนือพรรคหรือไม่? เพราะแม้กระทั่งในโค้งสุดท้ายที่เกมพลิก เมื่อนายอภิสิทธิ์ประกาศไม่ชูพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเหมือนเป็นการหักล้างในสิ่งที่นายธนาธรเคยคิดว่า การไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์เป็นสิ่งที่จะผูกมัดกับฝ่ายตนเองเท่านั้นเพื่อให้ประชาชนเลือก?
เรื่องนี้จึงอาจสะกิดใจนายธนาธรไม่น้อยจนถึงกับรีบพูดจนลืมคิด? โดยประกาศไปทำนองว่า นอกจากจะไม่ร่วมกับ
พล.อ.ประยุทธ์แล้วต้องพูดด้วยว่าไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้แกนนำพรรคอนาคตใหม่เพิ่งประกาศไปในเชิงว่ายินดีร่วมกับพลังประชารัฐถ้าไม่สืบทอดอำนาจพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งก็ดูจะไม่ต่างกันเลยกับคำพูดของนายอภิสิทธิ์หรือไม่? หลายคนจึงสับสนในจุดยืนของนายธนาธรว่าขอบเขตของการไม่สืบทอดอำนาจตามที่ตนอ้างนั้นอยู่ที่ตรงไหน? หรือเป็นภาวะการควบคุมอารมณ์ของนายธนาธรหรือไม่?
เรื่องราวที่ปรากฏขึ้นทั้งกรณีนายอภิสิทธิ์ที่ถูกมองว่าเกาะกระแสไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์? และนายธนาธรที่ถูกมองว่าเกาะกระแสนายทักษิณ? วิเคราะห์แล้วคงมีแต้มบวกลบทั้งคู่ แต่ที่แปลกจนน่าสังเกตคือ ท่ามกลางกระแสเหล่านี้
เหตุใดจึงไม่เห็นการต่อสู้ระหว่างเพื่อไทยและพลังประชารัฐ หรือระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์และพล.อ.ประยุทธ์ปรากฏอยู่เลย? ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายน่าจะถูกวางตัวเป็นคู่ตรงข้ามกันอย่างหนักหน่วง? แต่กับกรณีนายอภิสิทธิ์ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เคยแสดงออกอย่างเสียงดัง รุนแรง ส่วนกรณีนายธนาธรก็มิใช่พรรคคู่ตรงข้ามอันดับหนึ่งกับพลังประชารัฐเมื่อเทียบกับเพื่อไทย
ดังนั้นแล้ว เหตุใดกระแสข่าวถึงให้ความสนใจในคู่ประชันระหว่างนายอภิสิทธิ์และนายธนาธรมากกว่ามวยคู่หลักไปได้? เป็นไปได้หรือไม่ว่าการเมืองแบบสุดโต่งจะไม่ใช่เรื่องกระแสหลักอีกต่อไป? ในวันที่ทุกคนกำลังมองหาทางเลือกใหม่ที่ไม่เลือกข้างจริงๆ ตัวเลือกอย่างนายอภิสิทธิ์และนายธนาธรจึงกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นขึ้นมาหรือไม่? โดยเฉพาะกับกลุ่มตรงกลาง ที่ยังลังเลว่าจะตัดสินใจเลือกใคร ซึ่งก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย หากเป็นอย่างที่วิเคราะห์กันจริง ก็อาจจะพออธิบายได้ว่า ถ้าทั้งสองคนจับกระแสถูกจุดแล้ว คงมีผลไม่น้อยกับเรื่องคะแนนเสียง ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนจะคล้อยตามใคร แต่เรื่องนี้อาจจะกลายเป็นเครื่องบ่งบอกได้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วการเมืองสุดโต่งแบบพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการเลือกตั้งครั้งนี้?
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็ยังคงมีโจทย์ให้แก้ สำหรับนายอภิสิทธิ์ สิ่งที่ดูจะชัดเจนขึ้นมาคงจะเป็นสถานะของตนและประชาธิปัตย์ ที่น่าจะสลัดคราบตนเองออกจากข้อครหาเรื่องการก่อม็อบและการรัฐประหารเมื่อปี’57 ได้แล้ว จากท่าทีของนายสุเทพที่ดูจะไม่สบอารมณ์นักกับคำตอบของนายอภิสิทธิ์เรื่องจุดยืน ความท้าทายเพียงอย่างเดียวของนายอภิสิทธิ์คงเหลือแค่การสร้างความเข้าใจว่าตนปฏิเสธทั้งพล.อ.ประยุทธ์และนายทักษิณ แต่สำหรับนายธนาธร การให้สัมภาษณ์เรื่องพานายทักษิณกลับบ้านเป็นตัวจุดกระแสพรรคก็มีความเสี่ยงที่คนจะสงสัยว่าตนมีความเกี่ยวพันกับนายทักษิณหรือไม่? ยังไม่รวมกรณีที่นางฐิติมา ฉายแสง อดีตผู้สมัครทษช. ประกาศสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่อย่างเต็มตัว รวมถึงมีการปรากฏภาพรถหาเสียงที่ใช้ถ้อยคำในทำนองว่า นางฐิติมาเรียกร้องให้เลือกพรรคอนาคตใหม่ สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องที่คาใจหลายคนอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่นายธนาธรจะปล่อยให้ประชาชนสับสนหรือไม่?...
“เดือดดาล บางครั้งแม้จะเป็นพละกำลังประเภทหนึ่ง แต่ในตอนสุดยอดฝีมือต่อสู้กัน
กลับคล้ายเป็นยาพิษ ที่สามารถปลิดชีวิตคนได้…”
โกวเล้ง จากเหยี่ยวเดือนเก้า

ตอกหน้าฝรั่งดูแคลน! ประภาส เปิดอภินิหารคำว่า แล้ว พิสูจน์ความลึกซึ้งที่เหนือกว่า Tense
(คลิป) สื่อเขมร รายงานจริงครั้งแรก! ไทย ใช้ F-16 ทิ้งบอมปอยเปตพังท่องเที่ยวกัมพูชา
ปราชญ์ สามสี สดุดี จ่าเริง วีรบุรุษเนิน 350 ผู้ปกป้องแผ่นดินด้วยชีวิต
ทรัมป์ กร้าว ต้องการ กรีนแลนด์ เพื่อความมั่นคงของ สหรัฐฯ
เขมรกล่าวหาไทย ทิ้งระเบิด พ่นควันพิษ เป็น อาชญากรรมสิ่งแวดล้อม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี