วันศุกร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / นายซื่อตรงรักเมืองไทย
นายซื่อตรงรักเมืองไทย

นายซื่อตรงรักเมืองไทย

นายซื่อตรงรักเมืองไทย
วันพฤหัสบดี ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2566, 02.00 น.
ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

ดูทั้งหมด

  •  

หลังสงกรานต์มาจนเหลือเวลาไม่กี่วันก็ยังคงคาดเดาไม่ได้ถึงทิศทางของแนวโน้มผู้ที่น่าจะคว้าชัยเลือกตั้ง แม้จะเหมือนมีบางอย่างเริ่มชัดขึ้นบ้างแล้วก็ตาม

การเมืองยุคปัจจุบัน ไม่ได้เดินเกมแข่งขันกันเป็นพรรคที่ได้อันดับหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นการเมืองที่ต้องวางแผนไปจนถึงหลังเลือกตั้งเลยว่า พรรคใดจะได้จัดตั้งรัฐบาลกันแน่ เพราะด้วยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก็มีการเลือกตั้งเมื่อปี’62 ให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วว่า ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งก็ใช่ว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาล และว่ากันด้วยกฎหมายเลือกตั้งกันจริงๆ ได้คะแนนเสียง สส. พรรคเดียวเกินครึ่งสภา ก็อาจไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี


ขั้วการเมืองจึงเป็นภาพที่ถูกมองไว้

แต่ต้องยอมรับว่าจากการแตกหน่อของพรรคการเมืองสังกัดต่างๆ ได้ส่งผลจำนวนของพรรคการเมืองที่มีความเป็นไปได้ที่จะมีคะแนนก็เริ่มมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก แต่ก็ยังอยู่ในรูปแบบที่ถูกคาดเดาเรื่องฟากฝั่งทางการเมืองอยู่ดี และยิ่งทำให้โอกาสที่ขั้วพรรคการเมืองต่างๆ นั้น จะต่อสู้และแก่งแย่ง ตัดรอนคะแนนกันเองก็สูงขึ้นตามไปด้วยหรือไม่?

ดังนั้น นอกจากการแข่งกับฝ่ายตรงข้ามทางอุดมการณ์แล้วการแข่งกันในขั้วจึงสำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจสำคัญมากกว่าในรอบนี้ด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าหนึ่งในพรรคการเมืองที่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างเสมอ อย่างพรรคเพื่อไทย ที่สามารถรักษาฐานคะแนนเสียงและปลุกกระแสความนิยมให้ตื่นขึ้นมาได้ทุกรอบแม้จะเปลี่ยนตัวผู้สมัครจำนวนไม่น้อยจากการย้ายพรรคก็ตาม รวมถึงการเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯในเกือบจะทุกรอบด้วยซ้ำ ด้วยการที่โพลล์ทุกสำนักต่างยกให้พรรคเพื่อไทยเป็นเต็งอันอับดับที่หนึ่ง ที่มีโอกาสคว้าคะแนนความนิยมจากประชาชนชาวไทย ในสมรภูมิการเลือกตั้งมากที่สุด

ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ผู้แทนแบบเขตเท่านั้นที่คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับที่หนึ่ง ยังรวมถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น สส. แบบบัญชีรายชื่ออีกด้วย อีกทั้งหากว่ากันที่คะแนนนิยมของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว คะแนนนิยม
ส่วนตัวของแพทองธารก็ยังเป็นที่นิยมสูงสุดในขั้วของฝั่งเสรีนิยม เหนือนายพิธา ตัวแทนจากพรรคก้าวไกลอีกด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนความนิยมที่สูงจากแฟนคลับขั้วภายในขั้ว แต่สิ่งที่เพื่อไทยจำเป็นต้องจัดการให้ได้นั้นคือ ข่าวคราวการจับมือกับพรรคพลังประชารัฐหนึ่งในพรรคที่ถูกมองว่าเป็นขั้วตรงข้าม และนี่คือสิ่งที่ก้าวไกลชูเป็นจุดเด่นว่าชัดเจนกว่าพรรคใดๆ และกลับกลายมาเป็นจุดที่บรรดาแฟนคลับภายในขั้วฝั่งเดียวกันต้องเกิดความลังเลจากการถูกยกมาเปรียบเทียบเสมอ จนจะเห็นว่ามีช่วงหนึ่งที่คะแนนโพลล์ของก้าวไกลก้าวกระโดดขึ้นมา

แต่ด้วยเป้าหมายของเพื่อไทยรอบนี้ที่รู้ดีว่า แค่เพียงแลนด์สไลด์อย่างเดียวอาจไม่พอด้วยซ้ำที่จะไปถึง หรือจากประสบการณ์เมื่อปี’62 ที่รู้ดีว่าการเมืองไม่อาจมองได้เพียงมิติเดียว จึงอาจเป็นที่มาของการยังไม่ประกาศท่าทีชัดเจนเรื่องนี้ในช่วงก่อนหน้าหรือไม่?

เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เมื่อตัดสินใจแยกทางกับพลเอกประยุทธ์ ที่แยกไปที่รวมไทยสร้างชาติก็จำเป็นต้องมี
แนวร่วมที่แตกต่าง เพื่อลดความเป็นรองและสร้างโอกาสหลังเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด

แล้วอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนให้พรรคเพื่อไทย ต้องออกมาแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่ทำรัฐประหารผ่านแกนนำระดับโลโก้ของพรรค

ความกดดันจากการแข่งขันภายในขั้ว หรือ การประเมินคะแนนจริงหลังบ้านที่เข้าเป้าแล้ว ซึ่งก็สอดคล้องกับคะแนนโพลล์สำนักต่างๆ ที่ออกมารอบล่าสุดนี้

แต่เอาเข้าจริงสิ่งที่แกนนำปฏิเสธ ก็ไม่แน่ใจว่าจะรวมถึงพรรคพลังประชารัฐหรือไม่? เพราะหากยังจำกันได้ พลเอกประวิตรก็มักจะยืนยันมาตลอดว่า การก่อรัฐประหารนั้นเป็นการตัดสินใจและการกระทำของพลเอกประยุทธ์เพียงเท่านั้น ส่วนตนไม่ได้เป็นผู้ก่อรัฐประหาร?

ลีลาการตอบ คำถามสื่อ ของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จึงถือได้ว่าเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว และไม่ธรรมดา และการเข้ามาสู่การเมืองรอบนี้ นอกจากจะสร้างคะแนนนิยมให้พรรคเหมือนที่เป็นอยู่แล้ว การวางตัวไว้ล่วงหน้าก่อนหน้านี้มาหลายเดือนยังเป็นสัญญาณเรียกให้บรรดาผู้แทนที่เคยโบกมือลาเพื่อไทยไปนั้นตบเท้ากลับบ้านได้ไม่น้อย

เพราะในเวลาที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็เสียขุนพล เสาหลัก ไปจำนวนไม่น้อย ทั้งนายชัชชาติ ซึ่งเคยเป็นถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ก็เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯที่แม้ว่าอาจได้คะแนนช่วยจากภาพการทำงานในฐานะผู้ว่าฯกทม.แต่ก็ไม่อาจเป็นแบรนด์ในการเลือกตั้งรอบนี้ได้ รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์อีกหนึ่งอดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เท่ากับว่าแคนดิเดตชุดก่อนของพรรคเพื่อไทยนั้นเหลือแต่เพียงนายชัยเกษมเท่านั้นที่หยัดยืนในตำแหน่งแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย

โดยเฉพาะคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ได้สลัดคราบแบรนด์เพื่อไทยมาสู้ศึกในนามของพรรคไทยสร้างไทยพร้อมด้วยพลทหารเรือบินอย่าง นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี อดีตทหารอากาศและหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยสร้างไทย

พรรคไทยสร้างไทย ถูกมองว่าแตกกอมาจากเพื่อไทยจากภาพของแกนนำพรรคที่เคยเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทย และจุดยืนทางการเมืองที่ถูกมองว่าอยู่ขั้วเดียวกันอยู่ดี

ซึ่งหากลองมองถึงการเดินเกมเพื่อหาเสียงสำหรับพรรคไทยสร้างไทยแล้ว ก็น่าสนใจไม่น้อยว่า กลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับการหาเสียงของพรรคไทยสร้างไทยนั้นเป็นแบบใดกันแน่ เพราะแม้ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ดูจะมีภาพลักษณ์ที่ผูกติดอยู่กับพรรคเพื่อไทยอยู่ไม่น้อย แต่ครั้นจะให้แย่งชิงคะแนนพรรคเพื่อไทยมาเป็นของสังกัดพรรคตนเองก็คงไม่อาจทำได้ง่ายดายนัก และแม้คุณหญิงสุดารัตน์จะมีฐานคะแนนเสียงส่วนตัวอยู่ไม่น้อยทั้งกทม.และต่างจังหวัด รวมถึงภาพนักการเมืองคู่บุญคุณทักษิณมาตั้งแต่พรรคพลังธรรม แต่การแยกตัวออกมาจากคนตระกูลชินวัตรครั้งแรกจึงคาดเดาได้ยากว่าหนึ่งเสียงหนึ่งคะแนนในแต่ละประเภทบัตรนั้น ผลจะออกมาอย่างไร เราจึงเห็นภาพพรรคไทยสร้างไทยกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกมากขึ้น

อาจจำเป็นต้องหากลุ่มเป้าหมายสำหรับฐานเสียงเพิ่มเติมหรือไม่? อย่างภาพของนาวาอากาศตรีศิธา ไปร่วมงาน “Rolling Loud Thailand” งานมหกรรมดนตรีระดับโลกและจัดเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย หรืองานวัยรุ่นอื่นๆ อีกหลายงาน ดูผิวเผินแม้จะเป็นเพียงแค่การร่วมงานเทศกาลธรรมดาๆ เพียงเท่านั้น แต่หากมองไปถึงนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยที่ได้เผยแพร่ออกมาว่า ทางพรรคไทยสร้างไทยนั้นมีนโยบาย 12 เดือน 12 อีเว้นท์ ระดับโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมธุรกิจภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของประเทศไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย และยังเป็นการเข้าถึงกลุ่มฐานเสียงคนรุ่นใหม่ในงานตลอดจนชาว LGBTQ+ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากเป้าหมายของพรรคไทยสร้างนั้นเล็งผลไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ก็ยิ่งทำให้การแข่งขันภายในขั้วสนุกมากยิ่งขึ้นเพราะพรรคที่ถูกมองว่าครองใจฐานเดิมของคนรุ่นใหม่ภายในขั้วนี้คือพรรคก้าวไกล ซึ่งรอบนี้ ก็ยังเป็นที่พูดถึงอยู่ โดยที่ไม่ต้องพยายามมากนัก ยืนยันจากแบบสำรวจของผลโพลล์ที่ได้เผยแพร่ไปช่วงระยะเวลาเมื่อไม่นานมานี้ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น มีความนิยมชมชอบที่จะลงคะแนนเสียงให้กับพรรคก้าวไกล

แม้จะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่หนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น เริ่มที่จะมีการโน้มน้าวให้ครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัว เข้าคูหา กาคะแนนให้พรรคก้าวไกล ตามเจตนารมณ์ของตนเองหรือแม้กระทั่งผู้ที่อายุไม่ถึงเกณฑ์การใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็มีแนวโน้มที่จะโน้มน้าวให้ผู้ปกครองและคนใกล้ตัวลงคะแนนเสียงให้กับพรรคก้าวไกลหรือไม่?

ในขณะที่อีกขั้วหนึ่ง ที่มีสี่พรรคหลักเดิมอย่าง พลังประชารัฐภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา นั้นเฉพาะในส่วนของประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐ ก็ถูกมองว่ามีการแตกพรรคออกมาจากคนในพรรคเดิมไปตั้งพรรคใหม่แต่ก็อาจถูกมองว่ายังอยู่ขั้วเดียวกัน

หนึ่งคะแนนเสียงแต่หนึ่งประเภทบัตร จึงยังเป็นปัจจัยสำคัญให้เกิดการแข่งขันภายในขั้ว

พรรคชาติพัฒนากล้าแม้จะมีที่มาจากพรรคชาติพัฒนา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแกนนำส่วนหนึ่งแตกออกมาจากประชาธิปัตย์และมาตั้งพรรคกล้าได้สักระยะหนึ่งก่อน ทำให้ในบางพื้นที่โดยเฉพาะภาคใต้และกทม. น่าสนใจว่ากระทบพรรคประชาธิปัตย์มากเพียงใด

แต่ที่ถูกมองว่ากระทบค่อนข้างมากและกระทบทั้งประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐ คือการมาของพรรคการเมืองใหม่อย่างพรรค รวมไทยสร้างชาติ ที่ดึงทั้งแบรนด์ของพรรคหรือแม้แต่แบรนด์ของขั้วทางการเมืองมาอยู่ที่พรรคใหม่นี้ทั้งหมด รวมถึงอดีตสส.เขต ที่หลักๆ มาจากทั้งสองพรรคนี้

งานนี้เหนื่อยถึงพรรคประชาธิปัตย์แน่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในเวทีการเมืองใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเวทีระดับภูมิภาคหรือเวทีระดับประเทศ โดยเฉพาะในเวทีกรุงเทพฯ ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถครองใจคนเมืองกรุงได้อยู่เสมอ แต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทั้งจากคู่แข่งร่วมอุดมการณ์ที่ขยายจำนวนมากขึ้น อีกทั้งก็มีอดีตบุคลากรของพรรคจำนวนไม่น้อยที่ออกไปจัดตั้งสังกัดพรรคใหม่ จึงมีโอกาสไม่น้อยที่จะดึงฐานคะแนนเสียงเดิมไปอยู่บ้าง

อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของพรรคที่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะในศึกครานี้นับว่าจะเป็นสังเวียนแรกที่
นายจุรินทร์จะต้องขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ในสนามการเลือกตั้งใหญ่ ก็น่าสนใจว่าท้ายที่สุดแล้วนายจุรินทร์จะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปถึงจุดใดกันแน่?

การเข้ามาของนายจุรินทร์จะเป็นการเติมความสดใหม่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่อีกมุมหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดโยงกับนายอภิสิทธิ์มาเป็นระยะเวลานานก็ไม่แน่ใจว่าจะส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ในแง่ใดบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด นายอภิสิทธิ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยพรรคประชาธิปัตย์หาเสียงในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ตนเองได้เว้นวรรคทางการเมืองไป ซึ่งก็ยังคงต้องดูกันต่อไปว่าการกลับมาช่วยหาเสียงของอภิสิทธิ์จะช่วยทำให้คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์สูงขึ้นหรือไม่ แต่ในอีกทางอาจถูกมองว่าจะกระทบต่อภาพความเป็นผู้นำของพรรคหรือไม่?นี่จึงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่สำคัญของนายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค

ยังไม่นับรวมถึงอีกหนึ่งตัวเต็ง อย่างพรรคพลังประชารัฐภายใต้การนำทัพของพลเอกประวิตร ที่พร้อมจะท้ารบกับพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใด ฝ่ายใดก็ตาม ที่ท่าทีล่าสุดก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตนเองนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารของพลเอกประยุทธ์แต่อย่างใด ซึ่งในจุดนี้ เป็นการบอกเป็นนัยทางการเมืองให้กับพรรคการเมืองทั้งสองฝั่ง หรือเป็นการส่งสัญญาณถึงการจับมือจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตหรือไม่?

อีกแต้มต่อที่สำคัญของพรรคพลังประชารัฐคงหนีไม่พ้น ชื่อโครงการต่างๆ ที่พ่วงท้ายด้วยนามสกุลประชารัฐ จึงน่าจะพอสร้างภาพจำให้กับชาวบ้านผู้โปรดปรานโครงการนี้อยู่ไม่มากก็น้อยและอีกหนึ่งจุดแข็งของพรรคพลังประชารัฐคงหนีไม่พ้นการที่พลเอกประวิตร ผู้มากบารมีเป็นผู้กุมบังเหียน ซึ่งก็น่าจะเป็นที่ทราบกันดีว่าบารมีของพลเอกประวิตรนั้น แผ่ขยายกิ่งก้านสาขา และให้ร่มเงากับทุกสังกัดพรรค จึงไม่แปลกที่พรรคพลังประชารัฐ จะถูกมองว่าเป็นหนึ่งในพรรคที่มีโอกาสร่วมรัฐบาลในอีกคำรบ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดหรือฝ่ายใด หรือแม้กระทั่งจะมีการออกมาปฏิเสธว่าไม่ร่วมแล้วหรือไม่ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงโค้งสุดท้ายสำนักต่างๆ จะมีการทำแบบสำรวจออกมาในจำนวนมาก เพื่อทำนายผลการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ดังเช่นที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ออกมากล่าวว่าโพลล์นั้นคาดเดาอะไรไม่ได้ ดังเช่นเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ผลสำรวจออกมาว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ สส.กรุงเทพฯ ไม่เกิน
2 จาก 30 ที่นั่ง แต่เมื่อถึงยามเลือกตั้งกลับกวาดไปได้ถึง 12 คว้าแชมป์กรุงเทพฯ ไปครอง เช่นเดียวกับเมื่อปี 2554 ผลสำรวจออกมาว่า คะแนนนิยมตามหลังคู่แข่งถึง 17% แต่เมื่อเลือกตั้งจริง พรรคประชาธิปัตย์กลับแลนด์สไลด์

การต่อสู้บนเวทีการเมืองนั้น มีปัจจัยรอบด้านเป็นหนึ่งในส่วนประกอบ โพลล์จากสำนักต่างๆ จึงอาจเป็นแค่การสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเพียงเท่านั้น มิใช่ความคิดเห็นของประชาชนทั้งเขต ทั้งจังหวัด หรือทั้งประเทศแต่อย่างใด อย่าลืมว่าความ
สนุกของการเมืองและการเลือกตั้งนั้น คือการคาดเดาอะไรไม่ได้

“คนโง่ก็มิใช่ทุกผู้คนจะหลอกลวงได้ ยิ่งเป็นคนฉลาดเพียงใด ยิ่งหลอกคนโง่เขลาไม่ได้ ... เนื่องจากคนฉลาดมีความคิด
กลอกกลิ้งเกินไป ส่วนคนโง่นั้นไม่มีความคิดมากมาย

หากมันแน่ใจว่าเจ้าจะหลอกลวง แม้วาจาที่เจ้ากล่าวเป็นความจริง มันก็ไม่เชื่อ

โกวเล้ง จาก นักสู้ผู้พิชิต

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
18:02 น. ผู้ประกอบการร้านค้าเบตงวอนรัฐบาล'เศรษฐา'สานต่อ'สนามบินเบตง'เร่งจัดหาเที่ยวบินพาณิชย์
17:49 น. ไปต่อไม่ไหวแล้ว!!! 'ปิยบุตร'ประกาศจบภารกิจกับ'ก้าวไกล' ลั่นอยู่ไปมีแต่เสียกับเสีย
17:40 น. นายอำเภอสบเมยลงพื้นที่ควบคุมการสร้างสะพานแบริ่งเอง หลังน้ำป่าซัดคอสะพานขาด
17:22 น. พรุ่งนี้มีเฮ!! ปรับลดราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ 0.50 บาท/ลิตร
17:21 น. 'เทพไท เสนพงศ์'ใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขกรมคุก ขออภัยโทษเหมือน'ทักษิณ ชินวัตร'
ดูทั้งหมด
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 17-23 ก.ย.66
ยิปซี 12 นักษัตร พยากรณ์ : ระหว่างวันที่ 17 - 24 กันยายน พ.ศ. 2566
‘หมอธีระวัฒน์’ชี้ร่างกายดีอย่างเดียวไม่พอ สมองต้องดีด้วย แนะทำอย่างไร‘สูงวัย’อย่างซุปเปอร์
ออกกำลังกายฝึกความแข็งแรงกล้ามเนื้อสำหรับผู้ใหญ่วัย 50+
ฝนตกหนัก! กรมอุตุฯอัปเดตจังหวัดเสี่ยงภัยระดับสีเหลือง 40 จังหวัด เตรียมรับมือ
ดูทั้งหมด
เบื้องลึกประเทศอินเดีย เปลี่ยนชื่อเป็น ประเทศภารัต
สส. ก้าวไกล อย่าเพิ่งฟูมฟาย ทำอะไรไว้ ต้องพร้อมรับผลกรรม
โหดสุดเหี้ยม
อาณาจักรโล่เงิน : 22 กันยายน 2566
บุคคลแนวหน้า : 22 กันยายน 2566
ดูทั้งหมด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นายอำเภอสบเมยลงพื้นที่ควบคุมการสร้างสะพานแบริ่งเอง หลังน้ำป่าซัดคอสะพานขาด

พรุ่งนี้มีเฮ!! ปรับลดราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ 0.50 บาท/ลิตร

'ติช่า กันติชา'สลัดผ้านุ่งบิกินี โชว์บั้นท้ายฮอตทะลุปรอท

ไฟไหม้ตลาดโรงเกลือผู้ค้าเขมรขนสินค้าหนีระทึกคาดไฟฟ้าลัดวงจร

บึ้มสนั่นปราจีนฯ! หม้อแปลงระเบิดในโรงไฟฟ้านิคม 304 จนท.เร่งตรวจสอบหาสาเหตุแล้ว

นายกฯบางแก้วลากิจล่องหน!! ปปป.ลุยค้นเทศบาล สั่งขยายผลสอบงานรับเหมา

  • Breaking News
  • ผู้ประกอบการร้านค้าเบตงวอนรัฐบาล\'เศรษฐา\'สานต่อ\'สนามบินเบตง\'เร่งจัดหาเที่ยวบินพาณิชย์ ผู้ประกอบการร้านค้าเบตงวอนรัฐบาล'เศรษฐา'สานต่อ'สนามบินเบตง'เร่งจัดหาเที่ยวบินพาณิชย์
  • ไปต่อไม่ไหวแล้ว!!! \'ปิยบุตร\'ประกาศจบภารกิจกับ\'ก้าวไกล\' ลั่นอยู่ไปมีแต่เสียกับเสีย ไปต่อไม่ไหวแล้ว!!! 'ปิยบุตร'ประกาศจบภารกิจกับ'ก้าวไกล' ลั่นอยู่ไปมีแต่เสียกับเสีย
  • นายอำเภอสบเมยลงพื้นที่ควบคุมการสร้างสะพานแบริ่งเอง หลังน้ำป่าซัดคอสะพานขาด นายอำเภอสบเมยลงพื้นที่ควบคุมการสร้างสะพานแบริ่งเอง หลังน้ำป่าซัดคอสะพานขาด
  • พรุ่งนี้มีเฮ!! ปรับลดราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ 0.50 บาท/ลิตร พรุ่งนี้มีเฮ!! ปรับลดราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ 0.50 บาท/ลิตร
  • \'เทพไท เสนพงศ์\'ใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขกรมคุก ขออภัยโทษเหมือน\'ทักษิณ ชินวัตร\' 'เทพไท เสนพงศ์'ใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขกรมคุก ขออภัยโทษเหมือน'ทักษิณ ชินวัตร'
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งไพ่ ทิ้งทวน

ทิ้งไพ่ ทิ้งทวน

11 พ.ค. 2566

นิ่งๆอาจกินเรียบ

นิ่งๆอาจกินเรียบ

4 พ.ค. 2566

ทางเลือกหรือทางรอด?

ทางเลือกหรือทางรอด?

27 เม.ย. 2566

ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

20 เม.ย. 2566

เปลี่ยนเพื่อไปต่อ

เปลี่ยนเพื่อไปต่อ

13 เม.ย. 2566

ฉากเดิมๆ

ฉากเดิมๆ

6 เม.ย. 2566

ระฆังเริ่มยก

ระฆังเริ่มยก

30 มี.ค. 2566

ล้างไพ่สลายขั้ว

ล้างไพ่สลายขั้ว

23 มี.ค. 2566

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายประพันธ์ สุขทะใจ ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved