มนุษย์เราทุกผู้ทุกนาม โดยทั่วไปต่างก็อยากจะมีเสรีภาพ สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างปราศจากการกดขี่ และความหวาดกลัว ซึ่งในการนี้ สังคมประชาธิปไตยค่อนข้างตอบสนองได้เป็นอย่างดี ในขณะที่สังคมเผด็จการไม่ว่าจะรูปแบบใด มีชื่อเรียกขานอย่างไร ต่างไม่สามารถตอบรับความต้องการของคนทั่วไปได้ เพราะโดยพื้นฐานระบอบเหล่านั้น ไม่สามารถยอมให้ผู้คนมีความเป็นเสรีได้
และแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลายๆ ประเทศในเอเชีย ประชาธิปไตยยังคงดับแสงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศจีน เกาหลีเหนือ เวียดนาม ลาว และบรูไน
ในขณะที่อีกหลายๆ ประเทศ ก็ยังคงเป็นสังคมกึ่งเสรีกึ่งเผด็จการ กล่าวคือประเทศเหล่านี้ แม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ฝ่ายค้าน
มักจะถูกจำกัดจำเขี่ยทางการเผยแพร่นโยบาย การหาเสียง หรือบางกรณีอาจถูกขจัดออกไปเลย เช่น ในกัมพูชา และประเทศต่างๆ
ในเอเชียกลาง
นอกจากนั้น ประเทศอีกกลุ่มหนึ่งก็คือ ประเทศประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ หรือแบบผสมผสาน ที่มีฝ่ายกองทัพเป็นส่วนสำคัญของการเมือง หรือมีอิทธิพลสูงต่อความเป็นไปของบ้านเมือง เช่นที่ปากีสถาน พม่า และประเทศไทย
และก็ยังมีกลุ่มประเทศที่ประชาธิปไตยถูกครอบงำด้วยพรรคเดียว เช่นที่ สิงคโปร์ หรือที่ฟิลิปปินส์ โดยบุคคลเดียวสามารถรวบอำนาจมากยิ่งขึ้น เพราะได้คะแนนเสียงท่วมท้น หรือแม้แต่ฮ่องกง ที่ประชาธิปไตยถูกตีกรอบโดยรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
นอกจากการเป็นสังคมที่ไร้ประชาธิปไตยแล้ว ประเด็นที่น่ากลัว น่าขยะแขยงยิ่งขึ้นไปอีก ก็คือกระบวนการควบคุมประชาชนชนิดทุกฝีก้าว ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์สื่อสารสมัยใหม่ ที่จีนกำลังเร่งทำอย่างเต็มที่ รวมถึงการที่สิงคโปร์กำลังบังคับใช้โทษรุนแรงเพื่อควบคุมการวิพากษ์วิจารณ์ทางอินเตอร์เนตของประชาชนต่อรัฐบาล ด้วยกฎหมายลงโทษการกุข่าว ซึ่งรวมถึงการกระทำแชร์ข้อมูลใดๆ ทางออนไลน์ ที่ส่งผลให้รัฐบาลเสียหายนั่นเอง รัฐบาลเท่านั้นที่เป็นผู้ตีความว่า ประชาชนพลเมืองใดทำผิดกฎหมาย
ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ โดยรวม ก็อาจกล่าวได้ว่า ท้องฟ้าประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียนี้นั้นค่อนข้างมืดครึ้ม
แต่อย่างไรก็ดี ประชาธิปไตยก็ยังพอจะมีประกายเป็นความหวังอยู่บ้างในหลายประเทศที่นับเป็นจุดเด่นๆ ล่าสุดก็ที่ ประเทศมาเลเซีย ที่ที่ประชาธิปไตยกำลังบานสะพรั่ง เมื่อประชาชนสามารถโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการพรรคเดียว ที่ใช้การเลือกตั้งเป็นแค่เครื่องมือกลไกเข้าสู่และยึดอำนาจทั้งปวง ในขณะเดียวกัน ประเทศเนปาล ศรีลังกา และมัลดีฟส์ ประชาชนก็ยังสามารถช่วยกันประคองสังคมประชาธิปไตยไปได้ค่อนข้างดี หลังจากที่มีแนวโน้มว่า จะมีการเพียรพยายามของกลุ่มพรรค กลุ่มผู้นำการเมือง ที่อยากจะใช้ทุกวิถีทางให้อยู่ในอำนาจได้นานๆ โดยจำกัด
จำเขี่ยคู่ต่อสู้
ติมอร์ตะวันออก และปาปัวนิวกินี ก็ดูจะประคับประคองตัวไปได้
อีกทั้งอินโดนีเซีย และอินเดีย ก็ดูท่าจะไปได้ดี แต่ก็ยังต้องตั้งความหวังเอาไว้ว่า เรื่องความสุดโต่งทางศาสนาจะไม่เข้ามาบ่อนทำลายประชาธิปไตย เช่น พวกมุสลิมการเมืองในอินโดนีเซีย หรือพวกชาตินิยมฮินดูในอินเดีย
บังกลาเทศก็เพิ่งมีการเลือกตั้งไป โดยฝ่ายรัฐบาลกุมชัยชนะท่วมท้น แต่ก็ยังต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่ว่า ได้ใช้อำนาจบีบคั้น และปิดหัวปิดท้ายฝ่ายค้านไปอย่างเข้มข้น แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นขจัดฝ่ายค้านให้หมดสิ้นไป ก็เป็นที่หวังกันว่า บังกลาเทศจะไม่ตกไปในทิศทางมืดนั้น
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ต่างก็มีประชาธิปไตยที่มั่นคง ก็หวังว่า 3 ประเทศนี้จะช่วยกัน “ส่งออก” สังคมเปิดให้กับมิตรประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ จีนก็ยังคงมุ่งหน้าโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อโน้มน้าวให้ทุกประเทศทำตามอย่างตน นั่นคือ การปรับระบอบการเมืองของตนให้เป็นเผด็จการพรรคเดียว ผสมไปกับระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี โดยแสดงให้เห็นว่าเมื่อการเมืองนิ่ง แล้วจะพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าไต้หวันและอีกหลายประเทศในเอเชีย ก็พิสูจน์ได้ว่า การมีระบบเปิดทั้งการเมืองและเศรษฐกิจประเทศนั้นๆ ก็สามารถที่จะเจริญก้าวหน้าได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ฉะนั้น เมื่อผลของความเจริญก้าวหน้านั้นมิได้ขึ้นอยู่กับการถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการแล้ว ในฐานะที่เป็นมนุษย์ เราก็ต้องช่วยกันที่จะปฏิเสธระบอบใดๆ ที่ปิดเสรีภาพ เพราะความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ คือความเป็นเสรีชนนั่นเอง
ในฐานะของคนไทย แม้สังคมของเราจะมีทหารเข้ามาข้องเกี่ยวกับการเมืองมาโดยตลอด ซึ่งก็เป็นการจำกัดเสรีภาพโดยปริยาย ในวันนี้ เราก็ต้องช่วยกันปรับปรุงแก้ไขตนเอง ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง เป็นพลเมืองที่สามารถควบคุมบรรดาพรรคการเมือง และนักการเมืองเมื่อประชาธิปไตยเข้มแข็ง นักการเมืองประพฤติโดยชอบ ความจำเป็นหรือโอกาสให้มีทหารการเมืองก็จะหมดไป
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี