ว่ากันว่า ประชาชนในบ้านเราส่วนใหญ่ต่างเคยมีหัวใจชื่นชอบ “ลัทธิบูชาบุคคล” อย่างยาวนาน โดยสังคมทุกภาคส่วนและวัฒนธรรมองค์กรต่างๆ ล้วน “เชื่อฟัง” ผู้นำของตนอย่างว่านอนสอนง่าย

เห็นได้จากนักเรียนในสถาบันอาชีวะทั้งหลายต่างบูชาพฤติกรรมรุ่นพี่จนหมดใจ “รุ่นพี่กร่าง ทรามและสร้างความวินาศสันตะโรแบบไหน รุ่นน้องจะยึดถือเป็นไอดอล (Idol) ขอเจริญรอยตามรุ่นพี่”

“ลัทธิบูชาบุคคล” ในระดับองค์กร จะให้คุณหรือโทษแก่สังคม ก็เป็น “ระดับจิ๊บๆ” ผิดกับ “ลัทธิบูชาบุคคล” แวดวงการเมือง ที่จะให้คุณหรือให้โทษใน “ระดับบิ๊กๆ”

ทั้งนี้ เพราะผู้แสวงหาอำนาจทางการเมือง จะเป็นผู้ที่เข้ามาบริหารประเทศ จึงมีโอกาสสร้างความสงบ ความเจริญรุ่งเรือง หรือสร้างความเสียหายในวงกว้างได้

ตัวอย่าง ผู้ที่ชาวอีสานและชาวเหนือ เคยชื่นชอบจนเข้าลักษณะ “ลัทธิบูชาบุคคล” ได้แก่ “ท่านตะขิ่นดูไบ” ชนิด “ทำผิดโดยสุจริต” อย่างไร คนอีสานและคนเหนือก็ยังบูชา

อีกตัวอย่างหนึ่ง ได้แก่ “ท่านชวน ลิ้นมีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ชาวใต้ส่วนใหญ่ต่างหลงใหล เพราะติดกับดัก “ลัทธิบูชาบุคคล” จนสส.พรรคปชป.สามารถยึดพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะ “บารมีท่านมีดโกนอาบน้ำผึ้ง”

แต่แล้ว จู่ๆ “บารมีสองฮีโร่” ก็เปลี่ยนไป เลือกตั้งที่ผ่านมา “ท่านตะขิ่นดูไบ” ไม่สามารถทำให้เกิด “แลนด์สไลด์” ในภาคอีสานและภาคเหนือ ในขณะที่เปิ้นเคยฝันจะเกิด “ภูเขาหิมะถล่ม” ก็จะกลายเป็น “ฝันแล้ง” ทั้งชาตินี้และชาติหน้าตอนบ่ายๆ เพราะ “ลัทธิบูชาบุคคล” ได้เสื่อมมนต์ขลังในคนไทยยุคนี้

เห็นได้จาก “ท่านชวน ลิ้นมีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ได้ออกลุยหาเสียงช่วยพรรคอย่างถวายชีวิต แต่แล้วก็ทำให้ “สส.กทม.สูญพันธุ์” และ “สส.ภาคใต้กลายเป็นฟันหลอ” เพราะ “ลัทธิบูชาบุคคล” ได้เสื่อมมนต์ขลังเช่นกัน

ล่าสุด แม้แต่ภายในพรรค ดาวฤกษ์ของพรรคเก่าแก่แห่งนี้ก็ได้ออกมาสารภาพบาปกับประชาชนว่า “ตนเคยบูชาบุคคลผู้มีบารมีในพรรคมากว่า 30 ปี บัดนี้ได้ประจักษ์ความจริงว่า เป็นภาพลวงตา”

การที่ “ลัทธิบูชาบุคคล” ในภาคการเมืองเริ่มเสื่อมถอยนั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของทุกภาษาชาติ ต่างถอนตัวออกจาก “ลัทธิบูชาบุคคล” กันอย่างกว้างขวางแล้วจ้า

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม