ในที่สุด “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ก็กลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้งถึงแม้จะไม่ถูกใจกองเชียร์ฝ่ายที่สนับสนุนและนิยมระบอบทักษิณ ชินวัตร ก็ตามทีแต่ในทางที่กลับกันฝั่งกองเชียร์ที่ต่อต้านระบอบทุนนิยมสามานย์ต่างดีอกดีใจที่ได้ “พลเอกประยุทธ์” กลับมาเป็นผู้นำรัฐบาลอีกครั้งซึ่งเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 อย่างที่ฝ่ายกองเชียร์ระบอบทักษิณปฏิเสธไม่ได้อย่าลืมว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ได้ให้การยอมรับในรัฐธรรมนูญฉบับนี้
รัฐบาลผสม 19 พรรคการเมือง ของพลเอกประยุทธ์ มีเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 254 คน ในขณะที่ฝั่งฝ่ายระบอบทักษิณมี 245 คน โดยไม่รวมนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับจำนวนตัวเลข สส.ที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์มีรายละเอียดดังนี้ พรรคพลังประชารัฐ 116 คน พรรคประชาธิปัตย์ 53 คนพรรคภูมิใจไทย 51 คน พรรคชาติไทยพัฒนา10 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 คน พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน ส่วนพรรคการเมืองเล็กๆ อีก 11 พรรค ที่มีสส.พรรคละ 1 คน ประกอบด้วยพลังชาติไทย ประชาภิวัฒน์ไทยศรีวิไลย์ พลังไทยรักไทย ครูไทยเพื่อประชาชน ประชานิยม ประชาธรรมไทย ประชาชนปฏิรูป ประชาธิปไตยใหม่ พลเมืองไทยและพลังธรรมใหม่
ด้านพรรคฝ่ายค้านพลเอกประยุทธ์นั้นมีทั้งหมด 7 พรรค ได้แก่ เพื่อไทย อนาคตใหม่เสรีรวมไทย ประชาชาติ เศรษฐกิจใหม่เพื่อชาติ และพลังปวงชนไทยจะได้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาเป็นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นักธุรกิจและนักการเมืองรุ่นเดอะ วัย 77 ปีที่ฝ่ายนิยมระบอบทักษิณให้ความไว้วางใจแต่พรรคฝ่ายค้านเหล่านี้จะทำงานการเมืองให้มีศักยภาพได้ขนาดไหนเพราะนักการเมืองรุ่นเก่าๆ ฝ่ายนิยมทักษิณล้วนแต่อยู่ภายนอกสภา
ซึ่งถ้าเป็นในลักษณะนี้เชื่อกันได้เลยว่าการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรคงไม่มีน้ำยาอะไรทั้งสิ้นและคงไม่เป็นข่าวใหญ่อะไรนักหนายกเว้นสื่อมวลชนสายรับใช้ระบอบทักษิณที่มีอยู่เป็นจำนวนมากทั้งในประเทศไทยและนอกประเทศไทยจะเสนอข่าวเอาใจนายก็แค่นั้นเอง ปัจจุบันสื่อมวลชนที่มีอยู่นับพันๆคนในประเทศของเราล้วนต่างต้องแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายทั้งฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณและฝ่ายที่ยินยอมเป็นฝ่ายนิยมทักษิณ
ทางด้านรัฐบาลใหม่ที่ยังคงมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำนั้น คงจะได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ 11 ด้านต่อไป ซึ่งประกอบไปด้วยยุทธศาสตร์ของชาติด้านความมั่นคง, ยุทธศาสตร์ของชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางด้านสังคม, ยุทธศาสตร์ของชาติด้านการสร้างขีดความสามารถในด้านการแข่งขัน, ยุทธศาสตร์ของชาติด้านการสร้างความเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม,ยุทธศาสตร์ของชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์,ยุทธศาสตร์ของชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
สำหรับแผนปฏิรูปประกอบด้วยด้านสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศ,ด้านสังคม, ด้านสาธารณสุข, ด้านเศรษฐกิจ,ด้านพลังงาน, ด้านยุติธรรม, ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ด้านกฎหมาย,ด้านการศึกษา, ด้านการเมือง, ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และด้านการบริหารราชการแผ่นดิน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ต้องการที่จะสืบทอดอำนาจอย่างที่นักการเมืองในระบอบทักษิณกล่าวหาแต่มีประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมากที่เห็นว่านายกรัฐมนตรี
ที่มีความเหมาะสมมากที่สุดในช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่านในขณะนี้ก็คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คนเดียวเท่านั้นที่มีความสามารถที่จะปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วงได้ตามเป้าหมายได้มากกว่านักการเมืองคนอื่นๆ ในประเทศนี้นั่นเอง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี