ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการประกาศนโยบายต่อรัฐสภา ทางภาคประชาชนโดยคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และเครือข่าย ก็ได้จัดเวทีแถลงข้อเสนอต่อสาธารณชน และคณะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าด้วยเรื่อง การกำหนดทิศทางและแก้ปัญหาบ้านเมือง ขนานกันไป
ผมจึงขอถือโอกาสนี้ทำการประมวลเชิงเปรียบเทียบความปรารถนาของภาครัฐ กับความประสงค์ของภาคประชาชนดังกล่าว เพื่อจักได้แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้อง และความแตกต่าง ซึ่งจะสะท้อนทั้งวิสัยทัศน์ มุมมอง และความเข้าอกเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันของประเทศ รวมถึงลู่ทางที่จะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยกันได้หรือไม่
เริ่มจากทางฝ่าย ครป. ที่ได้มีข้อคิด ข้อเสนอ ข้อประสงค์ ออกมารวม 11 ข้อ ซึ่งผสมผสานกันได้เป็น 3 หมวดหลัก ดังนี้
1.ด้านการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน
- การแก้ไขบุคลากรไม่มีคุณภาพในคณะรัฐมนตรี โดยขจัดพวกประวัติสีเทา และเอาคนดี มีคุณภาพ มีความซื่อตรงซื่อสัตย์ เข้ามาทำงาน
- การดำเนินการปฏิรูปการเมืองอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงหลักประชาธิปไตย และหลักสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งการส่งเสริมบทบาทพลเมือง
- การบริหารราชการด้วยหลักธรรมาภิบาล ป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น การให้ผู้มีตำแหน่ง อำนาจต่างๆ เซ็นปฏิญญาที่จะทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไปจนถึงการให้ประชาชนได้เข้าถึงซึ่งข้อมูล ข่าวสารอย่างกว้างขวาง เพื่อรับรู้และตรวจสอบได้
- การสนับสนุนการกระจายอำนาจ โดยการลด ตัดตอน การกระจุกตัวของอำนาจที่ส่วนกลาง ไปจนถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด
- การสร้างความตระหนัก ทัศนคติ ของผู้ใช้อำนาจรัฐต่างๆ ว่า จักพึงเคารพในเรื่องสิทธิมนุษยชนของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย
- การรวบรวมจิตใจผู้คนทุกหมู่เหล่าให้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นองคาพยพในการเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยให้ก้าวหน้า ทันสมัย โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
2. เศรษฐกิจ
- การขจัดทุนผูกขาดครอบงำประเทศ และเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจการค้าที่เป็นธรรม รวมทั้งการแก้ไข กฎหมายภาษีต่างๆ ให้เป็นธรรม
3. สังคม
- การแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพชีวิต และยกระดับแรงงาน
- การปฏิรูปการศึกษาไปในทิศทางของการกระจายอำนาจ
- การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และความผันแปรของโลกกว้าง
- การแก้ปัญหาปากท้อง หรือคุณภาพชีวิตพื้นฐาน และการเป็นอยู่ ป้องกัน รักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
- การแก้ปัญหาผลกระทบต่อประชาชนจากโครงการพัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ต่างๆ ไปจนถึงขั้นการทบทวน ยกเลิก
- การแก้ปัญหาการถือครองที่ดินที่เกินความจำเป็น และกระทบกระเทือนต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชน
- การส่งเสริมและพัฒนาแรงงาน และสาขาอาชีพ
ส่วนทางฝ่ายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น ผมขอสรุปโดยผนวก 12 เรื่องหลัก กับ 12 เรื่องเร่งด่วนเข้าด้วยกัน เพราะมีบางเรื่องที่ซ้อนกัน ดังนี้
1. การเมืองการปกครอง
- การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ และการพัฒนาระบบการบริการประชาชน
- การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมิชอบ
- การแก้ไขปัญหายาเสพติด และสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
- การสนับสนุนให้มีการศึกษา การรับฟังความเห็นของประชาชน และการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญ
2. เศรษฐกิจ
- การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค
- การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก
- มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
- การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
3. สังคม
- การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
- การพัฒนาระบบสาธารณสุข และหลักประกันทางสังคม
- การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
- การปรับปรุงระบบสวัสดิการ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
- การให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และพัฒนานวัตกรรม
- การยกระดับสวัสดิการของแรงงาน
- การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21
- การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้ง และอุทกภัยอื่นๆ (สิ่งแวดล้อม)
- การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนั้น ผมก็ขออนุญาตข้ามที่จะระบุในประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องความมั่นคงของประเทศ เรื่องศาสนา และเรื่องการ
ต่างประเทศไป เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่จะต้องกระทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคณะรัฐบาลใด
แต่ในเรื่องอื่นๆ นั้นถือเป็นการสะท้อนมุมมอง วิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นตั้งอกตั้งใจของคณะรัฐบาล และสะท้อนองค์ความรู้และความจริงใจ
ซึ่งก็จะเห็นว่า ในประเด็นเรื่องการกระจายอำนาจนั้นไม่ได้อยู่ในความคิดของรัฐบาลแต่อย่างใด ส่วนเรื่องปรองดองสมานฉันท์ก็ลืมไปได้เลย ในขณะที่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 (ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตย) ที่พรรคร่วมรัฐบาลทำการเรียกร้องก่อนเข้าร่วม ทางรัฐบาลให้ยาหอมเพียงระบุโดยใช้คำว่า “ศึกษา” เท่านั้น เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้เอื้อประโยชน์ และอำนาจให้แก่ฝ่ายข้าราชการประจำ ฝ่ายกองทัพ (หรือฝ่ายรัฐราชการนิยม) แล้วตัวผู้นำรัฐบาลที่ได้ประโยชน์ดังกล่าว จะไปเสียเวลาเปลี่ยนแปลงเพื่ออะไร?
ที่น่าสังเกตก็คือ ได้อยู่ในอำนาจเบ็ดเสร็จมาแล้วตั้ง 5 ปี ไม่เห็นจะพูดถึง หรือดำเนินการอะไรกับ 12 หลัก 12 เร่งด่วน นี้เลย เหมือนอยู่ๆ พอมาเป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 สิ่งเหล่านี้ก็ปิ๊งเข้ามาในหัวว่าจะต้องดำเนินการ ประชาชนก็ย่อมกังขาว่า แล้ว 5 ปีที่ผ่านมา ทำไมไม่ได้ทำอะไรเหล่านี้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้า 5 ปีภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จยังบ้อท่า แล้วอีก 4 ปีต่อไปจะบ้ออะไรกันอีก
จะออกนโยบายใดๆ ต้องฟังเสียงประชาชน
จะประกาศนโยบายใดๆ ต้องพูดจากับประชาชน
จะดำเนินนโยบายใดๆ ต้องทำไปเพื่อประชาชน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี