ข่าวการเมืองที่เป็นที่ฮือฮาไปทั่วอินโดนีเซีย และในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศ ก็คือข่าวอดีตนายพลพราโบโว ซุบิอาโน (Prabowo Subianto) ผู้เป็นอดีตลูกเขยของอดีตประธานาธิบดีนายพลซูฮาร์โต และยังเคยเป็นผู้สมัครเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียถึง 2 ครั้ง 2 ครา โดยพ่ายแพ้ต่อนายโจโก วีโดโด (Jokowi Widodo)ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่ง ณ บัดนี้ ได้รับเชิญให้เข้ามาร่วมคณะรัฐบาลชุดใหม่ของอินโดนีเซียที่นำโดยประธานาธิบดี โจโก โดยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีกลาโหม
นัยของการจับมือกันเพื่อร่วมทุกข์ร่วมสุขกันของอดีตคู่แข่งครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในแวดวงคอการเมืองของทั้งอินโดนีเซีย และต่างประเทศ ว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะบุคลิกภาพ และเทือกเถาเหล่ากอ ของทั้งสองฝ่ายนั้นแสนจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ประธานาธิบดี โจโก นั้นมาจากครอบครัวธรรมดาๆ ค้าขาย มีภาพลักษณ์ของชีวิตที่เรียบง่าย เป็นคนติดดิน เป็นคนของประชาชน
ในขณะที่อดีตนายพลพราโปโวมาจากครอบครัวชั้นนำของอินโดนีเซียมีอิทธิพลมากมาย แถมยังมีชนักติดหลังว่าด้วยการใช้กำลังและความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงที่กรุงจาการ์ตา และปราบปรามขบวนการเรียกร้องอิสรภาพของชนติมอร์ตะวันออก บวกกับกำลังโดนข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ล้างเผ่าพันธุ์ จัดได้ว่าเป็นบุคคลมือเปื้อนเลือด แต่ก็มีภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำที่มีความเด็ดเดี่ยว และกว้างขวางในแวดวงธุรกิจและมีอิทธิพลในกองทัพ
แต่ก็อย่างประโยคที่ว่า การเมืองไม่มีมิตร หรือศัตรูที่ถาวร
หากจะมองในแง่ดี ก็จัดได้ว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังใช้หลักการเมืองแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย (Politics of Compromise) ซึ่งดูจะเป็นหลักนำพาให้เกิดการออมชอม สมานฉันท์ ก็ว่าได้
หรือในอีกนัยหนึ่ง ประธานาธิบดี โจโกอาจจะเลือกที่จะเก็บคู่แข่งทางการเมืองที่น่าเกรงขามที่สุดไว้ใกล้ตาก็เป็นได้ ในขณะที่มุมมองของ นายพลพราโบโว ก็คงคิดว่า การที่ได้เข้ามาอยู่ในแวดวงอำนาจน่าจะเอื้อประโยชน์ และคงสถานะตนเองในสังคมไว้ได้อย่างสง่างาม
หากมองจากอีกมุมหนึ่ง อินโดนีเซียกำลังมีปัญหากับแนวคิด และขบวนการการเมืองอิงอิสลาม (Political Islam) หรือการเอาเรื่องศาสนาอิสลามมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งมุ่งเปลี่ยนรูปโฉมการเมืองของอินโดนีเซียให้กลายเป็นรัฐอิสลามนิยม บนแนวคิดอิสลามเป็นใหญ่ ซึ่งมีนัยอันตรายต่อการมีที่ยืน และความปลอดภัยของชาวอินโดนีเซียชนเผ่าชนกลุ่มน้อย และผู้นับถือศาสนาอื่นๆ ที่มิใช่ศาสนาอิสลาม
ประธานาธิบดีโจโก คงตรองแล้วว่า ผู้ที่จะสามารถตรึงการขยายตัวของลัทธิอิสลามการเมืองนิยมนั้นคือ อดีตนายพลพราโบโว เท่านั้น เพราะสามารถควบคุม และสั่งการฝ่ายกองทัพ และหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ ได้ อีกทั้งจะเป็นการช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นต่อแวดวงธุรกิจทั้งในและจากนอกประเทศ ซึ่งเป็นการเรียกความนิยม (Rally) ภายใต้ลัทธิชาตินิยมขึ้นมาเป็นตัวตั้ง เพื่อทำการต้านทานลัทธิศาสนานิยมได้ ซึ่งเป็นที่คาดกันว่าบทบาทของอินโดนีเซียในเวทีโลกที่ซบเซามานานปี และเดินหน้าไปในทิศทางของการร่วมมือกับฝ่ายตะวันตกฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อต้านทานการขยายอิทธิพลของจีนมากขึ้น อีกทั้งก็จะมีสุ้มมีเสียง และช่วยนำประชาคมอาเซียนให้สามารถดำรงตนเป็น “แกนหลัก”
แห่งความเป็นไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและคาบมหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิก อย่างเป็นจริงเป็นจังยิ่งขึ้น
ซึ่งหากการเมืองอินโดนีเซียมีเสถียรภาพ มีความกระชับ แล้วก็จะส่งผลให้อินโดนีเซียสามารถแสดงบทบาทบนเวทีภูมิภาคและโลกได้มากขึ้นนั่นเอง
แต่ที่กล่าวมาทั้งหมด ต่างก็เป็นเรื่องของการเดาความเชิงวิเคราะห์วิจารณ์กันไปทั้งสิ้น ส่วนเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร ชาวโลกอย่างเราๆ ก็คงต้องคอยติดตามกันไป
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี