วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แม้จะมีข้อกังขาอยู่บ้างในเรื่องสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนพลเมืองชาวสิงคโปร์ ที่ถูกจำกัดจำเขี่ยโดยฝ่ายรัฐ แต่ถ้ามีโอกาสไปสิงคโปร์ทีไร ก็ยังอดคิดไม่ได้ถึงความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของประเทศเขาซึ่งก็ต้องให้เครดิตแก่ฝีไม้ลายมือและความตั้งอกตั้งใจของรัฐบาลสิงคโปร์ ส่งผลให้ชาวสิงคโปร์ยอมรับอำนาจรัฐ
พูดง่ายๆ ว่า ชาวสิงคโปร์นั้นยอมที่จะสละสิทธิเสรีภาพทางการเมืองไปบางส่วน เพื่อแลกกับการบริหาร และบริการคุณภาพสูงจากทางรัฐบาล
หรือนัยหนึ่ง ฝ่ายรัฐบาลสิงคโปร์สามารถส่งมอบ (delivery) สิ่งที่ประชาชนพลเมืองต้องการ รวมถึงสิ่งที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชนพลเมืองมาโดยตลอด โดยไม่บิดพลิ้วไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และไม่มีการแอบแฝงหาผลประโยชน์เข้าตัว กล่าวคือ ชาวสิงคโปร์ได้เห็นการบริหารราชการที่มีขั้นตอนแน่ชัด สะดวกรวดเร็วโปร่งใส รับผิดชอบ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี
เมื่อ 50 ปีก่อน ที่สิงคโปร์เริ่มก่อตั้งประเทศ ผู้นำของเขาได้ให้สัญญาเรื่องการศึกษา ที่อยู่อาศัย และระบบราชการที่ซื่อสัตย์สุจริต และรัฐบาลของเขาก็ทำได้จริง จึงทำให้ประชาชนพลเมืองมีความพึงพอใจและมีความเชื่อใจ ซึ่งในเวลาต่อมาไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลจะทำอะไรกับทิศทางของประเทศ เขาก็จะมีการบอกกล่าวให้ประชาชนทราบล่วงหน้า นอกจากนั้นยังมีการรับฟังความคิดเห็น ทำให้สังคมเข้าใจในทิศทางของประเทศ และเกิดการยอมรับ เชื่อใจในตัวฝ่ายรัฐบาล (Trust) ว่าที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ก็เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเท่านั้น
ฉะนั้นโครงการขนาดใหญ่(เมกะโปรเจกท์) ของสิงคโปร์ จึงไม่มีข่าวเรื่องลิ่วล้อนักการเมืองไปกว้านซื้อที่ดินล่วงหน้า ไม่มีเรื่องนายทุนการเมืองไปตั้งบริษัท “เปลือก” เพื่อกินหัวคิวโครงการ ไม่มีเรื่องเครือญาติของผู้มีอำนาจรัฐไปตั้งบริษัทเพื่อรับงาน ไม่มีการเรียกรับค่านายหน้าในการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
นั่นคือ การบริหารราชการของสิงคโปร์นั้นไม่มีเรื่องอื้อฉาว (Scandals) เพราะฝ่ายบริหารประเทศ (ทั้งฝ่ายการเมืองและราชการ) เขาตรงไปตรงมาซื่อสัตย์สุจริต และรักประเทศชาติ อุทิศตนเพื่อประเทศชาติ
ข้อแตกต่างระหว่างไทย กับสิงคโปร์ อยู่กันตรงนี้ อยู่ตรงที่การประพฤติตนของผู้นำประเทศ และพรรคพวกแวดล้อม
ผู้นำประเทศสิงคโปร์นั้น นอกจากจะมีวิสัยทัศน์แล้วยังไม่หลงมัวเมาในอำนาจ ในจิตใจมีแต่ความรักชาติ มีความซื่อตรงและซื่อสัตย์ เมื่อเขาอาสามารับใช้ชาติก็รับใช้แต่ชาติเป็นหลักจริงๆ ไม่ใช่อาสาแบบปลอมๆ แล้วมาประพฤติตนให้เป็นผลร้ายแก่สังคม
ในขณะที่ไทยต้องแก้ปัญหากันทั้งสังคมทุกระดับทุกวงการ เพราะไม่ว่าโครงการอะไร ไม่ว่าเรื่องอะไรต่างก็เริ่มคิดเอาประโยชน์จาก “สาธารณะ” เข้าพรรคพวกตนเองก่อนเท่านั้น
ฉะนั้น ช่วยกันต้องหาวิธีให้ผู้มีอำนาจเลิกคิดมาหา “รับประทาน” เงินของประชาชน เมื่อไหร่ที่ไทยเราข้ามความชั่วร้ายของการหาประโยชน์เข้าตนไปได้ เมื่อนั้นไทยจึงจะหลุดพ้นจากการเป็นประเทศกำลังพัฒนา ไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว
มองไปทางไหนในตอนนี้ ก็รู้สึกห่อเหี่ยว เพราะหากสังคมจะเริ่มได้ ก็คงต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณประยุทธ์ และพวกพ้อง ที่ทำการบริหารประเทศอยู่ เป็นสำคัญ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

กำปั้นไทยไร้พ่าย! ลิ่ว 7 รุ่นต่อยซีเกมส์
เลขาวุฒิสภา แจ้ง สว. ยกเลิกประชุมวุฒิสภา 15- 16 ธ.ค.นี้ หลังยุบสภาแล้ว
ดร.จักษ์ ชม อนุทิน ตัดสินใจระดับรัฐบุรุษ ยุบสภาครั้งนี้ เผาพรรคส้มเหลือแต่ขี้เถ้า
กกต. กางแนวทาง ค่าใช้จ่าย สส. ช่วงเลือกตั้ง พรรคการเมืองหาเสียงได้ตั้งแต่วัน ยุบสภา
ปูติน ยกระดับชีวิตพลเมืองรัสเซีย อัตราความยากจนลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี