วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งของประเทศไทยที่รักยิ่งของเราก็คือการปฏิรูปการศึกษาที่ดูเหมือนว่ายังไม่คืบหน้าไปอย่างที่ต้องการเพราะปัจจุบันโลกหมุนเร็วมากมีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ วินาที ประเทศไทยเริ่มเติบโตช้าลงอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจในระยะ 15 ปีที่ผ่านมาค่อยๆ ลดลงไปตามลำดับ แถมจำนวนประชากรของไทยเองก็เกิดความถดถอยจำนวนประชากรมาตันอยู่ที่ 67 ถึง 68 ล้านคน เพราะสังคมไทยมีการคุมกำเนิดแบบได้ผลมากกว่าทุกๆ ชาติในเอเชียก็น่าจะเป็นไปได้กลายเป็นว่าคนหนุ่มคนสาวและเด็กมีลดจำนวนลงในขณะที่เกิดมีผู้สูงอายุ คือ สว.มากขึ้นใกล้จะเป็นร้อยละ 25 ของประชากร คือ 17 ล้านคน
สถิติที่ปรากฏล่าสุดพบว่าประเทศของเรานั้นกระทรวงศึกษาธิการใหญ่ที่สุด มีสถานที่ราชการกระจายออกไปทั่วประเทศ 77 จังหวัด และเป็นกระทรวงที่มีข้าราชการและพนักงานราชการมีจำนวนมากที่สุด ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการแยกเป็น2 กระทรวงด้วยกัน คือ กระทรวงศึกษาธิการเดิมและกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการมีรัฐมนตรี3 คน คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ นางกนกวรรณวิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ส่วนกระทรวงการอุดมศึกษาฯมีรัฐมนตรี 1 คน คือ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์
ส่วนจำนวนนักเรียนนักศึกษานั้นข้อมูลล่าสุดปรากฏว่ามียอดรวมทั่วประเทศ 10,092,583 คน เท่ากับร้อยละ 14.84 ของประชากรทั้งประเทศและประเทศไทยนั้นมีเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 3 ถึง 21 ปี ที่อยู่ในวัยเรียนประมาณ 16,921,048 คน ปัจจัยภายนอกที่กำลังเป็นผลกระทบระบบการศึกษาของไทยนั้นมีหลายข้อ อาทิ ในระยะ20 ปีที่ผ่านมา จำนวนประชากรเด็กเกิดน้อยลงมากจากเดิมปีละ 1.3 ล้านคนเหลือเพียงปีละ 500,000 ถึง 600,000 คนเมื่อประชากรน้อยได้ส่งผลให้โครงสร้างของสถานศึกษาได้รับความกระทบกระเทือนค่อนข้างมาก
เพราะหมดยุค “เบบี้บูม” สภาวะโรงเรียนและสถานศึกษาร้างไร้คนเข้าไปศึกษาแถมในปี 2564 นั้นข้าราชการครูวิชาชีพ 200,000 คน ก็จะต้องเกษียณอายุราชการพร้อมๆ กันปัญหาที่ตามมาคือกระทรวงต้องรับสมัครครูวิชาชีพรุ่นใหม่เข้ามาทดแทนอย่างน้อยประมาณร้อยละ 50คือ 100,000 คน โรงเรียนระดับอนุบาลและประถมศึกษากำลังมีปัญหานักเรียนน้อยมากๆ เหลือนักเรียนตามห้องชั้นละไม่เกิน 25 คนจนต้องแก้ไขปัญหาด้วยการยุบรวมโรงเรียนหลายๆ แห่งที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันมาเป็นโรงเรียนเดียวกันเพราะปัจจุบันโรงเรียนขนาดเล็กๆมีถึง 15,000 แห่ง

ปัจจุบันปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ทำให้ความจำเป็นในการหาความรู้ผ่านครูอาจารย์และสถาบันการศึกษามีลดลงมาก เป็นที่คาดหมายว่าในอนาคตแรงงานไทยประมาณ 8-9 ล้านคนอาจต้องถูกทดแทนด้วยระบบออโตเมชั่นและปัญญาประดิษฐ์ แรงงานไทยรุ่นใหม่ต้องใฝ่หาความรู้ที่เป็นวิทยาการสมัยใหม่ให้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน
ปัญหาใหญ่ที่วงการศึกษาไทยกำลังเผชิญอยู่ก็คือคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยในระบบโรงเรียนทั่วๆ ไปอยู่ในระดับต่ำผลการสำรวจของธนาคารโลกระบุว่า คะแนนเด็กไทยอยู่ที่ 54 ใน 70 ประเทศย่านเอเชียและแปซิฟิก จริงอยู่เด็กไทยมีกลุ่มที่มีความรู้และมันสมองดีๆ อยู่แต่มีเพียงร้อยละ 25 ถึง 30 ที่เหลืออีกร้อยละ 70 ความรู้ด้อยทำให้ประเทศขาดแรงงานทักษะสูงในอนาคต ส่วนใน 10 ประเทศอาเซียนนั้น ไทยอยู่ในอันดับที่ 6 เท่านั้นอีกประการหนื่งก็คือ ปัจจุบันไทยมีแหล่งผลิตบัณฑิตสาขาครุศาสตร์และการศึกษาศาสตร์มากกว่าอัตราครูที่จะสอบบรรจุถึง 3 เท่าแทนที่จะไปผลิตบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ประเทศกำลังต้องการ
ระบบการศึกษาในระดับโรงเรียนจนถึงระดับอุดมศึกษาของไทยวัดผลจากการท่องจำแต่ขาดการวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นระบบอีกปัญหาก็คือในรอบ 1 ทศวรรษที่ผ่านมาในปี 2554 ถึง 2563 ประเทศไทยใช้งบประมาณทางด้านการศึกษามากมีอัตราเพิ่มถึง 3 เท่าตัวเมื่อนำไปเทียบ 5 ประเทศอุตสาหกรรม คือไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น แต่ผลลัพธ์ที่ตอบรับกลับมาไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจนัก
ปัญหาอื่นๆ ก็มีเด็กไทยใช้ระยะเวลาเรียนค่อนข้างมากคือปีละ 1,200 ชั่วโมง ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชีย-แปซิฟิกใช้เวลาเรียนต่อปีประมาณ 900 ชั่วโมง เด็กไทยส่วนใหญ่ขาดการลงมือปฏิบัติและการทดลองทำให้เด็กไทยส่วนมากขาดทักษะในการเรียนรู้ที่จะนำไปใช้ประยุกต์ที่นำไปใช้ได้ในชีวิตจริง นอกจากนี้ การศึกษาของไทยยังใช้หลักสูตรที่เหมือนๆ กันทั้งประเทศใช้ระบบเน้นเนื้อหาสาระมากเกินความต้องการของเด็กและเยาวชนในขณะที่หลักสูตรการศึกษของประเทศอื่นๆ นั้นจะเน้นในเรื่องทักษะในการเรียนรู้ที่จะนำไปใช้ประกอบอาชีพโดยเฉพาะทางมากกว่า
อีกปัญหาหนึ่งก็คือกระทรวงศึกษาธิการขาดความต่อเนื่องในเชิงนโยบายของรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่ว่าการกระทรวงดังกล่าวในระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ถึง 16-17 คน เฉลี่ยแล้วรัฐมนตรี 1 คน มีเวลาบริหารงานแค่ 1 ปีเท่านั้นทำให้นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการขาดความต่อเนื่องไม่เหมือน สิงคโปร์, เวียดนาม, มาเลเซียและอินโดนีเซีย เรื่องที่จำเป็นต้องทำให้เกิดผลก็คือการปฏิรูปการศึกษาต้องเร่งกระทำอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะสายเกินแก้
ทีมข่าวการเมือง

ทภ.1 สรุปสถานการณ์ชายแดน 3 พื้นที่ หยุดปฏิบัติการทางทหาร ยึดกรอบ GBC ไทย–กัมพูชา
นายกฯ ไหว้พระปฐมเจดีย์ เดินตลาดโต้รุ่ง ซื้อตะลิงปลิงกลับบ้าน
สื่อเขมรตีข่าว รมต.กลาโหมกัมพูชาประกาศหยุดยิง เปิดทางคนพลัดถิ่นกลับไปทำเกษตรเลี้ยงชีพ
เลือกเพื่อชาติ! อ.อัจฉราวดี ปลุกกระแสเลือกแลนด์สไลด์สกัดส้ม
ช็อกส่งท้ายปี เป้ วงมายด์ เปิดสภาพรถถูกอัดก๊อบปี้3คันรวด แฟนๆแห่ขอเลขทะเบียนรถ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี