การแต่งตั้งบุคคลผู้มีความรู้ มีความสามารถ มีคุณธรรม และมีคุณงามความดีให้เข้ารับตำแหน่งใดๆ ก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวจะสามารถปฏิบัติภารกิจอันทำให้องค์กรและหน่วยงาน กระทำภารกิจได้โดยมีประสิทธิภาพสูงสุด แล้วจะก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อสาธารณะโดยแท้จริง
แต่ตรงกันข้าม หากการแต่งตั้งบุคคลให้มีตำแหน่งระดับสูงในหน่วยงานและองค์กรมิได้ยึดหลักคุณธรรม และหลักความรู้ความสามารถอย่างเคร่งครัด แต่เป็นการแต่งตั้งโดยอาศัยกฎกู อาศัยเกณฑ์พวกมากลากไปบนหนทางแห่งความฉ้อฉลเสียแล้ว นั่นคือการบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของหน่วยงานและองค์กรโดยแท้
ในขณะนี้มีประเด็นการเมืองสำคัญที่สาธารณชนกำลังถกกันอยู่คือ การดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ควบคู่ไปกับการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ หรือพูดเป็นภาษาง่ายๆ คือ การแสดงความไม่เห็นด้วยที่จะให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพนั่งควบตำแหน่ง สว.
มีคำถามว่า ทำไมจึงมีเสียงคัดค้านเรื่องนี้จากสาธารณชนบางกลุ่ม และมีคำถามต่อไปว่า เหตุใดผู้บัญชาการเหล่าทัพจึงไม่สมควรนั่งควบตำแหน่งนี้ และยังมีคำถามต่อไปว่า หากผู้บัญชาการเหล่าทัพนั่งควบตำแหน่ง สว. จะก่อให้เกิดผลลบอย่างไรต่อสังคมไทยโดยรวม
ก่อนอื่นต้องยอมรับความจริงว่าตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ เช่น ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และปลัดกระทรวงกลาโหม คือผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการประจำ และผู้ครองตำแหน่งเหล่านี้มีสถานะของความเป็นข้าราชการมิได้แตกต่างไปจากผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงในกระทรวงต่างๆ ดังนั้นจึงมีคำถามว่า แล้วเหตุใดจึงต้องแต่งตั้งให้คนกลุ่มนี้ไปรับตำแหน่ง สว.ด้วย เพราะถ้าหากจะทำให้ทุกอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันตามหลักการโดยเคร่งครัดแล้ว เหตุใดไม่แต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงทุกคนได้รับตำแหน่ง สว. อย่างเสมอหน้ากัน
การแต่งตั้งให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพนั่งควบตำแหน่ง สว. จึงเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน และเท่ากับการจงใจประกาศให้สาธารณชนรับรู้ว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพมีอภิสิทธิ์เหนือข้าราชการระดับเดียวกัน
การกระทำใดๆ ก็ตามของผู้มีอำนาจรัฐ อันทำให้สาธารณชนต้องตั้งคำถามถึงเรื่องความโปร่งใส และความชอบธรรม ก็คือการทำให้สาธารณชนไม่ไว้วางใจ และไม่เห็นชอบในเรื่องเหล่านั้นไปโดยปริยาย การที่ผู้มีอำนาจรัฐอ้างว่าจำเป็นต้องกระทำในเรื่องดังกล่าวเพื่อความมั่นคงของประเทศ เป็นข้ออ้างที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ เพราะเท่ากับยอมรับโดยดุษณี และยังเท่ากับส่งเสริมให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพมีอำนาจในก่อรัฐประหาร ดังนั้นข้ออ้างที่ว่าการอนุญาตให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพสามารถนั่งควบตำแหน่ง สว.ได้จะช่วยป้องกันการก่อรัฐประหารจึงเป็นข้ออ้างของผู้ที่ไม่เคารพหลักการเสรีประชาธิปไตย และยังส่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นอภิสิทธิ์ชนอย่างชัดแจ้ง
วิญญูชนในสังคมไทยไม่เคยชื่นชมการเป็นผู้มีอภิสิทธิ์ และไม่ชื่นชมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการทุจริตเลือกตั้ง
ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่วิญญูชนในสังคมไทยต้องคัดค้านเรื่องที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพนั่งควบเก้าอี้ สว. เหตุผลสำคัญที่ต้องคัดค้าน มิได้มาจากเรื่องการกินเงินเดือนซ้ำซ้อน แต่มาจากความไม่เห็นด้วยกับการปล่อยให้รัฐไทยมีทหารและตำรวจเป็นใหญ่โดยไม่ชอบธรรม ขอย้ำว่าหากทหารและตำรวจสามารถแสดงความชอบธรรมในการมีอำนาจให้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ววิญญูชนจะไม่คัดค้าน แต่จะช่วยสนับสนุนให้สามารถทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมืองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป คำถามสุดท้ายคือ ทหารและตำรวจที่ควบสองตำแหน่งมั่นใจหรือว่าตนเองมีประสิทธิภาพ และมีความสามารถเพียงพอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี