ทำไมเศรษฐา ทวีสิน จากหุ่นเชิดของพรรคเพื่อไทย จึงต้องพยายามกดดันครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ กนง. (คณะกรรมการนโยบายการเงิน) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งอันที่จริงแล้วกลุ่มคนที่ติดตามพฤติกรรมของเศรษฐาต่างเห็นชัดเจนว่า เศรษฐาพยายามกดดันและบีบคั้นให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยต้องลดอัตราดอกเบี้ยมาโดยตลอด แล้วยังเห็นอีกว่าเศรษฐาแสดงความไม่พอใจทุกครั้งเมื่อผู้ว่าฯ แบงก์ชาติไม่ทำตามความต้องการของตน โดยเศรษฐาอ้างว่า ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติต้องไม่เป็นอิสระบนความเดือดร้อนของคนอื่น
ถามว่าทำไมเศรษฐาต้องทุรนทุรายให้แบงก์ชาติ หรือ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ย ถามว่าเศรษฐาต้องการให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมฟื้นตัวจริงๆ หรือ หรือต้องการผลประโยชน์อะไรกันแน่ อย่าลืมว่าทุกคนรู้ดีว่าเศรษฐาคือพ่อค้าขายบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม เพราะฉะนั้น เขาก็จึงต้องทำให้ธุรกิจที่เขาทำมีผลกำไรมากๆ ถามว่าการที่เศรษฐาบอกว่าดอกเบี้ยแพงแล้วทำให้ขายบ้าน ขายคอนโดมิเนียมได้น้อยลง ปัญหานี้มันเป็นปัญหาของใครกันแน่ ระหว่างปัญหาของพ่อค้าบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม หรือปัญหาของคนซื้อบ้านจัดสรร และคอนโดฯ
หากพ่อค้าขายบ้านจัดสรร และคอนโดฯ ต้องการขายของให้ได้มากๆ ก็ลดราคาของลงมาก็จะทำให้ผู้ซื้อมีความสามารถซื้อได้มากขึ้น แต่หากพ่อค้าขายบ้านจัดสรรฯ ตั้งราคาขายไว้สูงมากๆ เพราะบวกกำไรไว้มากเกินไป ก็ทำให้บ้านมีราคาแพงมาก เมื่อของแพงมากๆ คนทั่วไปที่มีกำลังซื้อจำกัด ก็ซื้อของได้น้อยลง หรือซื้อไม่ได้ หรือหากจะซื้อโดยต้องไปกู้เงินจากแบงก์เพื่อซื้อ แบงก์ก็ไม่ปล่อยกู้ให้กับคนซื้อที่มีสถานะเศรษฐกิจไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่แบงก์ไม่ต้องการนำตัวเข้าไปเสี่ยงด้วย แต่ถ้าหากคนขายบ้านจัดสรรจะลดราคาขายลงมามากๆ ก็ย่อมทำให้คนซื้อซื้อได้มากขึ้น หรือมิฉะนั้น คนขายบ้านก็ต้องหาเงินกู้ให้คนซื้อบ้านกู้ให้จงได้ โดยคนขายบ้านอาจจะต้องตั้งบริษัทให้กู้ยืมเงินขึ้นมาเอง แล้วปล่อยกู้ให้คนซื้อบ้าน แต่รับรองว่าคนขายบ้านไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ เพราะคนขายบ้านรู้ว่าเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสีย หนี้สูญ
ในเมื่อคนขายบ้านยังกลัวปัญหาหนี้เสีย หนี้สูญ แล้วทำไมคนขายบ้านจึงจะผลักภาระ และโยนปัญหาไปให้ธนาคารพาณิชย์ หากเศรษฐามั่นใจว่ามีอำนาจรัฐ
แล้วสามารถใช้อำนาจรัฐได้โดยไม่มีข้อจำกัด เศรษฐาก็ต้องสั่งการให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ปล่อยกู้ให้กับลูกค้าโดยง่ายดาย แต่เมื่อเกิดปัญหาใดๆ กับธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้ว เศรษฐาก็ต้องรับผิดชอบด้วย อย่าหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศก็แล้วกัน
อันที่จริงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยในยุครัฐบาลเศรษฐามีต้นตอปัญหาอย่างหนึ่งมาจากการที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้า ถามว่าความล่าช้าของงบประมาณฯ เป็นความรับผิดชอบของใคร ตอบว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล คนที่มีปัญญาต่างรู้ดีว่า ถึงแม้งบประมาณฯ จะล่าช้า แต่เศรษฐกิจของประเทศก็ยังเดินต่อไปได้ แม้จะไม่สวยงามมากนัก แต่ก็ไม่มีปัญหาเศรษฐกิจดิ่งเหว ลองดูตัวเลข GDP ของปีก่อนก็พบว่าโตที่ 1.9 เปอร์เซ็นต์ แม้จะมีปัญหางบประมาณล่าช้า GDP ก็ไม่ติดลบ
อย่าลืมว่าความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมาจากองค์ประกอบหลายตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้จ่ายของภาครัฐ หากงบฯ ปี 2567 ออกมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เศรษฐกิจไทยก็จะไม่มีปัญหาเหมือนดั่งที่กำลังเกิดปัญหาอยูู่ในขณะนี้แต่ต้องย้ำว่าเพราะงบฯ 2567 ล่าช้า ซึ่งความล่าช้าเกิดมาจากรัฐบาลเป็นสำคัญ เมื่อปัญหาเกิดจากรัฐบาล แล้วจะโยนความผิดให้ใครได้หากงบฯ 2567 ออกมา แล้วใช้งบฯ ไปตามปกติ คาดว่า GDP จะอยู่ที่ 2.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดูตัวเลขการส่งออกสินค้า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ตัวเลขการบริโภคภายในประเทศก็ไม่ได้เลวร้ายจนแสนสาหัส แม้จะไม่ดี แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายจนวิกฤต ส่วนข้ออ้างเรื่องเงินเฟ้อติดลบ ก็ต้องบอกว่าปัญหานี้มาจากรัฐบาลเอง เพราะรัฐบาลดันบิดเบือนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาไฟฟ้า
เมื่อรัฐบาลเศรษฐาทำผิดพลาด แล้วไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง แต่กลับจะกดดันให้ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังนั้น สังคมจึงจำเป็นต้องร่วมกันประณาม และขับไล่รัฐบาล แล้วก็ต้องไม่ยอมให้รัฐบาลที่ทำงานผิดพลาดตลอดเวลาบริหารประเทศต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี